My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1103 ปิงซีเยว่ผู้ต่ำทราม
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1103 ปิงซีเยว่ผู้ต่ำทราม
ตอนที่ 1103 ปิงซีเยว่ผู้ต่ำทราม
“ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนี้เป็นของข้าอย่าแม้แต่จะคิดแย่งมันกับข้า !”
ปิงซีเยว่กล่าวอ้างอย่างไม่ยอมแพ้ในขณะที่ชี้ไปที่ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่เหี่ยวแห้งไปแล้ว
ในระดับขั้นความศักดิ์สิทธิ์ของดอกไม้ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีอยู่ในระดับราชัน ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเหี่ยวเฉาไปแล้ว แต่หากใช้การปรับแต่งบางอย่างมันก็อาจจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนได้
โดยทั่วๆไปแล้วดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์จิตวิญญาณนั้นหาได้ยากยิ่งมันจึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฝึกตนทุกรูปนาม
“ปิงซีเยว่,เจ้าเป็นใครถึงกล้าพูดว่าสิ่งนั้นเป็นของเจ้า ” จ้าวเกอควงขมวดคิ้วต่อคำพูดของปิงซีเยว่
เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยืนกรานว่าต้องได้ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีดอกนี้ดังนั้นเขาก็พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อมันเช่นกัน
แต่ทว่าจ้าวเกอควงก็ไม่ใช่ผู้เดียวที่เห็นมัน ฟู่โตวตี้และโซวพั่วเทียนต่างก็เห็นพร้อมกัน พวกเขาก้าวไปข้างหน้าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสี
ฉิงเฟิงจ้องมองไปที่การต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มได้ทุกเมื่อของคนอื่นเขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น
เขาต่างหากที่เป็นคนจัดการกับร่างมายาของสตรีผู้เย้ายวนใจนางนั้นไม่ว่าใครจะกล่าวอ้างอย่างไร ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่แห้งเหี่ยวดอกนั้นก็ควรจะเป็นของเขา เขาไม่ยอมถอยให้ปิงซีเยว่และคนอื่นๆแน่นอน
“เอาละให้ฉันหย่าศึกให้พวกนายเถอะ สรุปว่าดอกไม้นี้ควรเป็นของฉันต่างหาก”
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นเขากล่าวกับปิงซีเยว่และคนอื่นๆ
เมื่อได้ยินคำเรียกร้องของฉิงเฟิงรอยยิ้มอันงดงามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปิงซีเยว่แต่มันเป็นรอยยิ้มแห่งการเย้ยหยัน เธอหัวเราะให้ฉิงเฟิงที่ประเมินความมั่นใจและความสามารถของตนเองสูงเกินไป
ปิงซีเยว่เป็นธิดาเทพของนิกายราชันเหมันต์ความสามารถของเธอโดดเด่นมากจนโซวพั่วเทียนก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้ หลี่ฉิงเฟิงกล้าออกปากแย่งชิงดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีกับเธอได้อย่างไร
“หลี่ฉิงเฟิงเจ้าอย่าได้คิดว่าตนเองไร้เทียมทานเพียงเพราะเจ้าเอาชนะโซวพั่วเทียนได้ จะให้ดีเจ้าอยู่ของเจ้าเฉยๆดีกว่า อย่ามาต่อต้านข้า ข้าจะพูดอีกครั้ง ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนี้เป็นของข้า”
“เฮอะ,แค่เพราะเธอเป็นธิดาเทพของนิกายราชันเหมันต์เธอเลยคิดว่าตนเองมีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นหรือไง ฉันจะบอกอะไรเธอให้รู้ ฉันนี่แหละที่เป็นคนเก็บนังผู้หญิงดีดกู่ฉินนางนั้นและช่วยปลดปล่อยพวกเธอจากภาพลวงตาของนาง ดังนั้นดอกไม้นี่ควรเป็นของฉัน” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเบาบางและบอกความจริงที่เกิดขึ้นให้ทุกคนได้ยิน
ใจจริงแล้วฉิงเฟิงไม่ได้อยากจะบอกเล่าให้ใครฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ความเย่อหยิ่งของปิงซีเยว่ทำให้เขาประสาทเสีย เธอมีความชอบธรรมอะไรถึงตัดสินใจเอาเองว่าดอกไม้ต้องเป็นของเธอ
สิ่งที่ฉิงเฟิงพยายามจะสื่อนั้นเข้าใจได้ง่ายมากเขาเป็นคนฆ่าสตรีนางนั้น ดังนั้นดอกไม้นี่จึงเป็นรางวัลที่เขาควรจะได้รับเป็นธรรมดา
