My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1135 เหล่าศัตรูผู้ทรงพลัง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1135 เหล่าศัตรูผู้ทรงพลัง
ตอนที่ 1135 เหล่าศัตรูผู้ทรงพลัง
อัลจอห์นเป็นหนึ่งในสามพระคาร์ดินัลเสื้อคลุมแดงจากสันตะสำนักเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงมากในทวีปเสือ ณ ตอนนี้ แต่ชายหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่ข้างๆเขานั้นยิ่งพิเศษกว่า เขาเป็นบุตรแห่งสมเด็จพระสันตะปาปาเบรุส, ลูกชายของลอร์ดออกัสตัสแห่งกลุ่มสวรรค์ผู้ภักดี ในทวีปเสือเขาเป็นเหมือนบุตรอันน่าภาคภูมิใจของจักรพรรดิ
ออกัสตินได้รับดาบแห่งแสงมาจากในปราสาทของเทพแห่งแสงสว่างนอกจากนี้เขายังมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสวรรค์ทำให้ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณราชันขั้นที่สาม ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของทวีปเสือ
ถ้าหากฉิงเฟิงอยู่ที่นี่ตอนนี้เขาคงจะต้องตกใจครั้งที่แล้วออกัสตินพยายามจะแต่งงานกับอลิซแต่ถูกฉิงเฟิงเข้าขัดขวางและชิงตัวเจ้าสาวไป หลังจากหย่าศึกกันชั่วคราวจากการปรากฏตัวของปราชญ์พิชิตสวรรค์และเทพแห่งแสง ไม่นานออกัสตินก็ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตราชันได้ในที่สุด
การกลายพันธุ์ของโลกทำให้สมบัติของเหล่าเทพเจ้าฝั่งตะวันตกผุดขึ้นดังนั้นความแข็งแรงของกองกำลังผู้ฝึกตนชาวตะวันตกจึงพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน สิ่งนี่เองที่ทำให้ผู้ฝึกตนของฝั่งตะวันออกเกิดแรงกดดันอย่างมาก
อัลจอห์นและออกัสตินต่างก็เดินเข้าไปในสันตะสำนักพวกเขาเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้น 18 ของเจดีย์สูงซึ่งเป็นที่อยู่ของสมเด็จพระสันตะปาปา มันเป็นที่รู้จักกันในชื่อเจดีย์แห่งโป๊บ
ชายชราผมสีเทายืนอยู่บนเจดีย์ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย แม้ว่าอยู่ในวัยชราแต่เขาเต็มไปด้วยสติปัญญา ดวงตาทั้งคู่ของเขาดูเหมือนจะสามารถมองเห็นทะลุทุกสิ่งในโลก
“การบ่มเพาะของพวกเจ้าทั้งสองคนในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างเล่า” สมเด็จพระสันตะปาปาถาม
ความยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาพวกเขากล่าวว่า “ทูลสมเด็จพระสันตะปาปา ข้าน้อยบ่มเพาะถึงขอบเขตจิตราชันขั้นที่สองแล้ว หากตอนนี้ได้พบกับหลี่ฉิงเฟิงอีกครั้ง ข้าสามารถสังหารมันได้ด้วยฝ่ามือเดียว”
อัลจอห์นเป็นพี่ชายของอัลบรอนทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของพระคาร์ดินัลเสื้อคลุมแดงของศาสนจักร น้องชายของอัลบรอนถูกพ่อของฉิงเฟิงสังหารไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นอัลจอห์นจึงต้องการแก้แค้นเป็นธรรมดา
พระสันตะปาปาเผยอยิ้มและไม่กล่าวอันใด
เขามองไปที่บุตรของตนและถามว่า“ออกัสติน แล้วเจ้าล่ะ ”
“ทูลพระสันตะปาปาข้าน้อยบ่มเพาะถึงขอบเขตจิตราชันขั้นที่สามและยังได้รับดาบแห่งแสงจากท่านบัลดอร์, เทพแห่งแสงมาอีกด้วย ครั้งที่แล้วหลี่ฉิงเฟิงชิงตัวเจ้าสาวของข้าไป แต่ตอนนี้พลังความสามารถของข้าเพิ่มขึ้นแล้ว ข้าสามารถสังหารมันได้แน่ !” ออกัสตินกล่าวด้วยใบหน้ามืดครึ้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
พระสันตะปาปารู้ดีเกี่ยวกับความบาดหมางอันรุนแรงระหว่างออกัสตินกับหลี่ฉิงเฟิงสองคนนี้ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย
ลึกๆในใจพระสันตะปาปาก็ต้องการฆ่าหลี่ฉิงเฟิงเช่นกัน เมื่อหลายพันปีก่อนศาสนจักรแห่งทวีปเสือได้ทำสงครามกับผู้ฝึกตนฝั่งตะวันออก ในครั้งนั้นศาสนจักรแพ้พ่าย พระสันตะปาปาองค์แรกสิ้นพระชนม์ ศาสนจักรได้ประสบความสูญเสียมหาศาล
หลังจากการได้ฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายพันปีในที่สุดศาสนจักรก็ฟื้นคืนกลับมาและกลายเป็นกองกำลังที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกของผู้ฝึกตนแห่งทวีปเสือ
ตอนนี้บรรดารีลิคในตำนานได้หวนกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งพวกเขาได้รับราชโองการแห่งเหล่าเทพบรรพกาลเพื่อใช้ต่อกรกับผู้ฝึกตนฝั่งตะวันออก เหล่านี้ทำให้พวกเขามีความสามารถที่จะกลับไปช่วงชิงสมบัติทั้งหมดของพวกเขา
พระสันตะปาปาเป็นตัวแทนของเจตจำนงแห่งเทพเทวากล่าวให้เจาะจงคือเขากำลังถ่ายทอดคำสั่งจากเทพสงครามและการทำลายล้าง, อาเรส พวกเขาต้องการก่อสงครามโลกครั้งที่สองของเหล่าผู้ฝึกตนขึ้น !
