My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1134 ปีศาจพฤกษาพันปี ตัวตนระดับวิญญาณจักรพรรดิ !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1134 ปีศาจพฤกษาพันปี ตัวตนระดับวิญญาณจักรพรรดิ !
ตอนที่ 1134 ปีศาจพฤกษาพันปี ตัวตนระดับวิญญาณจักรพรรดิ !
จะให้ข้ายอมแพ้และยอมเป็นข้ารับใช้ของเจ้าอีกคนงั้นหรือ
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฉิงเฟิงวงหน้าที่บอบบางของเซียนหิมะก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เธอส่ายหัวและกล่าวอย่างหยิ่งยโสว่า“เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะยอมเป็นข้ารับใช้ของเจ้า ฆ่าข้าเลยดีกว่า”
“ถ้าไม่ยอมจำนนงั้นเธอก็ตายซะ”
ดวงตาของฉิงเฟิงทอประกายด้วยแสงเย็นชาร่างกายของเขาเปล่งเจตนาฆ่าอันรุนแรงออกมา ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ปรารถนาความตายเขาก็จะสนองให้เธอ
เช้ง!
ฉิงเฟิงชักกระบี่แสงสีทองของเขาออกมาเขาวาดเส้นโค้งในอากาศและแทงเข้าที่หัวใจของเซียนหิมะ
“
สหายน้อย
,
รั้งกระบี่ไว้ก่อนถือซะว่าให้ความเคารพแก่ผู้เฒ่าคนนี้ ไว้ชีวิตเซียนภูเขาหิมะสักครั้งจะได้ไหม
“
ในเวลาเดียวกันนี้เองน้ำเสียงคร่ำครึโบราณก็ดังลอดออกมาจากป่าดึกดำบรรพ์
เมื่อได้ยินเสียงนี้ใบหน้าของฉิงเฟิงก็ซีดลงเขาสัมผัสได้ลางๆตั้งแต่แรกแล้วว่าบางอย่างที่อยู่ในป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ไม่ใช่ตัวตนสามัญธรรมดา ต้องมีตัวตนระดับยอดฝีมือในตำนานอาศัยอยู่ และตอนนี้คนผู้นั้นก็ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด
เพียงแค่เสียงนี้ที่ดังจากป่าดึกดำบรรพ์ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉิงเฟิงรู้สึกหวาดกลัวและไม่ปลอดภัยจิตวิญญาณของเขาสั่นคลอนด้วยความกดดันที่หนักอึ้ง
ทันใดนั้นต้นไม้เก่าแก่ขนาดยักษ์ต้นหนึ่งก็บินออกจากป่าดึกดำบรรพ์ต้นไม้ต้นนี้สูงร่วมร้อยเมตรและที่ด้านบนสุดกลับมีใบหน้าเป็นมนุษย์
ปีศาจพฤกษาพันปี,นี่คือปีศาจพฤกษา มันมีชีวิตอยู่มานับพันปีจนกลายเป็นปีศาจ
ปีศาจพฤกษาพันปีบินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าฉิงเฟิงก่อนที่จะกลายร่างกลับเป็นร่างมนุษย์
หนวดเคราของเขาเป็นสีขาวใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยของความชราและหลังค่อม
แต่ถึงแม้ว่าปีศาจพฤกษาพันปีจะมีร่างเป็นมนุษย์ชราผู้หนึ่งแต่กลิ่นอายที่เปล่งออกมานั้นทรงพลังมหาศาลจนคนไม่กล้าเข้าไปใกล้
เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าของปีศาจพฤกษาผู้นี้ฉิงเฟิงก็ต้องตกตะลึงมันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว มันเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดเลยทีเดียว !
“ท่านปู่ปีศาจพฤกษาช่วยข้าด้วย” เซียนภูเขาหิมะร่ำร้องออกมาขณะมองไปที่ผู้เฒ่า
ปีศาจพฤกษาพันปีพยักหน้าขณะที่เขายิ้มให้กับเซียนหิมะเพื่อแสดงให้เธอรับรู้ว่าไม่ต้องกังวล
“สหายน้อยเจ้าเป็นยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณราชัน เห็นแก่ข้าสักครั้งได้ไหม ปล่อยเธอไปเถอะ” ปีศาจพฤกษาพันปีกล่าวกับฉิงเฟิงด้วยรอยยิ้มจางๆ
“เจ้าหนู! ปีศาจพฤกษาผู้นี้แข็งแกร่งมาก เขามีพลังในขอบเขตครึ่งก้าววิญญาณจักรพรรดิ แค่ดีดนิ้วเจ้าก็เป็นฝุ่นแล้ว เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา รับปากปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปซะ” จักรพรรดิราตรีรีบบอกกับฉิงเฟิงในใจโดยทันที น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน (จิตวิญญาณราชันมี 9 ขั้น จากนั้นจะเป็นระดับวิญญาณจักรพรรดิ)
อะไรนะขอบเขตวิญญาณจักรพรรดิครึ่งก้าว !