“ฮ่าๆๆเจ้าพยายามจะล้อเล่นอะไร, หลี่ฉิงเฟิง ไม่ว่าข้าและทุกคนจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะมีปัญหาพอจะสังหารสตรีนางนั้นได้เลย สิ่งที่เจ้าพูดมามันช่างตลกสิ้นดี” ปิงซีเยว่ส่ายหัวของเธอและแสดงออกว่าไม่เชื่อคำพูดเขาอย่างชัดเจน
ไม่ได้มีเพียงแค่ปิงซีเยว่เท่านั้นที่ไม่เชื่อคำพูดของหลี่ฉิงเฟิงแต่ยังรวมไปถึงคนอื่นๆเช่นกันที่ต้องการดอกไม้นี่ พวกเขาทั้งหมดต่างดูออกว่าสตรีผู้เย้ายวนใจนางนั้นมีพลังในการกดทับสูงส่งและไม่ใช่ผู้ที่หลี่ฉิงเฟิงจะต่อกรได้
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกนายละกันแต่ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างก็ต้องการมัน งั้นก็มาวัดกันหน่อยเป็นไง ” ฉิงเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นและก้าวไปข้างหน้า
“หลี่ฉิงเฟิงจงถอยไปซะ,ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นอะไรที่เกินความสามารถของเจ้าจะได้ครอบครอง” โซวพั่วเทียนหัวเราะเยาะ
ในบรรดาคนอื่นๆโซวพั่วเทียนจงเกลียดจงชังหลี่ฉิงเฟิงมากที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน
“ไสหัวไป!”
ฉิงเฟิงเรียกใช้พลังจิตวิญญาณและกระแทกกลับคำพูดของโซวพั่วเทียนเสียงของเขากลายเป็นดั่งพายุจิตวิญญาณและเข้าสู่สมองของโซวพั่วเทียน ตุบ!
โซวพั่วเทียนล้มลงบนพื้นอย่างหนักในขณะที่มือของเขากุมศีรษะและส่งเสียงกรีดร้องดิ้นไปดิ้นมาบนพื้นเหงื่อเม็ดโป้งไหลลงมาที่ใบหน้าซีดเซียวของเขาราวกับหยดน้ำ มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าร่างกายและจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ฉิงเฟิงเพิ่งสำเร็จเคล็ดวิชาราชสีห์คำรามมาเมื่อไม่นานนี้ในฐานะที่มันเป็นเคล็ดวิชาจิตวิญญาณลับระดับราชัน มันมีพลังอำนาจที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
แต่ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะสำเร็จเพียงแค่‘คำรามครั้งที่หนึ่ง’ – คำรามสะเทือนฟ้า แต่มันก็ทำให้โซวพั่วเทียนหมดสภาพและไร้ทางต่อสู้ได้อย่างง่ายดายในเวลาไม่นาน
เมื่อทุกคนได้เห็นสภาพของโซวพั่วเทียนดวงตาของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาเห็นเต็มตาว่าหลี่ฉิงเฟิงยังไม่ทันจะได้โจมตีใดๆ เพียงแค่คำพูดตะคอกของเขาก็ทำให้โซวพั่วเทียนดิ้นทุรนทุรายบนพื้นอย่างง่ายดาย
ใบหน้าอันงดงามของปิงซีเยว่กลายเป็นซีดเซียวในขณะที่เธอกล่าวกระตุ้นเตือนจ้าวเกอควงว่า“พลังจิตวิญญาณของหลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งมาก ระวังการโจมตีทางจิตวิญญาณของเขาด้วย!”
ในความเป็นจริงถึงแม้ว่าราชสีห์คำรามของฉิงเฟิงนั้นจะแข็งแกร่งอย่างน่าประทับใจแต่ด้วยพลังจิตวิญญาณที่มีจำกัดของเขาในปัจจุบันเขาสามารถทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พลังจิตวิญญาณของฉิงเฟิงเพิ่มขึ้นในอนาคต เขาก็จะสามารถใช้มันได้หลายครั้งติดต่อกัน
ดังนั้นตอนนี้ฉิงเฟิงจึงไม่สามารถใช้ราชสีห์คำรามได้ชั่วคราวเว้นเสียแต่ว่าเขาจะได้ฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ
เช้ง!
ขณะที่ฉิงเฟิงเดินไปข้างหน้าจ้าวเกอควง, ปิงซีเยว่และฟู่โตวตี้ต่างก็เรียกอาวุธวิญญาณของพวกเขาออกมาอย่างเร่งรีบและชี้ไปที่เขา
พวกเขารู้ว่าหลี่ฉิงเฟิงเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะร่วมมือกันฆ่าเขาก่อน แล้วค่อยต่อสู้กันเองในภายหลัง
เชาเฟิ่งอู่และเย่หงตี้ต่างก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลพวกเธอต้องการช่วยเหลือฉิงเฟิง แต่เป็นที่น่าประหลาดใจ ฉิงเฟิงกลับโบกมือปฏิเสธความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าเชาเฟิ่งอู่และเย่หงตี้เป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเธอมีความสามารถและระดับพลังที่จำกัด ต่อให้พวกเธอเข้ามาช่วยก็ไม่ได้มีผลอะไรนอกจากทำให้เขาพะวงมากยิ่งขึ้น
“
วิชากระบี่จิตพิโรธ
!