แน่นอนว่าเทพสงครามอาเรสได้มอบผลประโยชน์ให้กับพระสันตะปาปาเป็นอย่างมากท่านมอบเคล็ดบ่มเพาะแห่งเทพสงครามให้เขา
เคล็ดบ่มเพาะแห่งเทพสงครามเป็นเคล็ดวิชาระดับเทพดังนั้นมันทำให้พระสันตปาปาบรรลุถึงขอบเขตจิตราชันขั้นที่สี่ได้อย่างรวดเร็วยิ่ง นอกจากนี้เขายังได้รับอุปกรณ์วิญญาณระดับเทพ, หอกแห่งอาเรส และอุปกรณ์วิญญาณสายป้องกัน, เกราะแห่งอาเรส
“ฝ่าพระบาทข้าน้อยยินดีด้วยที่ท่านบรรลุถึงขอบเขตจิตราชันขั้นที่สี่” ออกัสตินโค้งคำนับและกล่าวด้วยความเคารพ
ออกัสตินเป็นนายน้อยของกลุ่มสวรรค์ผู้ภักดีเขาเย่อหยิ่งจองหองต่อหน้าผู้อื่น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระสันตะปาปาเขาก็ยังคงให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
พระสันตะปาปาเผยยิ้มและเริ่มกล่าวว่า“เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวว่ารีลิคของเทพแห่งชีวิตได้เผยขึ้นทางตอนเหนือของศาสนจักร วารีชีวิตแห่งฤดูใบไม้ผลิย่อมอยู่ที่นั่น ดังนั้นข้าขอให้พวกเจ้าทั้งสองเดินทางไปนำมันกลับมา”
“ขอรับ!”
อัลจอห์นและออกัสตินพยักหน้าเห็นด้วยกับคำสั่งของพระสันตะปาปา
สำหรับวารีแห่งชีวิตฤดูใบไม้ผลิพวกเขาย่อมรู้จักมันมันเป็นเหมือนน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของโลกตะวันตก มันสามารถยืดอายุขัยของมนุษย์ได้และถ้าหากได้รับพรของเทพแห่งชีวิตเพิ่มเข้าไปก็จะทำให้คนผู้นั้นมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ในขณะที่ทั้งสองกำลังปลีกตัวจากไปพระสันตะปาปาก็เอ่ยอีกครั้งว่า “รอเดี๋ยวก่อน จงพายูเรนัสไปกับพวกเจ้าด้วย”
เมื่อสิ้นเสียงชายหนุ่มในชุดเกราะก็เดินออกมา
ชายหนุ่มมีร่างสูงกระดูกสันหลังเหยียดตรงผึ่งผายใบหน้าหล่อเหลาและเปล่งรัศมีที่แข็งแกร่ง เขาเป็นกัปตันของเหล่าอัศวินศักดิ์,ยูเรนัส และยังเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงของศาสนจักร
ยูเรนัสได้รับสมบัติของเทพมาเช่นกันมันคือลูกปัดแห่งเทพอัสนี มันสามารถปลดปล่อยสายฟ้าอัสนีออกมาได้และมีพลังมหาศาล
นอกจากนี้ยูเรนัสยังได้รับดอกไม้คงความเยาว์มาอีกด้วยมันช่วยให้เขาย้อนวัยกลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อนจนทำให้เขากลายเป็นชายหนุ่มรูปงามเสมือนในวัยหนุ่ม
ยูเรนัสตกลงตามคำขอของพระสันตะปาปาจากนั้นเขาออกจากเจดีย์แห่งโป๊บพร้อมกับทั้งสองคนและมุ่งหน้าไปทางตอนเหนือของศาสนจักรซึ่งเป็นที่ตั้งของวารีแห่งชีวิต
……………
ที่คฤหาสน์ของออกัสตัสบิดาของออกัสติน,สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์เทพนภา
ในปราสาทใต้ดินขนาดใหญ่ออกัสตัสยืนอยู่คนเดียวในใจกลางปราสาทอย่างโดดเดี่ยว
เขาสวมเสื้อคลุมสีดำด้วยใบหน้าซีดเซียวและหายใจออกมาเป็นสายลมอันเย็นยะเยือกในมือถือหนังสือสี่ดำที่เขียนไว้ว่า [หนังสือแห่งความตาย]
