My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1151 คัมภีร์แห่งเทพนภา
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1151 คัมภีร์แห่งเทพนภา
ตอนที่ 1151 คัมภีร์แห่งเทพนภา
เมื่อได้ยินคำพูดของแมวแห่งโชคชะตาชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นศิษย์พี่ของมู่เซียนเซียน, คามิลล่าและอัลจอห์นต่างก็มองไปที่ฉิงเฟิงด้วยเจตนาฆ่า
ทั้งสามเดินไปข้างหน้าและล้อมรอบฉิงเฟิงเอาไว้ในขณะที่ชายหนุ่มรูปงามชักกระบี่ออกมา ใบหน้าอันงดงามของมู่เซียนเซียนมู่ก็กลายเป็นตึงเครียด เธอรีบมาห้ามเขาไว้
“ศิษย์น้องเจ้ากำลังจะทำอะไร ” ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วในขณะที่กล่าวอย่างเยือกเย็น
ริมฝีปากสีแดงของมู่เซียนเซียนโค้งขึ้นและกล่าวว่า“หากต้องการฆ่าเขา ท่านต้องผ่านข้าไปก่อน”
มู่เซียนเซียนขวางทางศิษย์พี่ของเธอเอาไว้ให้ฉิงเฟิงแต่ยังมีอีกสองคนที่ยืนอยู่หน้าเขา คนหนึ่งก็คืออัลจอห์น และอีกคนก็คือราชินีแวมไพร์คามิลล่า
อัลจอห์นเป็นคนของศาสนจักรส่วนคามิลล่าเป็นคนของตระกูลโลหิต
ในทวีปเสือ,ศาสนจักรและตระกูลโลหิตเป็นศัตรูกัน แต่หลี่ฉิงเฟิงเป็นผู้ฝึกตนชาวตะวันออกและยังเป็นศัตรูคนสำคัญของกองกำลังผู้ฝึกตนในทวีปเสือทั้งหมด
เพื่อให้ได้ครอบคองแมวแห่งโชคชะตาและฆ่าฉิงเฟิงอัลจอห์นกับคามิลล่าจึงตัดสินใจที่จะร่วมมือกันชั่วคราว
เมื่อเห็นฉิงเฟิงถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยสองยอดฝีมือทีมเขี้ยวหมาป่าก็คิดจะช่วยเหลือ แต่ฉิงเฟิงกลับโบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาถอยกลับไป
เขารู้ว่าอัลจอห์นและคามิลล่าต่างก็แข็งแกร่งมากทีมเขี้ยวหมาป่าของเขาไม่ใช่คู่ต่อกร
ฟุ่บฟุ่บ !
และในเวลานี้เองลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าก็เข้ามารับหน้าคามิลล่า พวกมันทั้งสองร่วมมือกันน่าจะพอรับมือคามิลล่าได้
ดังนั้นตอนนี้ฉิงเฟิงก็เหลือศัตรูเพียงคนเดียวเท่านั้นก็คือพระคาร์ดินัลอัลจอห์น
“อัลจอห์นฉันจะให้โอกาสแก ยอมเป็นข้ารับใช้ของฉันซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแก”
ฉิงเฟิงยิ้มเยาะและกล่าวกับอัลจอห์น
“เป็นข้ารับใช้ของเจ้า ฆ่าข้า ? ฮ่าๆๆๆ”
อัลจอห์นหัวเราะเยาะและแสดงความรังเกียจออกมาเขาเป็นหนึ่งในสามพระคาร์ดินัลเสื้อแดงของศาสนจักรผู้มีอำนาจสูงสุดรองจากพระสันตปาปา แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมเป็นทาสของฉิงเฟิง
“หลี่ฉิงเฟิงเจ้านี่มันช่างโอหังนัก ในเมื่อระดับพลังของเจ้าเท่ากับข้าแล้วเจ้าจะชนะข้าได้อย่างไร ” อัลจอห์นหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง
“ไม่ยอมสวามิภักดิ์งั้นก็ตาย”
เปรี้ยง!
