My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1119 พบปิงซีเยว่
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1119 พบปิงซีเยว่
ตอนที่ 1119 พบปิงซีเยว่
“น้ำเต้าสีทองนี้คืออะไร ทำไมมันเร็วขนาดนี้” เมื่อเห็นแสงสีทองที่ถูกยิงออกมาจากน้ำเต้าทองคำ ผู้อาวุโสสามก็ตื่นตระหนก
เธอยื่นมือออกมาและใช้ม่านแสงป้องกันเพื่อป้องกันลำแสงสีทอง
อย่างไรก็ตามพลังงานสีทองนั้นเคลื่อนไหวเร็วเกินไปและเจาะทะลุม่านแสงป้องกันของผู้อาวุโสสามทันที มันยิงทะลุศีรษะของเธอสร้างหลุมขนาดใหญ่จนเลือดพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกที่
ฟุ่บ!
ผู้อาวุโสสามล้มลงกับพื้นดวงตาของเธอเปิดกว้างไปด้วยร่องรอยของความสิ้นหวัง กลิ่นไอชีวิตของเธอจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะตายเพราะน้ำเต้า…
แน่นอนเธอย่อมไม่รู้ว่าเธอพ่ายแพ้ให้แก่น้ำเต้าทองคำซึ่งเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเซียนทองคำในอดีต
“ฉันบอกให้เธอหลีกทางแต่เธอก็ไม่ฟังทีนี้ก็เลยตายฟรีซะ” ฉิงเฟิงสบถใส่ร่างไร้วิญญาณของอาวุโสสาม จากนั้นเขาก็หันไปมองหญิงสาวที่เหลือ
หญิงสาวกรีดร้องและเป็นลมจากการจ้องมองของฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญเขาโอนถ่ายพลังแท้บางส่วนใส่ร่างหญิงสาวเพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้น
“อย่าเพิ่งหมดสติไปถ้าเธอกล้าเป็นลมไปอีกคราวนี้ฉันจะฆ่าเธอ” ฉิงเฟิงกล่าวข่มขู่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หญิงสาวกำลังจะสลบไปอีกครั้งแต่หลังจากได้ยินคำพูดของฉิงเฟิง เธอก็พยายามประคองสติไว้
“ยะอย่าฆ่าข้านะ” ผู้หญิงคนนั้นวิงวอนต่อฉิงเฟิง
เขากล่าวว่า“ฉันไม่ฆ่าเธอแต่เธอต้องพาฉันเข้าไปในนิกายราชันเหมันต์”
หญิงสาวส่ายหัวแล้วพูดว่า“ในนิกายไม่มีใครอยู่ ทั้งท่านจ้าวนิกายและธิดาเทพต่างก็อยู่ที่ภูเขาลุกที่ห้า พวกท่านกำลังต่อสู้เพื่อหัวใจเยือกแข็ง”
ใบหน้าของฉิงเฟิงซีดลงจากคำพูดของเธอเขาไม่เคยคิดเลยว่าคนของนิกายราชันเหมันต์จะต้องการหัวใจเยือกแข็ง เขาเองก็ต้องการของชิ้นนี้เพื่อช่วยชีวิตหลินเสวี่ยเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจอยู่เฉยได้
ป้าบ!