ออกัสตัสวางมือบนปกหนังสือแห่งความตายในขณะที่เขาร่ายมนต์โบราณมันเป็นมนต์คาถาบทหนึ่งจาก “หนังสือแห่งความตาย” มันทำให้เขาสามารถเรียกดวงวิญญาณและโครงกระดูกจากขุมนรก นอกจากนี้ยังสามารถชุบชีวิตคนตายกลับมาได้อีกครั้ง
“ปรมาจารย์มังกรดำ,ปรมาจารย์เป็ดดำ,ปรมาจารย์จระเข้, ปรมาจารย์แมงมุม … ” ออกัสตัสขานชื่อของดวงวิญญาณที่เขาต้องการเรียกกลับมาจากนรก
ครู่ต่อมาปรมาจารย์มังกรดำและปรมาจารย์เป็ดดำก็ปีนป่ายขึ้นจากพื้นพวกเขาแสดงออกด้วยดวงตาสีเข้มและใบหน้าที่มืดคลุ้งไปด้วยออร่าอันเย็นเยียบที่แปลกประหลาด
หากฉิงเฟิงอยู่ที่นี่เขาคงจะผงะเป็นแน่เพราะเขาได้ฆ่าปรมาจารย์มังกรดำและปรมาจารย์จระเข้ไปแล้วเมื่อตอนที่เขามาชิงตัวอลิซในงานแต่งงาน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้พวกเขากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ มันเป็นการท้าทายกฎแห่งธรรมชาติ !
แน่นอนว่าการฟื้นคืนชีพเหล่านี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆพวกเขาไร้จิตวิญญาณและเป็นพวกศพ พวกเขาไม่มีความคิดเป็นของตัวเองและถูกควบคุมโดยออกัสตัสกับหนังสือแห่งความตายเท่านั้น
“วารีชีวิตแห่งฤดูใบไม้ผลิข้ากำลังจะมาแล้ว……” ออกัสตัสกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะอันเยือกเย็นในขณะที่ถือหนังสือเล่มนี้รอบๆตัวเขาก็เต็มไปด้วยกองทัพอันเดด จากนั้นเขาก็เดินออกจากปราสาทใต้ดินของสมาพันธ์เทพนภา เขาและกองทัพอันเดดกำลังจะมุ่งหน้าไปยังซากประวัติศาสตร์ของเทพแห่งชีวิตเช่นกัน
……………
ที่ทวีปเสือนอกเหนือจากศาสนจักรของพระสันตะปาปาและสมาพันธ์เทพนภาของออกัสตัส ยังมีกองกำลังระดับสุดยอดดำรงอยู่ เช่น ลอร์ดโพไซดอนแห่งกลุ่มเทพสมุทรผู้ภักดี, เคหะแห่งปัญญาของลอร์ดอูริสและราชินีแวมไพร์โลหิตคามิลล่าแห่งตระกูลโลหิต พวกเขาทั้งหมดนี้ต่างก็มุ่งหน้าไปยังซากประวัติศาสตร์ของเทพแห่งชีวิตเช่นกัน
เพื่อที่จะได้รับพลังแห่งวารีชีวิตฤดูใบไม้ผลิทั่วทั้งทวีปเสือต่างก็ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน
ฉิงเฟิงไม่ได้รับรู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในทวีปเสือจากภูเขาหิมะ เขาขึ้นเครื่องบินไปยังกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เพียงสิบกว่าชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงและมีเบอร์นาร์ดรอรับที่สนามบิน
“ฝ่าบาทวูฟคิง,ท่านมาถึงแล้ว” เบอร์นาร์ดโค้งคำนับให้ฉิงเฟิงและกล่าวด้วยความเคารพ
ในฐานะข้ารับใช้ของฉิงเฟิงเบอร์นาร์ดนับถือเขามากที่สุดจนสามารถพูดได้ว่าเขาเทิดทูนบูชาฉิงเฟิงอย่างหมดหัวใจ
ฉิงเฟิงยิ้มทักทายเล็กน้อยและกล่าวว่า“เบอร์นาร์ด ฉันต้องการให้นายเตรียมแผนที่ของทวีปเสือและข้อมูลเกี่ยวกับกองกำลังผู้ฝึกตนทั้งหมด นายช่วยรวบรวมให้ฉันหน่อยได้ไหม”