My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1094 พบดราก้อนคิงอีกครั้ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1094 พบดราก้อนคิงอีกครั้ง
ตอนที่ 1094 พบดราก้อนคิงอีกครั้ง
เนื่องจากแผ่นดินไหวจึงทำให้เกิดรอยแตกปกคลุมถนนเบื้องหน้ารถยนต์สามารถขับผ่านรอบถนนได้จากทิศทางอื่นเท่านั้น
จากนั้นฉิงเฟิงจึงมาเป็นคนขับแทนหลินเสวี่ย
บนถนน,ถนนหลายสายได้รับความเสียหาย นอกเหนือไปจากรอยแตกบนท้องถนนแล้วก็ยังมีสิ่งกีดขวางอีกมากมายรวมไปถึงต้นไม้, ก้อนหินและเศษหินที่ถล่มลงมา เพื่อขับผ่านอุปสรรคเหล่านี้คนขับจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีทักษะสูง
ฉิงเฟิงขับรถผ่านด่านเหล่านี้ด้วยความเร็วสูงเขากลับมาถึงบ้านพร้อมกับหลินเสวี่ยและลูกหมาสีดำในเวลาไม่นาน
สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไม่เพียงแค่เกิดขึ้นในเมืองตงไห่เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงในเมืองอื่นๆอีกด้วย หนอนปีศาจใต้พิภพบางตัวก็ปรากฏขึ้นในเมืองอื่นเช่นกัน แต่พวกมันก็ถูกสังหารโดยผู้ฝึกตนอันแข็งแกร่งหลายคน
การเปลี่ยนแปลงบนโลกทำให้เหล่าฤาษีที่เก็บตัวก่อนหน้านี้หลายคนออกมาจากการเก็บตัวพวกเขาเริ่มตรวจสอบสถานการณ์ของโลกและมองหาโอกาส
ในระยะเวลาสั้นๆโลกกำลังกลายพันธุ์เหล่าบรรดานักบุญ, สัตว์อสูรและปีศาจจากยุคโบราณได้ปรากฏขึ้นทีละน้อย
คืนนี้โลกมนุษย์ไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว
ปีศาจใต้พิภพไม่เพียงแค่ปรากฏในหัวเซี่ยเท่านั้นแต่มันยังปรากฏในประเทศและภูมิภาคอื่นๆไปทั่ว
ในโบสถ์ของศาสนจักรแห่งทวีปเสือมีหนอนปีศาจยาวหนึ่งร้อยเมตรซึ่งเป็นอันตรายและแข็งแกร่งมาก มันฆ่าผู้คนของศาสนจักรไปมากมาย สุดท้ายต้องถึงมือสมเด็จพระสันตะปาปาจึงกำราบมันได้ในที่สุด
ผู้ฝึกตนบนโลกไม่ว่าจะเป็นชาวตะวันออกหรือชาวตะวันต่างรู้ดีว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงและอารยธรรมการบ่มเพาะพลังที่หายไปจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
อารยธรรมเหล่านี้ล้วนแต่ทรงพลังยิ่งกว่าอารยธรรมในปัจจุบันในสมัยโบราณ ยามที่นักบุญปล่อยฝ่ามือ พวกเขาสามารถทำลายเมืองใหญ่ทั้งเมืองได้ แต่ละย่างก้าวที่เหยียบย่ำของนักบุญสามารถเปลี่ยนภูเขาขนาดใหญ่ให้กลายเป็นพื้นที่ราบเรียบ !
กล่าวโดยสังเขปพลังของนักบุญนั้นทรงอำนาจเหนือกว่าขีปนาวุธ
…………
หลังจากกลับมาที่วิลล่าฉิงเฟิงได้ติดต่อกับทีมเขี้ยวหมาป่าทันทีโดยบอกพวกเขาว่าโลกกำลังจะกลายพันธุ์และสัตว์ประหลาดที่แฝงตัวอยู่จะปรากฎขึ้นฉิงเฟิงเตือนพวกเขาให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการกลายพันธุ์นี้และให้ความสนใจกับความปลอดภัยของตนเองให้มาก
หลังจากแจ้งให้สมาชิกในทีมเขี้ยวหมาป่าทราบเขายังติดต่อเหล่าราชาอสูรในปกครองทั้งหลายรวมไปถึงคนของสมาพันธ์ฉิงเฟิงเพื่อเตือนพวกเขาให้ระวัง
หลังจากปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขจู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในขณะที่ฉิงเฟิงล้มตัวลงนอนเตรียมจะพักผ่อน
ฉิงเฟิงยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นว่าผู้ที่โทรมายามวิกาลก็คือชาวเฟิ่งอู่นั่นเอง
เขาเข้าใจว่าสมาชิกทั้งหมดภายใต้ชาวเฟิ่งอู่เป็นผู้ฝึกตนของหัวเซี่ยพวกเขาย่อมรู้แน่นอนว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลง
“ผู้อำนวยการชาวนี่มันก็ดึกแล้ว โทรหาผมมีอะไรหรือเปล่า ” ฉิงเฟิงรับสายและกล่าวตอบ
“นายพลหลี่,คุณควรจะได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในหัวเซี่ยช่วงนี้แล้ว ชั้นจะบอกคุณว่าพวกเราเพิ่งพบสมบัติในถ้ำภูเขาพยัคฆ์มังกร แต่ในนั้นกลับมีข่ายอาคมที่ไม่อาจทำลายได้ คุณมาช่วยดูหน่อยได้ไหม ” ชาวเฟิ่งอู่ถามฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและพูดว่า“ผู้อำนวยการชาว ผมเกรงว่าจะไม่สะดวก อีกสามวันผมจะจัดงานแต่งงานกับภรรยา ดังนั้นผมยังไม่อาจไปที่นั่นได้ในช่วงนี้”
ชาวเฟิ่งอู่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“เราสามารถใช้เฮลิคอปเตอร์ส่งคุณไปที่ภูเขาพยัคฆ์มังกร มันใช้เวลาไปกลับเพียงหกชั่วโมง ชั้นคิดว่าคงไม่กระทบกับงานแต่งงานของคุณเท่าไหร่”
ฉิงเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็เห็นด้วยกับคำขอของชาวเฟิ่งอู่เนื่องจากเขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากเธอในอนาคตและตำแหน่งทางทหารของเขาได้รับการเสนอจากเธอ เขาต้องตอบแทนเธอบ้าง
หลังจากนัดหมายกันเสร็จเรียบร้อยก็ไม่มีสิ่งใดมารบกวนฉิงเฟิงอีกต่อไปดังนั้นเขาจึงนอนลงบนเตียงและหลับอย่างสงบสุข
วันรุ่งขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยก็ตื่นแต่เช้าและกินอาหารเช้าพร้อมกันเล็กน้อยก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่โรงแรมซึ่งลั่วเฮาได้จองไว้เพื่อฉลองวันเกิดของลูกสาวเขา
วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนของลูกสาวลั่วเฮาดังนั้นฉิงเฟิงจึงต้องการเข้าร่วมงานของเพื่อนสนิทผู้นี้และเป็นการแสดงความให้เกียรติแก่อีกฝ่าย
เมื่อฉิงเฟิงมาถึงโรงแรมลั่วเฮาก็รอเขาที่ประตูและต้อนรับเขาเข้าไปในโรงแรมด้วยตนเอง
ในงานนี้มีทั้งญาติและบรรดาเพื่อนฝูงของลั่วเฮารวมไปถึงเพื่อนร่วมงานด้วยมีโต๊ะทั้งหมดสิบโต๊ะ ทุกคนดื่มกินกันตลอดเวลา
ฉิงเฟิงมอบจี้ของผู้ฝึกตนให้แก่ลูกสาวลั่วเฮาเป็นของขวัญมันเป็นจี้ที่กักเก็บพลังแท้เอาไว้และสามารถปกป้องร่างกายของเธอจากการเจ็บป่วยและยังช่วยต้านไวรัสอีกด้วย
หลังจากงานเลี้ยงจบลงฉิงเฟิงก็ออกจากงานและส่งหลินเสวี่ยกลับไปที่บริษัทจากนั้นเขาก็เดินทางไปที่หน่วยความปลอดภัยพิเศษหัวเซี่ย ในระหว่างที่แยกทางกันฉิงเฟิงส่งสัญญาณเสียงบอกให้ลูกหมาสีดำคอยติดตามดูแลความปลอดภัยของหลินเสวี่ย
ตอนนี้โลกกำลังกลายพันธุ์มีอันตรายเกิดขึ้นทุกที่ดังนั้นลูกหมาสีดำจึงติดตามหลินเสวี่ยเพื่อคอยปกป้องเธอ
……….
ไม่นานฉิงเฟิงก็มาถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ
ใบหน้าของชาวเฟิงอู่อ่อนโยนและงดงามเหมือนเดิมแต่ผิวของเธอไม่ได้ขาวนักแต่เป็นสีข้าวสาลีแต่ยังดูนุ่มนวลและเรียบเนียนมาก ดวงตาคู่โตของเธอเหมือนไข่มุกที่เปล่งแสงเจิดจ้า ริมฝีปากสีแดงของเธอดูนุ่มนวลและงดงาม มันราวกับลูกเชอร์รี่
ชาวเฟิ่งอู่สวมสูทเข้ารูปที่เผยเอวผอมเพรียวของเธอในวันนี้เธอแต่งตัวอย่างงดงามซึ่งดึงดูดสายตาของทุกคนในหน่วยงาน
ชาวเฟิ่งอู่ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าเพื่อรอฉิงเฟิงนอกจากนี้ยังมีคนสองคนยืนอยู่ข้างๆเธออีกด้วย คนหนึ่งคือเย่หงตี้ส่วนอีกคนหนึ่งดราก้อนคิง !
