My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1142 ปลิดชีพราชาปิรันย่า
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1142 ปลิดชีพราชาปิรันย่า
ตอนที่ 1142 ปลิดชีพราชาปิรันย่า
“มนุษย์เจ้าทำให้ข้าโกรธ ! เข้าจะฆ่าเจ้าด้วยทักษะเทพของข้า”
ราชาปิรันย่าคำรามในขณะที่มันพ่นแก่นอสูรสีดำออกมาจากปาก
แก่นอสูรสีดำสนิทมีขนาดเท่ากำปั้นมีแสงสีแดงส่องประกายบนพื้นผิวทำให้ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
“
เพลิงดำ
!
“
ราชาปิรันย่าควบคุมแก่นอสูรและยิงเปลวเพลิงสีดำออกมา
เปลวเพลิงร้อนจัดและเผาไหม้อากาศรอบๆ
ผู้คนรอบข้างต่างก็ถอยห่างออกไปเมื่อพวกเขาเห็นเปลวเพลิงสีดำที่น่ากลัวพวกเขารู้ว่าจะถูกไฟคลอกตายหากเปลวไฟกลุ่มนี้ตกลงบนร่าง
แต่ทว่าคนที่อยู่รอบๆกลับตกตะลึงเมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงไม่ยอมถอยหนี เขาไม่มีทีท่าจะหลบเปลวเพลิงสีดำแม้แต่น้อย
“อุณหภูมิเปลวเพลิงของแกต่ำเตี้ยเรี้ยดินนัก”ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความรังเกียจ
เขายื่นมือออกไปและคว้าจับเปลวเพลิงนี้ด้วยมือเปล่ามันเป็นที่น่าประหลาดใจมากเพราะมันไม่ไหม้ผิวของเขาเลย
“ปะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าจับเพลิงดำของข้าด้วยมือเปล่า ?!” ดวงตาของราชาปิรันย่าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ มันราวกับว่ามันได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อ
มันรู้ว่าเปลวเพลิงของมันสามารถฆ่าได้แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตจิตราชันขั้นที่หนึ่งอย่างง่ายดายแต่ตอนนี้เปลวเพลิงสีดำของมันทำอะไรฉิงเฟิงไม่ได้ ผู้ฝึกตนโดยรอบก็ตกตะลึงเช่นกัน
มันไม่ใช่เปลวไฟธรรมดาแต่เป็นความสามารถระดับเทพของราชาปิรันย่า มันร้อนกว่า 1,500 องศาเซลเซียส !
มันร้อนมากจนรู้สึกเจ็บเพียงแค่มองเปลวเพลิงนี้แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับสามารถจับมันได้ด้วยมือเปล่า ! เป็นไปได้อย่างไร
ฉิงเฟิงเหยียดมือซ้ายออกไปและเปลี่ยนมันเป็นฝ่ามือพลังแท้จากนั้นเขาก็ฟาดมันไปที่ร่างของราชาปิรันย่า
ตูม!!
ฝ่ามือนี้มีพลังมหาศาลและฟาดเข้าใส่เกล็ดบนร่างของราชาปิรันย่าจนทำให้เลือดเนื้อของมันเผยออกมาทันที
อ้ากกกกก!!!
ราชาปิรันย่าคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดชายหนุ่มตรงหน้ามันแข็งแกร่งเกินไป และตัวมันเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินเสียงครวญครางอันเจ็บปวดของราชาปิรันย่าเนื่องจากเสียงของมันดังทะลุแก้วหู
“
ลมกรดแสงทอง
!
“
ฉิงเฟิงคำรามในขณะที่ใช้กระบี่แสงสีทองเขารวมพลังไว้ในตัวกระบี่ซึ่งก่อตัวเป็นพายุหมุน ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ลมกรดตกลงมาบนหัวของราชาปิรันย่า
บูม!
หัวของราชาปิรันย่าถูกบดเป็นชิ้นๆเลือดไหลออกจากร่างกายของมันและตกลงไปในแม่น้ำ ในไม่ช้ามันก็จมลงสู่ก้นแม่น้ำ
เหล่าปลาปิรันย่าในแม่น้ำต่างก็ว่ายหนีอย่างรวดเร็วเมื่อพวกมันเห็นว่าราชาของพวกมันตายในไม่ช้าพวกมันก็หายไปหมด
ผู้ฝึกตนชาวตะวันตกที่อยู่ริมแม่น้ำล้วนแต่ตกตะลึงไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ราชาปิรันย่าที่พวกเขาไม่อาจเอาชนะได้กลับถูกหลี่ฉิงเฟิงจัดการด้วยกระบี่เดียวเขาแข็งแกร่งเกินไป !
