My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1096 เข้าสู่ภูเขาพยัคฆ์มังกร
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1096 เข้าสู่ภูเขาพยัคฆ์มังกร
ตอนที่ 1096 เข้าสู่ภูเขาพยัคฆ์มังกร
ดราก้อนคิงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานกันเขามองดูเม็ดยาจิตโลกาที่ฉิงเฟิงมอบให้และตระหนักว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่าเพราะแม้แต่หน่วยความมั่นคงพิเศษก็ไม่ได้มีสิ่งนี้มากนัก
ดราก้อนคิงไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าฉิงเฟิงจะมอบโอสถล้ำค่าขนาดนี้แก่เขาทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายท้าทายฉิงเฟิง
“ขอบคุณ”ดราก้อนคิงกล่าวพร้อมกับรับเม็ดยามา
เขารู้สึกว่าฉิงเฟิงเป็นคนที่ใจกว้างและสุขุมมากกว่าตนเองเขาเต็มใจปล่อยวางความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย
ดราก้อนคิงหยิบเม็ดยามาแล้วนั่งลงที่ด้านข้างของเวทีพร้อมกับไขว้ขาเขาเริ่มดูดซับพลังจากเม็ดยาเพื่อเยียวยาบาดแผลของตนเอง ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนจะแข็งแกร่งแต่เมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บก็จำเป็นที่จะต้องรักษาเยียวยาโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นอาจมีผลข้างเคียงไปตลอดชีวิต
เม็ดยาจิตวิญญาณโลกาละลายในปากของดราก้อนคิงทันทีที่เขาใส่มันเข้าปากมันแปรเปลี่ยนเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ พลังแท้ไหลผ่านร่างกายของเขาและรักษาเส้นชีพจรที่บาดเจ็บบอบช้ำ
เราสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนถึงสรรพคุณของเม็ดยาจิตโลกามันรักษาเส้นชีพจรได้อย่างรวดเร็ว
“หลี่ฉิงเฟิงยินดีด้วยกับชัยชนะของคุณ” ชาวเฟิ่งอู่กล่าวกับฉิงเฟิงด้วยสีหน้าอ่อนโยนและร่าเริง
ในฐานะผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงพิเศษชาวเฟิงอู่รู้สึกทึ่งกับความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้นี้ เขาสามารถเอาชนะดราก้อนคิงได้ด้วยกระบวนท่าเดียว แม้แต่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ ชาวเฟิงอู่เกิดความรู้สึกว่าหากเปลี่ยนเป็นเธอก็คงไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้เช่นกัน
ฉิงเฟิงยิ้มจางๆและเงียบเฉยไม่เพียงแค่ในหน่วยความมั่นคงพิเศษเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโลกแห่งการบ่มเพาะของหัวเซี่ย หลี่ฉิงเฟิงเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน เขาเป็นเหมือนตำนานอีกหน้าหนึ่ง
หลังจากการพ่ายแพ้ของดราก้อนคิงไม่มีใครกล้าท้าทายฉิงเฟิงอีกเพราะทุกคนเปลี่ยนเป็นชื่นชมเขาแทน
จากนั้นชาวเฟิ่งอู่ก็นำฉิงเฟิงเย่หงตี้ ดราก้อนคิงและคนในหน่วยอีกสองสามคนไปยังภูเขาพยัคฆ์มังกร
พวกเขาใช้เฮลิคอปเตอร์และเดินทางอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงสองชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงที่ตีนเขา
