My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1156 การต่อสู้ของราชินีแวมไพร์
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1156 การต่อสู้ของราชินีแวมไพร์
ตอนที่ 1156 การต่อสู้ของราชินีแวมไพร์
“กลิ่นเลือดสดที่น่าอร่อย! ข้าชอบ” งูหลามไปจ้องที่ฉิงเฟิงด้วยความปรารถนาและหิวกระหาย
ร่างกายของฉิงเฟิงมีกลิ่นเลือดที่ดึงดูดเหล่าสัตว์อสูรทุกประเภทอย่างไม่น่าเชื่อยิ่งเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด พวกมันก็ยิ่งชอบเลือดในร่างกายของฉิงเฟิงมากขึ้น
งูหลามตัวใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อด้วยร่างกายที่มีความยาวร่วม 100 เมตร มันกินพื้นที่ส่วนใหญ่ในป่า มันมีเขี้ยวแหลมคมที่จะทำให้ผู้พบเห็นส่วนใหญ่ต้องสั่นคลอนไปด้วยความหวาดกลัว
“สัตว์อสูรวิญญาณระดับจิตราชันขั้นที่สาม…”
ฉิงเฟิงพึมพำในขณะที่มองมัน
งูตัวนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายทรงพลังอันน่าเหลือเชื่อไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องเป็นหนึ่งในผู้นำสัตว์อสูรในป่ารอบๆนี้ สัตว์อสูรระดับล่างล้วนยอมสยบต่อมัน
“นายท่านให้ข้าฆ่ามันให้ท่านเอง” ราชินีแวมไพร์คามิลล่าเดินไปด้านข้างฉิงเฟิงและขอลงมือเอง
เธอเพิ่งจะกลายเป็นข้ารับใช้ของฉิงเฟิงจึงกระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็น
นับตั้งแต่เธอกลายเป็นคนของเขาเธอก็ได้ตระหนักว่าทุกคนที่อยู่ข้างๆกายเขาล้วนแต่แข็งแกร่งมาก ปิงหยาเฟยอยู่ในจิตราชันขั้นที่สาม และลูกหมาสีดำกับงูกลืนฟ้าก็มีพลังในระดับจิตราชันขั้นที่สองซึ่งเป็นสัตว์อสูรที่น่าเกรงขามอย่างไม่ควรมองข้าม
เธอต้องการเป็นสมาชิกคนสำคัญในทีมของเขาเพื่ออนาคตของเธอเช่นกัน
เมื่อเห็นราชินีแวมไพร์ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ความไม่พอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของปิงหยาเฟยเพราะเธอก็ต้องการลงมือด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเธอตัดสินใจที่จะปล่อยให้คามิลล่าต่อสู้เพราะเธอก็สงสัยว่าราชินีแวมไพร์ผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด
“ไป”ฉิงเฟิงพยักหน้าอนุมัติ เขาค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของคามิลล่า
ฟุ่บ!
ด้วยการแตะเท้าราชินีแวมไพร์ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ
“
หมัดเทพโลหิต
!
“
ราชินีแวมไพร์เปล่งเสียงดังและเหวี่ยงหมัดขวาของเธอออกไปกำปั้นของเธอเปลี่ยนเป็นสีเลือดในขณะที่มันทะลุผ่านอากาศและบินตรงไปยังงูหลามยักษ์
งูหลามอสูรเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวลเพราะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลจากหมัดที่พุ่งเข้ามา มันยกหางขึ้นผ่าข้ามท้องฟ้าไปทางคามิลล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางรวมไปถึงต้นไม้ขนาดยักษ์ก็ถูกผ่าครึ่ง
ตูม!!