เมื่อได้ยินสัญญาณเสียงของจักรพรรดิราตรีสีหน้าของฉิงเฟิงก็ซีดเซียวด้วยความตกใจ
ขอบเขตวิญญาณจักรพรรดินั้นทรงพลังยิ่งกว่าขอบเขตจิตราชันในระดับนั้นสามารถสังหารผู้ใดก็ตามในขอบเขตจิตราชันได้ด้วยการเคลื่อนไหวง่ายๆเพียงครั้งเดียว
ฉิงเฟิงรู้ดีว่าปีศาจพฤกษาพันปีผู้นี้ได้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังมาเป็นเวลานานจนบรรลุถึงขอบเขตนี้แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะสังหารตนแม้แต่น้อย เพราะหากเขาคิดจะทำจริงๆฉิงเฟิงคงตายด้วยฝ่ามือเดียวไปนานแล้ว ซึ่งระดับพลังที่ต่างกันขนาดนี้พวกฉิงเฟิงไม่มีทางต่อสู้ขัดขืนได้เลย
“ถ้าท่านต้องการให้ฉันปล่อยเซียนหิมะไปก็ต้องรับปากว่าจะปล่อยพวกเราลงจากภูเขาหิมะนี้อย่างปลอดภัย”ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและบอกเงื่อนไขของเขาออกมา
“ได้สิสหายน้อย” ปีศาจพฤกษาพันปีพยักหน้าและด้วยกับเงื่อนไขของฉิงเฟิง
จากนั้นฉิงเฟิงก็ปล่อยตัวเซียนภูเขาหิมะและลงจากเขาพร้อมกับปิงหยาเฟยและทีมเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดในทันที
………
……
….
“ท่านปู่พฤกษาทำไมท่านถึงไม่สังหารหลี่ฉิงเฟิงเสียล่ะ ”
เซียนหิมะกล่าวถามปีศาจพฤกษาพันปีด้วยความสงสัย
ปีศาจพฤกษาส่ายหัวแล้วพูดว่า“ข้าได้สังเกตหลี่ฉิงเฟิงผู้นี้ดูแล้ว เขาคือผู้ที่ถูกลิขิตไว้ ข้าสัมผัสสิ่งนั้นได้จากรัศมีสวรรค์ของเขา จดจำไว้ เจ้าไม่ควรสังหารหรือมีเรื่องกับบุคลประเภทนี้ มิฉะนั้นมันจะนำพาซึ่งหายนะมาสู่เจ้า”
ผู้ที่ถูกลิขิต !
สีหน้าของเซียนหิมะเปลี่ยนไปและมีร่องรอยของความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาคู่งามของเธอ
ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนเซียนหิมะย่อมรู้โดยธรรมชาติว่าบุคคลที่ถูกลิขิตคืออะไรคนประเภทนั้นคือบุคคลที่ถูกเลือกโดยสวรรค์และโดยทั่วไปคนเหล่านั้นจะมีความสามารถสูงล้ำตลอดจนพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม ในอนาคตพวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นเจ้าเหนือหัว พวกเขาอาจจะปกครองโลกมนุษย์เสียด้วยซ้ำ !
………
“บอสครับบอสปล่อยนังเซียนหิมะนั่นไปทำไมหรือครับ ทำไมบอสไม่บวกกับไอ้ตาแก่พฤกษาอะไรนั่นไปเลยล่ะ ?” ลู่ซวนจี๋ถามฉิงเฟิงด้วยความฉงน
คนอื่นๆอาจจะไม่รู้จักบุคลิกของฉิงเฟิงแต่ลู่ซวนจี๋รู้ดี ยามที่ฉิงเฟิงเผชิญหน้ากับศัตรูของเขาเขาจะลงมือสังหารโดยไร้ซึ่งความเมตตาและไม่เคยคำนึงถึงว่าคนๆนั้นจะเป็นชายหรือหญิง เช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติกับปิงหยาเฟย
ฉิงเฟิงยิ้มจางๆและกระซิบกับลู่ซวนจี๋อย่างแผ่วเบาว่า“เจ้าบ้า ตาแก่ปีศาจพฤกษานั่นมีพลังในขอบเขตครึ่งก้าววิญญาณจักรพรรดินะเฮ้ย ต่อให้พวกเราทุกคนรุมเขาก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงลู่ซวนจี๋ก็หน้าถอดสีโดยธรรมชาติแล้วเขารู้ว่าขอบเขตวิญญาณจักรพรรดิคืออะไร มันเป็นขอบเขตของยอดฝีมือระดับสูงยิ่งกว่าจิตวิญญาณราชันและไร้เทียมทานมาก ด้วยนิ้วเดียวของผู้ฝึกตนระดับนั้นก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
โชคดีที่ฉิงเฟิงยอมปล่อยเธอไปหากเขายืนกรานจะต่อสู้ก็คงไม่มีชีวิตกลับไป
จากนั้นฉิงเฟิงก็พาทุกคนออกจากแนวเทือกเขาหิมะได้และเดินทางต่อไปยังทวีปเสือทันที