“มาเถอะข้ามแม่น้ำกันได้แล้ว” ฉิงเฟิงกล่าวในขณะที่โบกมือนำทีมข้ามแม่น้ำไป พวกเขาลงที่อีกฝั่งหนึ่งและเดินไปยังบริเวณที่ลึกเข้าไปอีกของภูเขา
เนื่องจากไม่มีปิรันย่าอยู่ในแม่น้ำระแวกนี้อีกต่อไปเหล่าผู้ฝึกตนคนอื่นๆที่เหลือก็ทยอยบินข้ามแม่น้ำตามมา พวกเขามองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณรวมไปถึงความกลัวที่ปรากฏในแววตา
พวกเขาสาบานในใจว่าจะไม่ทำให้ชายคนนี้โกรธ
ฉิงเฟิงและพรรคพวกเดินเข้าไปในภูเขาพวกเขาได้ยินเสียงสัตว์ต่างจากพื้นที่ต่างๆของภูเขา มีเสียงคำรามของหมาป่า เสียงคำรามของเสือ และมีบางเสียงที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน มันต้องเป็นสัตว์อสูรบางชนิดที่ไม่เคยเห็น มรดกของเทพแห่งชีวิตนั้นอันตรายเกินไปเสียงโห่ร้องของเหล่าสัตว์อสูรในระแวกนี้ล้วนเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ฉิงเฟิงเดินต่อไปประมาณ1,000 เมตรก่อนที่เขาจะพบหนองน้ำขนาดใหญ่
มีผู้หญิงสองคนยืนอยู่ริมหนองน้ำผู้หญิงคนหนึ่งคือผู้ฝึกตนชาวหัวเซี่ยที่ฉิงเฟิงเคยพบมาก่อนตอนอยู่นอกภูเขา
ผู้หญิงคนแรกนี้มีอายุราวๆยี่สิบปีและงดงามมากเธอมีผิวเรียบเนียนและมีรูปร่างสูงโปร่ง
ฉิงเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งจากตัวผู้หญิงคนนี้เธออยู่ในระดับที่สองของขอบเขตจิตวิญญาณราชัน
เขาสันนิษฐานว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องมาจากนิกายผู้ฝึกตนระดับราชันที่เขาไม่เคยพบมาก่อนไม่งั้นเขาคงจำเธอได้อย่างแน่นอน
ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งฉิงเฟิงเคยเห็นเธอมาแล้วเขาได้ยินผู้ฝึกตนคนอื่นเรียกเธอว่าราชินีแวมไพร์คามิลล่า
คามิลล่าเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายและทรงพลังอำนาจแม้แต่ฉิงเฟิงก็ยังไม่อาจบอกได้ว่าเธอแข็งแกร่งแค่ไหน
สาวงามชาวหัวเซี่ยและคามิลล่าจ้องหน้ากันอย่างตึงเครียดพวกเธอดูราวกับว่าจะสู้กันได้ทุกเวลา
ผู้ฝึกตนหลายสิบคนของทวีปเสือต่างยืนดูอยู่ไม่ไกลออกไปพวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้เกินไปกว่านี้
การมาถึงของฉิงเฟิงและพรรคพวกทำลายความสงบเงียบผู้หญิงทั้งสองคนมองดูฉิงเฟิงอย่างเคร่งเครียด กล่าวให้เจาะจง พวกเธอมองลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้า
เมื่อตอนที่อยู่นอกภูเขาผู้หญิงสองคนต่างก็เป็นประจักษ์พยานต่อความสามารถของสัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้แล้ว
“ว่าไงสาวสวยทำไมพวกเธอถึงไม่ข้ามบึงไปล่ะ ” ฉิงเฟิงเอ่ยปากทักทายด้วยรอยยิ้มเบาบาง
ผู้หญิงทั้งสองคนมองที่ฉิงเฟิงอย่างเฉยชาและไม่ตอบคำ
ทันใดนั้นเองจู่ๆสีหน้าของคามิลล่าก็ทอประกายแห่งความสุข เธอเลียริมฝีปากสีแดงของเธอแล้วสูดอากาศ
“ช่างเป็นกลิ่นเลือดที่น่าอร่อยและหอมนักข้าหลงรักมันเสียแล้ว !” คามิลล่ากล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุข
เขารู้ว่าตนเองมีโลหิตมังกรอยู่ในเส้นเลือดซึ่งเป็นที่โปรดปรานของแวมไพร์จำนวนมากแต่ราชินีแวมไพร์คามิลล่ากลับกล้าพูดออกมาเสียงดังอย่างชัดเจนราวกับว่าเธอคิดจะดูดเลือดของเขาจริงๆ
“กลิ่นเลือดของเธอก็ใช่ย่อยเช่นกันฉันชอบ” ฉิงเฟิงกล่าวเบาๆกับคามิลล่า
แสงเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคามิลล่าเมื่อได้ยินคำพูดของเขาเธอคิดในใจว่า
หมอนี่กล้าพูดจาเสียดสีคนอย่างข้าได้อย่างไร
ให้อภัยไม่ได้
“ชายชาวตะวันออกผู้นั้นข้าตัดสินใจที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นแวมไพร์ เจ้าจะกลายเป็นทาสของข้า” ราชินีแวมไพร์คามิลล่ากล่าวอย่างหยิ่งผยองต่อหน้าฉิงเฟิง
ในตระกูลโลหิต,ราชินีแวมไพร์บางคนจะเลี้ยงทาสไว้เป็นแหล่งเลือดสำรอง
ในตอนนี้เองราชาหมาป่าอัคคีก็ก้าวมาข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชาว่า“เจ้าต้องการให้เจ้านายของข้าเป็นทาสของเจ้า เอาชนะข้าให้ได้ก่อน”
ราชาหมาป่าอัคคีก้าวสู่ขอบเขตจิตราชันขั้นที่หนึ่งด้วยความช่วยเหลือของฉิงเฟิงมันซาบซึ้งและเคารพเขาอย่างมาก ดังนั้นมันจึงโกรธที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการให้เจ้านายของมันเป็นทาสของเธอ “เหรอ ก็มาสิเจ้าหมาป่าตัวน้อย พี่สาวใหญ่ผู้นี้จะทุบตีเจ้าด้วยท่าเดียว”
ราชินีแวมไพร์คามิลล่ากล่าวอย่างกดขี่
“ไอ้หมาน้อยไปเล่นมันเลย นังผู้หญิงนี่กล้าดียังไงมายั่วยุเจ้า โชว์ของให้เธอเห็นซิ !” ลูกหมาสีดำกล่าวในขณะที่โบกหาง