ฉิงเฟิงพลิกข้อมือของเขาชักกระบี่แสงสีทองออกมาและฟาดฟันไปข้างหน้าพลังงานกระบี่อันแหลมคมวาดเป็นเส้นโค้งเข้าหาอัลจอห์น
พลังงานกระบี่สายนี้คมกริบและทรงพลังมากมันกระจายอากาศรอบๆออกไปและตัดผ่านเป็นรอยแตกขนาดใหญ่ในอากาศ
พลังงานกระบี่ใกล้จะมาถึงตัวอัลจอห์นในไม่ช้าแต่เขากลับสงบนิ่งและดูไม่แยแส
ปึง!!
จากนั้นอัลจอห์นก็ยื่นมือขวาออกมาก่อตัวเป็นม่านแสงป้องกันสีขาวและปิดกั้นพลังงานกระบี่ของฉิงเฟิง
ม่านแสงป้องกันสีขาวนี้ไม่ใช่ม่านแสงธรรมดาสามัญมันมาจากคัมภีร์เทพนภาและทรงพลังอย่างยิ่ง
ฉิงเฟิงตกใจไม่น้อยด้วยแสงอันเยือกเย็นที่วูบผ่านดวงตาของเขาเขาคาดไม่ถึงว่าพลังกระบี่แสงสีทองจะทำอันตรายอัลจอห์นไม่ได้เลย เนื่องจากวิชากระบี่ใช้ไม่ได้ผลฉิงเฟิงจึงเก็บกระบี่แสงสีทองกลับไปและใช้การโจมตีทางกายภาพแทน
“
หนึ่งหมัดเขย่าปฐพี
!
“
เขาใช้หมัดทลายนรกานต์ออกมาก่อตัวเป็นกำปั้นสีดำและทุบกระแทกเข้าหาอัลจอห์น
ปึง!
แต่กำปั้นของเขาก็ถูกปิดกั้นไว้ด้วยม่านแสงป้องกันที่อยู่ด้านหน้าอัลจอห์นเหมือนเดิม
ต้องบอกว่าม่านแสงป้องกันนี้ทรงพลังอย่างแท้จริงและการโจมตีทั่วไปจะไม่สามารถทำลายมันได้
“มีน้ำยาเพียงเท่านี้ หลี่ฉิงเฟิง การโจมตีของเจ้ามันอ่อนแอสิ้นดี” อัลจอห์นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ฉิงเฟิงรู้สึกหงุดหงิดเพราะครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายที่ถูกถากถางโดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่เอ่ยปากเย้ยหยันสะกดข่มคู่ต่อสู้ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับกัน เขาทนไม่ได้
“
หมัด
ที่สามสวรรค์พินาศ โลกาสลาย
!
“
ฉิงเฟิงใช้ออกด้วยหมัดที่รุนแรงที่สุดของเพลงหมัดทลายนรกานต์ที่ก่อรูปเป็นกำปั้นขนาดยักษ์ร่วมหนึ่งพันเมตรที่ฉีกอากาศออกจากกันและทำให้ท้องฟ้าและปฐพีต้องสะเทือน
อัลจอห์นขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของหมัดนี้แต่เขาก็ไม่ถอยเพราะเขามั่นใจในม่านแสงป้องกันของตน
ครืนนนน
!!
ด้วยเสียงกรีดร้องดังสนั่นของกำปั้นขนาดใหญ่ที่ทุบกระแทกอย่างแรงลงบนม่านแสงป้องกันมันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแต่ก็ยังไม่บุบสลาย
ม่านแสงป้องกันจากคัมภีร์แห่งเทพนภาทรงพลังเหลือคณาแม้กระทั่งหมัดที่สามของเพลงหมัดทลายนรกานต์ก็ไม่สามารถทำลายมันลงได้
“หลี่ฉิงเฟิงเจ้าลงมือไปแล้วสองครั้ง คราวนี้ลองรับการโจมตีของข้าดูสักครั้ง, หมัดแห่งเทพนภา”
อัลจอห์นตะโกนและเหวี่ยงหมัดขวาของเขาออกไปก่อตัวเป็นกำปั้นขนาดยักษ์ขึ้นบนท้องฟ้ามันดูราวกับว่าพระเจ้ากำลังลงมายังพื้นดิน
หมัดแห่งเทพนภาได้พุ่งชนฉิงเฟิงด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเขาไม่กล้าที่จะประมาทและเหวี่ยงหมัดขวาออกไปอีกครั้ง พลังแท้ของเขาเปล่งออกมาอย่างดุดันปะทะเข้ากับหมัดของอัลจอห์น
เปรี้ยง
!!!