ภูเขาพยัคฆ์มังกรเป็นที่รู้จักกันในนามบ้านแห่งบรรพบุรุษของลัทธิเต่าและยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักพรตพวกเขาจะฝึกฝนที่นี่และสร้างที่อยู่ของตนเอง ในช่วงสงครามโลกโบราณ,ครั้งที่นักพรตระดับนักบุญต่างถูกสังหาร แต่ข่ายอาคมป้องกันภูเขายังสามารถปกป้องภูเขาพยัคฆ์มังกรเอาไว้ได้จึงไม่ถูกทำลายโดยผู้บุกรุกต่างมิติ
คราวนี้ภูเขาพยัคฆ์มังกรปล่อยแสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ามันแสดงให้เห็นว่ามีขุมทรัพย์ปรากฎขึ้น
“ฉิงเฟิงเรามาถึงแล้ว” ชาวเฟิ่งอู่กล่าวพร้อมทั้งชี้ไปที่ยอดเขามหึมาลูกนั้น
ภูเขาพยัคฆ์มังกรประกอบด้วยยอดเขาสองลูกยอดเขาด้านซ้ายมีรูปร่างเหมือนมังกรและด้านขวามีรูปร่างเหมือนเสือ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภูเขานี้ได้รับการเรียกชื่อว่าภูเขาพยัคฆ์มังกร
ในตอนนี้ฉิงเฟิงเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตราชันครึ่งก้าวเขาสังเกตเห็นว่าภูเขาด้านซ้ายปลดปล่อยกลิ่นอายที่คล้ายกับเทพมังกร ในขณะที่ภูเขาด้านขวาปล่อยกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับพยัคฆ์ขาว ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายของเทพมังกรหรือพยัคฆ์ขาว,ทั้งสองต่างก็มาจากยุคบรรพกาลที่แผ่กลิ่นอายจนทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ
ฉิงเฟิง,ชาวเฟิ่งอู่และคนที่เหลือต่างก็ลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วเดินหน้าต่อไป
ด้านบนของภูเขาพยัคฆ์มังกรมีข่ายอาคมขนาดใหญ่และพลังสนามแม่เหล็กเครื่องบินไม่สามารถผ่านได้และมีทางเดียวที่จะเข้าไปได้ก็คือการเดินเท้าเท่านั้น
เมื่อพวกเขาลงจากเฮลิคอปเตอร์ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเพราะมีฝูงชนมากมายออกันอยู่ที่ตีนเขา
ฝูงชนเหล่านี้ต่างรู้ว่าสมบัติกำลังจะปรากฏขึ้นดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงมารอช่วงชิงและแสวงหาโชคลาภ
ฝูงชนเหล่านี้มาจากภูมิหลังที่หลากหลายดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับรู้อะไรมากเกี่ยวผู้ฝึกตนในหัวเซี่ยและพลังของหลี่ฉิงเฟิง ชาวเฟิ่งอู่,ในฐานะผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงพิเศษของหัวเซี่ย เธอมีข้อมูลและรู้รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับกองกำลัง-นิกายผู้ฝึกตนในหัวเซี่ย
จากนั้นชาวเฟิ่งอู่ก็ชี้ไปที่ฝูงชนที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกและกล่าวว่า“พวกเขามาจากนิกายราชันกระบี่ จ้าวนิกายของพวกเขาเรียกจ้าวหลิงหวัง เขาเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตราชันและทรงพลังยิ่ง”
“ดูทางนั้น,ทางด้านตะวันตกเป็นกลุ่มคนที่มาจากนิกายราชันเหมันต์ ทั้งหมดล้วนเป็นสตรี จ้าวนิกายนามว่าปิงหยาเฟย เธอมีพลังในขอบเขตจิตราชัน”
“ทางด้านทิศใต้คือนิกายราชันสัตว์จ้าวนิกายคือโซวอู๋หยา พวกเขาควบคุมสัตว์อสูรและใช้พวกมันเป็นกำลังรบหลัก”
“ทางด้านทิศเหนือคือคนที่มาจากนิกายราชันแห่งยันต์จ้าวนิกายคือฟู่ยูอู๋ พวกเขาฝึกฝนศาสตร์แห่งการใช้ยันต์ พวกเขาสามารถสร้างยันต์และใช้มันในการโจมตีได้” ชาวเฟิ่งอู่ชี้ไปในทุกทิศทางเพื่ออธิบายขุมกำลังต่างๆและความสามารถของพวกเขาให้ฉิงเฟิงได้รับรู้