ฉิงเฟิงยื่นมือออกมาและทุบหญิงสาวเบาๆจนเธอสลบไปเขารักษาสัญญาที่ว่าจะไม่ฆ่าเธอ
“ไปที่ภูเขาหิมะลูกที่ห้ากันเถอะ”ฉิงเฟิงดูเป็นกังวลอย่างมาก เขารีบวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับคนอื่นๆในกลุ่ม พวกเขายังคงอยู่บนภูเขาลูกแรกยังมีภูเขาอีกสี่ลูกที่พวกเขาต้องผ่านไปกว่าจะถึงลูกที่ห้า
ระหว่างทางฉิงเฟิงและพรรคพวกได้พบกับเหล่าศิษย์ของนิกายราชันเหมันต์หลายคนแต่เขาก็ทุบพวกเธอจนหมดสติทั้งหมด นอกเหนือจากศิษย์ของนิกายราชันเหมันต์ เขายังพบกับสัตว์อสูรอีกหลายชนิด ซึ่งพวกมันก็ถูกจัดการด้วยน้ำมือของลูกหมาสีดำ
กลุ่มของฉิงเฟิงเดินทางมาถึงภูเขาที่ห้าในเวลาไม่นาน
ภูเขาหิมะลูกที่ห้าตั้งอยู่กลางภูเขาทั้งเก้ามันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดและมีความสูงกว่า 8000 เมตร มันหนาวเย็นที่สุดด้วยอุณหภูมิลบ 50 องศา คนทั่วไปที่มาบนนี้จะแข็งตายในเวลาไม่นาน มีเพียงเหล่าผู้ฝึกตนเท่านั้นที่มีความสามารถในการอยู่รอดในสภาพภูมิอากาศเช่นนี้
“หนาวมาก”อลิซตัวสั่นจากความเย็น เธออ่อนแอที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นเธอจึงเป็นคนแรกที่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ
ฉิงเฟิงเดินไปหาอลิซและถ่ายโอนพลังแท้บางส่วนเข้าไปในร่างของเธอเพื่อขับไล่อากาศเย็นในร่างกาย
ต่อจากนั้นฉิงเฟิงก็มอบเม็ดให้อลิซเพื่อให้เธอได้ปรับแต่งพลังแท้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
หลังจากที่อลิซรู้สึกอบอุ่นขึ้นฉิงเฟิงก็ลุกขึ้นและมองไปข้างหน้า ด้านบนของภูเขาหิมะเบื้องหน้ามีฝ่ายสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ด้านซ้ายประกอบด้วยปิงหยาเฟย,จ้าวนิกายราชันเหมันต์และปิงซีเยว่, ธิดาเทพแห่งนิกายราชันเหมันต์ ฉิงเฟิงเคยเห็นพวกเธอมาก่อนตอนที่อยู่บนเขาพยัคฆ์มังกร ดังนั้นเขาจึงจดจำพวกเธอได้ทันที
ทางด้านขวาประกอบด้วยชายกลุ่มหนึ่งที่ถือดาบขนาดใหญ่พวกเขาดูดุดันน่ากลัวมากและเปล่งกลิ่นอายพลังอันคมกริบที่ฉิงเฟิงไม่เคยเห็นมาก่อน ฉิงเฟิงยืนอยู่ที่เชิงเขาและไม่กล้าที่จะรีบร้อนขึ้นไปเนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของผู้นำของทั้งสองฝ่าย พวกเขาเป็นทั้งยอดฝีมือในขอบเขตจิตราชัน
ตอนนี้ฉิงเฟิงมีพลังอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวจิตราชันถึงแม้ว่าเขาจะสังหารอาวุโสสามที่มีพลังแท้เหนือกว่าได้ แต่นั่นก็เพราะเขาพึ่งพาพลังของน้ำเต้าทองคำ ส่วนปิงหยาเฟย,ที่เป็นเจ้านิกายนั้นมีพลังอยู่ในระดับจิตราชันขั้นที่สอง เธอทรงพลังกว่าอาวุโสสามมากนัก
ฉิงเฟิงไม่อยากเอาไข่ไปกระทบหินเขาจึงคิดที่จะรอดูสถานการณ์ไปก่อน
เมื่อมาถึงจุดนี้บนภูเขาหิมะทั้งสองฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างเย็นชา ความตึงเครียดระหว่างพวกเขาจะถูกตัดสินกันด้วยความรุนแรงเท่าที่จะเป็นไปได้
“หูเทียนเต๋าภูเขาที่ห้านี้เป็นอาณาเขตของนิกายเรา เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ ” ปิงหยาเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ปิงหยาเฟยเป็นสาวงามที่มีใบหน้าอ่อนโยนอย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่งดงามของเธอถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นชา