“
จ้าวเกอควงคำรามลั่นในขณะที่เหวี่ยงกระบี่วิญญาณพิโรธในมือเข้าหาฉิงเฟิง
ในพื้นที่ที่กระบี่วิญญาณพิโรธย่างกรายไปถึงมันก็ก่อเกิดเป็นพายุไซโคลนขนาดมหึมาตามติดมาด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถเหวี่ยงพัดฉิงเฟิงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกันปิงซีเยว่ก็เหวี่ยงกระบี่เหมันต์ของเธอด้วย มันกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่และพุ่งเข้าหาฉิงเฟิง
ในบรรดาคนยอดฝีมือทั้งสองฟู่โตวตี้เป็นคนที่อ่อนแอที่สุด เขาหยิบยันต์ออกมาและเริ่มท่องบทสวดเพื่อก่อตัวเป็นเปลวไฟสีแดงสด เขาควบคุมเปลวไฟนั้นเพื่อโจมตีฉิงเฟิงจากด้านหลัง
ฟู่โตวตี้ทั้งชั่วช้าและต่ำทรามเขาใช้เปลวไฟจากวิชายันต์ เขาคิดว่าไม่มีใครสามารถอยู่รอดได้ภายใต้กองไฟ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ทราบว่าฉิงเฟิงนั้นมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีจากไฟอย่างสมบูรณ์
หวืด !
ฉิงเฟิงใช้ท่าร่างพันมังกรเพื่อหนีการโจมตีของจ้าวเกอควงและปิงซีเยว่จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาฟู่โตวตี้และคว้าจับกลุ่มก้อนเปลวเพลิงที่อีกฝ่ายยิงออกมาด้วยมือเปล่าและหัวเราะออกมาอย่างโหดเหี้ยม อุณหภูมิของเปลวไฟเหล่านี้มีเพียงแค่ 1,000 องศา แต่อุณหภูมิของเปลวเพลิงทองคำในร่างกายเขานั้นสูงถึง 5,000 องศา
เปลวไฟจากยันต์ของฟู่โตวตี้นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าเด็กทารกที่ไร้ซึ่งภยันตราย!
ฟู่โตวตี้ตกตะลึงจนตาแทบจะถลนเมื่อเขาเห็นว่าฉิงเฟิงกำลังหยอกล้อกับเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูงถึง1,000 องศาด้วยฝ่ามือของเขา ก่อนหน้านี้เปลวไฟนี้ของเขาสามารถสังหารหรือทำร้ายผู้ฝึกตนทั่วไปได้ แต่ตอนนี้มันกลับไม่ส่งผลใดๆต่อร่างกายของฉิงเฟิงแม้แต่น้อย
ชู่ว!!
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มและโยนเปลวไฟในมือของเขาไปหาฟู่โตวตี้ทันที
เปลวไฟสีแดงอันร้อนแรงแผดเผาผ่านเสื้อผ้าของฟู่โตวตี้ผมและคิ้วของเขาหายไปด้วยเปลวไฟ เขากลายเป็นคนหัวล้านอย่างน่าสังเวช
อ้ากกกกกก!!!
ฟู่โตวตี้ส่งเสียงแหลมเล็กในขณะที่เขาโคจรพลังแท้ในร่างด้วยความพยายามอย่างมากที่จะดับไฟแต่มันก็สายไปเสียแล้ว ร่างของเขาถูกเผาอย่างรุนแรง
ภายในเวลาไม่นานยอดฝีมือสองในสี่ก็ถูกฉิงเฟิงเขี่ยออกไปจากวง เหลือเพียงจ้าวเกอควงและปิงซีเยว่เท่านั้น
ถึงแม้ว่าปิงซีเยว่จะเป็นหญิงงามแต่เธอก็ชั่วช้ายิ่งเมื่อเธอเห็นว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งกว่าที่คิดและสามารถหลบหลีกการโจมตีของเธอได้ ในใจเธอก็เริ่มคิดแผนชั่วออกมา
เธออาศัยจังหวะที่จ้าวเกอควงกำลังรับมือฉิงเฟิงอย่างดุเดือดวิ่งไปหาเชาเฟิ่งอู่และคร่ากุมเธอไว้ เธอพาดกระบี่ไว้ที่คอของเชาเฟิ่งอู่ทันที