จุดหมายปลายทางต่อไปของกลุ่มฉิงเฟิงก็คือสันตะสำนักในทวีปเสือซึ่งวารีแห่งชีวิตในฤดูใบไม้ผลิถูกเก็บไว้ที่นั่น เขาต้องช่วงชิงมันมาให้ได้
…
ในเวลาเดียวกันที่ทวีปเสือกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อลหม่านเนื่องจากการปรากฏขึ้นในทันทีของสมบัติล้ำค่า*ในตำนานจำนวนมาก ซึ่งพวกมันโผล่ออกจากปราสาท, ถ้ำของเทพเจ้าบรรพกาล
(ใช้คำว่าRelics หมายถึงของที่ระลึก,ของที่ตกทอด,สิ่งตกทอดที่เป็นอนุสรณ์ ต่อไปนี้ผมใช้ทับศัพท์ว่ารีลิคไปเลยนะครับ)
ปราสาทที่ปรากฏขึ้นเหล่านั้นเต็มไปด้วยคัมภีร์ของผู้ฝึกตนจำนวนมากนอกจากนั้นยังมีทั้งสมุนไพรวิญญาณ ผลไม้วิญญาณ เม็ดยาและอุปกรณ์วิญญาณชั้นสูง ซึ่งสมบัติในตำนานเหล่านั้นถูกเหล่าเทพบรรพกาลหลงเหลือทิ้งไว้ทำให้ผู้ฝึกตนในทวีปเสือต่างก็ต่อสู้เพื่อพวกมันอย่างบ้าคลั่ง
การฟื้นตัวของโลกไม่เพียงแค่ทำให้รีลิคในตำนานของฝั่งตะวันออกเช่น อารามสวรรค์, แดนต้องห้ามภูเขาคุนหลุน, วังมังกรทะเลตะวันออกและภูเขาพยัคฆ์มังกรของจักรพรรดินีนกยูงปีศาจ เหล่านี้ทั้งหมดล้วนแต่เป็นตัวตนที่ดำรงอยู่ในยุคโบราณ
โดยที่ทางฝั่งโลกตะวันตกก็มีซุส ราชาแห่งปวงเทพ, อพอลโล่ เทพสุริยัน, อาธีน่า เทพธิดาแห่งปัญญา, อาเรส เทพสงครามและการทำลายล้าง, ฮาเดส เทพแห่งขุมนรก
ตัวตนในนิยายปรัมปราเหล่านี้ล้วนปรากฏกายขึ้นทีละคน
ผู้ฝึกตนหลายคนของทวีปเสือต่างก็ได้รับสมบัติล้ำค่าที่หลงเหลือเอาไว้จากตัวตนระดับเทพเหล่านั้นทำให้พวกเขาระดับพลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลอีกด้วย
สมเด็จพระสันตะปาปา,ลอร์ดออกัสตัสแห่งกลุ่มสวรรค์ผู้ภักดี, นายน้อยออกัสติน คู่ปรับเก่าของหลี่ฉิงเฟิงและยอดฝีมือของตระกูลใหญ่ทั้งสิบต่างก็ได้ครอบครองรีลิคและสมบัติส่วนใหญ่ที่ปรากฏขึ้น
…..
ภายในอาณาเขตของสันตะสำนักในทวีปเสือมีเจดีย์สูง18 ชั้นอยู่แห่งหนึ่ง มันถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวที่ให้ความรู้สึกที่ดูจริงจังและทรงอำนาจ
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาล้วนแต่คุกเข่าก้มหัวลงกับพื้นด้วยความเคารพบูชา
ที่ด้านหน้าของสันตะสำนักมีอัศวินสวมชุดเกราะสีดำสองคนยืนอยู่อัศวินทั้งสองนี้สูงเกือบสองเมตรและถือหอกยาวสองเมตรไว้ในมือ พวกเขาต่างปลดปล่อยกลิ่นอายอันร้ายแรงจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้
มีชายในชุดคลุมแดงถือหนังสือไว้ในมือและกำลังเดินขึ้นไปข้างๆเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลามาก เขาถือดาบยาวไว้ในมือและมีดวงตาสีทองที่เจิดจรัส เขาเต็มไปด้วยแรงกดทับต่อผู้คนรอบๆอย่างมหาศาล “ท่านลอร์ดอัลจอห์น,นายน้อยออกัสติน, โป๊บรอพวกท่านอยู่ด้านในแล้วครับ”
เมื่อยามถือหอกที่อยู่หน้าประตูสองคนได้เห็นชายทั้งสองพวกเขาก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ
การปรากฏตัวของชายที่สวมเสื้อคลุมแดงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอัลจอห์นเขาเป็นหนึ่งในสามพระคาร์ดินัลเสื้อคลุมแดงอันศักดิ์สิทธิ์
ก่อนหน้านี้อัลจอห์นเป็นเพียงนักรบโบราณระดับแกรนด์มาสเตอร์แต่หลังจากที่เขาได้รับสมบัติที่ถืออยู่ในมือ[หนังสือแห่งเทพเจ้า] เขาก็ได้บ่มเพาะจนก้าวเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณราชันขั้นที่สองโดยตรง