หูเทียนเต๋าเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าที่แข็งกระด้างของเขาไม่แสดงอาการยินดียินร้ายใดๆ เขากล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ใครให้เจ้าเป็นผู้ปกครองภูเขาหิมะลูกที่ห้า มันควรจะเป็นของข้า, นิกายภูเขาหิมะต่างหาก”
ปิงหยาเฟยและหูเทียนเต๋าต่างก็ต้องการครองภูเขาหิมะลูกที่ห้าและไม่เต็มใจที่จะยอมยกให้อีกฝ่ายเพราะก่อนหน้านี้ภูเขาลูกนี้เป็นดินแดนอิสระที่ไม่มีผู้ใดปกครอง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่สมบัติของโลกเริ่มปรากฏขึ้น ทั้งสองนิกายต่างก็ต้องการดินแดนเพิ่มขึ้นเพื่อค้นหาสมบัติลับของโลกในยุคบรรพกาล
ปิงซีเยว่แววตาคมกริบเธอมองลงไปที่ภูเขาและเห็นหลี่ฉิงเฟิงทันที เธอคุ้นเคยกับชายคนนี้มากในขณะที่ตอนนั้นเขาเอาชนะเธอในระหว่างการต่อสู้ที่ภูเขาพยัคฆ์มังกรและช่วงชิงกระบี่แสงสีทองไปได้
ปิงซีเยว่เดินไปหาปิงหยาเฟยและกล่าวว่า“ท่านอาจารย์ หลี่ฉิงเฟิงผู้ที่ศิษย์ที่เล่าให้ท่านฟังก็อยู่ที่นี่ด้วย ระวังตัวด้วยเขามีพลังมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอปิงเหยาเฟยก็ขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ที่ภูเขาพยัคฆ์มังกรเธอถูกทำให้สลบไปโดยไม่รู้ตัวจากน้ำมือของจักรพรรดินีนกยูงปีศาจและมารู้สึกตัวอีกทีที่นิกาย
หลังจากที่เธอฟื้นคืนสติแล้วปิงซีเยว่ก็เล่าให้เธอฟังว่า ชายหนุ่มที่ชื่อหลี่ฉิงเฟิงได้ครอบครองกระบี่แสงสีทองไปและเอาชนะยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากนิกายอื่นๆ
ปิงหยาเฟยประทับในชายหนุ่มผู้นี้ไม่น้อยเธอรู้ว่าเขาเป็นรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถและพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม เป็นขุมพลังที่ไม่อาจดูแคลนได้ ปิงหยาเฟยยิ้มเบาบางและหันไปพูดกับหูเทียนเต๋าว่า“ท่านจ้าวนิกายหู หากเราสองยังคงสู้กันต่อ อาจจะทำให้คนนอกฉกฉวยโอกาสไปได้ง่ายขึ้น”
“จ้าวนิกายปิงเจ้าหมายถึงอะไร ” หูเทียนเต๋าถามในขณะที่ขมวดคิ้วด้วยความสับสน
เท่าที่เขาเห็นก็มีเพียงสองฝ่ายบนยอดภูเขาหิมะหนึ่งในนั้นคือนิกายราชันเหมันต์และนิกายภูเขาหิมะ นอกนั้นก็ไม่เห็นมีใครอื่นเลย
ราวกับเข้าใจความรู้สึกงุนงนสับสนของอีกฝ่ายปิงหยาเฟยเหยียดนิ้วเรียวงามและชี้ไปที่ด้านล่าง เธอกล่าวว่า “เจ้าก็ดูสิ เห็นชายหนุ่มคนนั้นไหม ชื่อของเขาคือหลี่ฉิงเฟิง เขาไม่ใช่ตัวตนธรรมดาอย่างที่เห็น เขาเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าไร้เทียมทานต่อยอดฝีมือในขอบเขตที่ต่ำกว่าจิตราชันเชียวนะ”
หูเทียนเต๋าขมวดคิ้วตามคำพูดของเธอเขามองลงไปที่เชิงเขาและเห็นว่าฉิงเฟิงพร้อมกับพรรคพวกอีกหลายคนยืนดูอยู่
“เฮอะในเมื่อเจ้ามาถึงภูเขาหิมะของพวกข้าแล้วจะมัวหลบซ่อนไปทำไม แสดงตัวออกมาซะ” หูเทียนเต๋าส่งเสียงไปยังจุดที่พวกฉิงเฟิงอยู่และหัวเราะอย่างเย็นชา
ผู้ฝึกตนต่างก็มีการได้ยินที่เหนือมนุษย์และแน่นอนว่าฉิงเฟิงก็ย่อมได้ยินคำพูดของปิงหยาเฟยกับหูเทียนเต๋าเช่นกัน
ปิงหยาเฟยช่างทำตัวน่ารำคาญนักเขาอุตส่าห์รอคอยโอกาสอยู่ที่ตีนเขา แต่ตอนนี้เขาถูกหูเทียนเต๋าพบตัวแล้ว ดังนั้นจึงต้องแสดงตัวออกมา
แน่นอนว่าเขารู้สึกไม่พอใจต่อปิงซีเยว่มากยิ่งขึ้นหากไม่ใช่เพราะเธอปากโป้งพูดมาก เขาก็คงไม่ต้องประสบปัญหาวุ่นวายเช่นนี้