ด้วยเสียงขนาดใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งท้องฟ้าและพื้นดินราวกับเสียงระเบิดมันทิ้งร่องรอยของหลุมที่กว้างนับสิบเมตรไว้ในอวกาศ
พลังงานมหึมาแผ่กระจายไปทั่วพัดพาทรายและก้อนหินกระเด็นออกไป น้ำจากบ่อนั้นถูกยกขึ้นสูงกว่าสิบเมตรและตกลงลงมาเหมือนคลื่นสึนามิ
ครืด!
ฉิงเฟิงรูดถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยความรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง
หลังจากบ่มเพาะกายาแดนชำระความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็ไร้เทียมทานในขอบเขตพลังที่เท่าเทียมกันและจนบัดนี้คู่ต่อสู้ทุกคนในระดับเดียวกันล้วนถูกเขาสยบด้วยกระบวนท่าเดียวมาแล้วทั้งสิ้น
แต่คราวนี้แตกต่างออกไปเพราะอัลจอห์นเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตราชันขั้นที่สองเช่นเดียวกับเขา
ซึ่งถ้าเป็นปกติแล้วฉิงเฟิงน่าจะสามารถเอาชนะอัลจอห์นได้ด้วยหมัดเดียวแต่ผลออกมากลับกลายเป็นว่าอัลจอห์นบีบให้เขาต้องถอยหนึ่งก้าวอย่างคาดไม่ถึง
“
เจ้าหนู
,
เจ้าเด็กอัลจอห์นนั่นใช้วิชาหมัดแห่งเทพนภาซึ่งมีระดับเดียวกับหมัดทลายนรกานต์ของเจ้านอกจากนี้มันยังถือครองคัมภีร์แห่งเทพนภาซึ่งสามารถหยิบยืมพลังราวๆหนึ่งในหมื่นส่วนของเทพมาได้ ดังนั้นเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” จักรพรรดิราตรีส่งเสียงบอกฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงพยักหน้าและเข้าใจเขาไม่ได้คาดคิดว่าอัลจอห์นได้ฝึกฝนวิชาในระดับเดียวกับเขา
สิ่งสำคัญที่สุดก็คืออัลจอห์นมีคัมภีร์แห่งเทพนภาซึ่งบรรจุเศษเสี้ยวพลังวิญญาณของเทพเอาไว้แม้ว่ามันจะมีพลังเพียงหนึ่งในหมื่นแต่ก็เพียงพอที่จะเอาชนะฉิงเฟิงในตอนนี้ได้
“
ผู้อาวุโสในเมื่อมัน
มีเศษเสี้ยวพลังแห่งเทพเจ้างั้นผมจะทำยังไงดี
“
ฉิงเฟิงรีบถามจักรพรรดิราตรีในใจ
จักรพรรดิราตรีกล่าวว่า
“ไม่ต้องห่วงเจ้าอาศัยโอกาสนี้บ่มเพาะฝึกฝนและพัฒนาพลังไปด้วยการประมือกับมัน หากเทพนภาปรากฏตัวขึ้น ข้าจะรับมือมันให้เจ้าเอง” “
อาวุโสไม่ใช่ว่าท่านเป็นมนุษย์ผู้ฝึกตนของโลกของหรือ ท่านจะจัดการกับพลังจิตวิญญาณของเทพได้ไง
“
“
เจ้าหนูข้า
เพิ่งปลุกความทรงจำในอดีตชาติได้แท้จริงแล้วข้าคือเซียนรัตติกาลในช่วงยุคบรรพกาล ข้าได้ฟื้นคืนความทรงจำเกี่ยวกับเคล็ดวิชาระดับเซียนแล้วตอนนี้ ไม่ต้องห่วงข้า”
“
ผู้
อาวุโสท่านน่าทึ่งมาก”
ฉิงเฟิงรู้สึกยินดีด้วยความตื่นเต้น
เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจักรพรรดิราตรีจะเป็นถึงเซียนผู้หนึ่งในช่วงชีวิตที่แล้ว