นอกจากนี้ชาวเฟิ่งอู่ยังบอกต่อฉิงเฟิงว่านิกายเหล่านี้ล้วนเป็นนิกายระดับราชันทั้งหมด! พวกเขาไม่ค่อยปรากฏตัวบนโลกภายนอกแต่กลับมาปรากฏตัวบนภูเขาพยัคฆ์มังกร
หลังจากได้ยินการแจกแจงเกี่ยวกับนิกายต่างๆของชาวเฟิ่งอู่ใบหน้าของฉิงเฟิงก็แปรเปลี่ยนไป เขาคิดว่าตนเองโดดเด่นสูงพออยู่แล้วที่บ่มเพาะจนมีพลังในขอบเขตครึ่งก้าวจิตราชัน แต่สิ่งที่ได้ยินในตอนนี้ทำให้เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่แข็งแกร่งกว่าเขา
ฉิงเฟิงสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้อยู่สูงกว่าเขามาก
แต่ถึงแม้ว่ากองกำลังอื่นจะแข็งแกร่งชาวเฟิ่งอู่ก็ยังคงพากลุ่มของเธอเดินไปข้างหน้า เธอไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้เพราะสมบัตินั้นน่าดึงดูดใจมากเกินไป
นิกายอื่นๆที่พบหน้าเธอต่างก็พยักหน้าให้พวกเขาไม่ได้ขัดขวางใดๆเพราะตัวตนของเธอนั้นเป็นถึงผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงพิเศษแห่งหัวเซี่ย มันเป็นชื่อเสียงที่ได้รับการนับถือจนแม้แต่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อยากล่วงเกิน
“เฟิ่งอู่,เจ้ามาแล้ว” ชายหนุ่มผมสั้นคนหนึ่งจากนิกายราชันสัตว์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มผมสั้นผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือนายน้อยแห่งนิกายราชันสัตว์ โซพั่วเทียน นอกจากนี้เขายังเป็นยอดฝีมือในขอบเจตจิตราชันอีกด้วย
โซพั่วเทียนทักทายชาวเฟิ่งอู่เป็นเพราะเขาชอบเธอและมีความรู้สึกที่ดีต่อเธอ
ใบหน้าที่ดูเป็นมิตรของชาวเฟิ่งอู่มีรอยยิ้มเธอกล่าวว่า “คุณควรเรียกชั้นว่ามิสชาว ต่อจากนี้ไปอย่าเรียกชั้นว่าเฟิ่งอู่ เราไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น” โซพั่วเทียนชอบชาวเฟิ่งอู่แต่เธอไม่ได้ชอบเขา
สีหน้าของโซพั่วเทียนเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินสิ่งที่ชาวเฟิ่งอู่พูดเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก ในฐานะที่เป็นนายน้อยแห่งนิกายราชันสัตว์ เขามีตำแหน่งอำนาจท่วมท้นแต่กลับถูกปฏิเสธ
“พี่พั่วเทียน,อย่าทำตัวระรานอีกเลย มิสชาวไม่ได้สนท่าน” ชายหนุ่มผมยาวจากนิกายราชันแห่งยันต์กล่าว
ชายคนนี้มีใบหน้าที่หนุ่มแน่นและหล่อเหลาแต่เขากลับมีผมยาวเหมือนสตรีมันดูแปลกพิลึก
แต่ทว่าอย่าถูกหลอกโดยความเป็นหญิงของชายหนุ่มผู้นี้ เขามิได้เป็นคนไร้ชื่อ เขาเป็นถึงนายน้อยของนิกายยันต์ ชื่อของเขาคือฟู่โตวตี้
ฉิงเฟิงได้รู้จักชื่อของบุคลสำคัญทั้งสองจากชาวเฟิ่งอู่และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา “เจ้าหัวเราะอันใด” โซวพั่วเทียนขมวดคิ้วและถามฉิงเฟิง
เขาถูกรบกวนจากเสียงหัวเราะของฉิงเฟิงมันรู้สึกเหมือนชื่อของเขาทำให้อีกฝ่ายขบขัน
ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวขึ้นว่า“ชื่อของนายโดดเด่นเหลือกินจริงๆ ฉันอยากรู้นายทำให้นภาพินาศไปแล้วหรือยัง ”