ดราก้อนคิงผู้นี้ไม่ใช่ตัวตนที่เรียบง่ายเขาเป็นหัวหน้าของทีมเขี้ยวมังกรแห่งทวีปมังกร
เมื่อได้เห็นดราก้อนคิงอีกครั้งฉิงเฟิงก็มีสีหน้าประหลาดใจปีที่แล้วฉิงเฟิงยังเป็นวูฟคิง , ราชันหมาป่าของทีมเขี้ยวหมาป่าแห่งทวีปหมาป่า เขาคือหนึ่งในราชันที่ไร้เทียมทานของโลกใต้ดิน (มาเฟีย) ส่วนดราก้อนคิงเป็นหัวหน้าทีมเขี้ยวมังกรและยังเป็นราชันแห่งทวีปมังกรอีกด้วย
ย้อนกลับไปในช่วงงานแต่งงานของหลิวหรูหยานที่เมืองหลวงจิงฉิงเฟิงทำลายล้างตระกูลหวังและสยบดราก้อนคิงเอาไว้ได้ ต่อมาจูเชว่(หงส์แดง) คนของภูเขามังกรศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้นและเจรจากับเขาเพื่อร้องขอให้ไว้ชีวิตดราก้อนคิง
ไม่ได้เจอกันนานฉิงเฟิงเหลือบตามองเพียงวูบเดียวก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้ดราก้อนคิงก้าวขึ้นมาเป็นผู้ฝึกตนเช่นเดียวกับเขา นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเย่หงตี้อีกด้วย
เมื่อเห็นความสับสนในสายตาของฉิงเฟิงชาวเฟิ่งอู่ก็อธิบายว่า “ทั้งดราก้อนคิงและเย่หงตี้เผชิญกับโชคชะตาด้วยความบังเอิญจนเข้าสู่โลกแห่งการบ่มเพาะ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองกลายเป็นผู้ฝึกตนที่น่าเกรงขามแล้ว”
หลังจากฟังคำอธิบายของชาวเฟิ่งอู่แล้วฉิงเฟิงก็พยักหน้าหากตนเองยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยและเป็นผู้ฝึกตนได้ คนอื่นก็ย่อมทำได้เช่นกัน เขาไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก แต่ทว่า คำพูดต่อมาของดราก้อนคิงกลับทำให้ฉิงเฟิงต้องขมวดคิ้ว
“วูฟคิงตอนนี้ข้าเป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่งแล้ว ข้าต้องการท้าทายเจ้า”
ดราก้อนคิงมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยร่องรอยของความเป็นปรปักษ์ที่ปรากฏขึ้นในดวงตาอันดุดันของเขา
ในสายตาของดราก้อนคิงศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือวูฟคิง ความพ่ายแพ้หมดรูปก่อนหน้านี้เป็นความอับอายและรอยด่างที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
นับตั้งแต่ที่ดราก้อนคิงได้รับคัมภีร์การบ่มเพาะพลังในหนองน้ำลึกลับแห่งหนึ่งเขาเริ่มบ่มเพาะพลังอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงส่งที่สุดบนโลกใบนี้และเอาชนะวูฟคิงเพื่อล้างอายได้
เมื่อได้ยินคำพูดของดราก้อนคิงใบหน้าของฉิงเฟิงก็เผยอยิ้ม เขาคิดในใจว่า
หมอนี่ยังกล้าท้าทายเขาอีกครั้งเขาเป็นบ้าหรือไง
ถูกต้องที่ดราก้อนคิงกลายเป็นผู้ฝึกตนอันแข็งแกร่งแต่ฉิงเฟิงก็ไม่ได้อยู่เฉยๆไปวันๆ เขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตครึ่งก้าวจิตราชันไปแล้ว ตราบใดที่ยอดฝีมือระดับจิตราชันที่แท้จริงไม่ปรากฏ ไม่มีใครเอาชนะเขาได้
ฉิงเฟิงส่ายหัวแล้วพูดว่า“ดราก้อนคิง นายลืมเรื่องนั้นไปเถอะ ฉันไม่ว่างมาเล่นด้วย พวกเราต้องไปหาสมบัติที่ภูเขาพยัคฆ์มังกรพวกเราไม่ควรมาสู้กันตอนนี้”
ฉิงเฟิงไม่ต้องการต่อสู้เพราะเห็นว่าไม่เป็นจำและไร้สาระแต่ดราก้อนคิงกลับไม่เห็นด้วย เขาต้องการล้างแค้นให้ตนเองและขจัดความอัปยศในอดีตออกไปจากใจ
“หลี่ฉิงเฟิงหรือว่าเจ้ากลัวแพ้ เพราะเหตุผลนี้ใช่ไหมถึงไม่กล้ารับคำท้าของข้า ?”
ดราก้อนคิงแสยะยิ้มและกล่าวขึ้น
ไม่จำเป็นต้องกล่าว,ดราก้อนคิงตอนนี้เย่อหยิ่งอวดดี้มากนัก การที่ฉิงเฟิงปฏิเสธก็เนื่องจากไม่อยากทำลายความมั่นใจของเขา ‘อีกครั้ง’ แต่ชายผู้นี้กลับยืนยันที่จะท้าทายเขา