ในช่วงเวลาของการปะทะระหว่างหางงูกับหมัดของคามิลล่าทำให้เกิดเสียงดังสนั่นที่กึกก้องไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับเสียงพื้นดินสั่นสะเทือน ก้อนกรวดและต้นไม้โดยรอบทั้งหมดถูกพัดพาขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทั้งสองฝ่ายกลับมายืนอยู่ในตำแหน่งเดิมหลังจากการปะทะกัน
หากใครเพ่งสังเกตเล็กน้อยก็จะได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองเกล็ดที่ครั้งหนึ่งอยู่บนตัวงูหลามยักษ์เริ่มร่วงหล่นลงมาและตามมาด้วยเลือดที่ไหลริน
“เจ้าเป็นใคร เจ้ารู้จักวิชาของเผ่าพันธุ์โลหิตได้อย่างไร ?” งูหลามถามคามิลล่าด้วยความประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้มันเคยพบคนของเผ่าพันธุ์โลหิตและใช้วิชาหมัดแบบนี้แต่ก็ไม่มีใครที่เปล่งพลังของวิชานี้ได้เท่าเทียมกับผู้หญิงตรงหน้ามัน หมัดของคนพวกนั้นไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างของมัน แต่คามิลล่ากลับทำได้
“ข้าคือราชินีแห่งเผ่าพันธุ์โลหิต,คามิลล่า” คามิลล่าตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยเสียงของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เธอแสดงสีหน้าที่ภาคภูมิใจต่อหน้างูหลามยักษ์และเธอก็มีสิทธิ์ที่จะภูมิใจสัตว์อสูรทุกชนิดล้วนมีราชาและราชินีมากมาย แต่ผู้นำของเผ่าพันธุ์โลหิตนั้นสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียวและคามิลล่าก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อได้ยินชื่อคามิลล่างูหลามยักษ์ก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงผู้นำของป่าโบราณแห่งนี้แต่มันก็เคยได้ยินชื่อของราชินีแวมไพร์คามิลล่ามาก่อน เธอแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ชื่อเสียงของเธอโดดเด่นในหมู่เผ่าพันธุ์โลหิตและบรรดาผู้ฝึกตน
งูหลามขยับร่างกายเตรียมจะหนีแต่เห็นชัดว่าคามิลล่าไม่คิดจะปล่อยมันไป
“
ดรรชนีเทพโลหิต
!
“
คามิลล่าเหยียดนิ้วขวาของเธออย่างรวดเร็วและมีแสงสีแดงที่ส่องประกายออกมา
รังสีพลังงานอันมหาศาลฉีกผ่านอากาศและยิงไปที่หัวของงูหลามยักษ์จนเป็นหลุมลึก
ตึง!
งูหลามยักษ์ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงอันดังและไร้ซึ่งชีวิตอีกต่อไป
เมื่อเห็นความตายของงูหลามยักษ์บรรดาสัตว์อสูรระดับต่ำโดยรอบต่างก็หนีไปด้วยความกลัว
“นายท่านข้าจัดการมันเรียบร้อยแล้ว” คามิลล่าเดินไปที่ฉิงเฟิงและที่ใบหน้าอันงดงามของเธอก็ปรากฏรอยแดง “ทำงานได้ดีมาก”ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับ
“เจ้างูแก่นอสูรของสัตว์อสูรประเภทงูนั้นเหมาะกับแกมาก แกเอาไปสิ”
ฉิงเฟิงหันไปหางูกลืนฟ้าและกล่าวขึ้น
งูกลืนฟ้าพยักหน้าและจ้องมองไปที่ศพของงูหลามยักษ์ด้วยความตื่นเต้น
มันพ่นก้อนหลุมดำออกมาซึ่งกลืนกินเลือดและเนื้อของงูหลามยักษ์
ภายในทันทีเลือดและเนื้อของมันก็ถูกดูดจนแห้ง สิ่งที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้นก็มีเพียงของชิ้นหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงูหลามตัวนี้
งูกลืนฟ้าฉีกท้องงูหลามยักษ์ออกจากกันแล้วกลืนแก่นอสูรของมันเข้าไปจากนั้นก็เริ่มกระบวนการย่อยสลายและปรับแต่ง
แก่นอสูรบรรจุไว้ด้วยพลังงานจำนวนมากซึ่งทำให้เริ่มมีพัฒนาการเกิดขึ้นในร่างของงูกลืนฟ้า หลังจากได้ดูดกลืนพลังงานจากแก่นอสูรร่างของงูกลืนฟ้าก็ขยายใหญ่ขึ้นร่วมเมตร ทั่วร่างปลดปล่อยกลิ่นอายพลังงานมหาศาลออกมา ตอนนี้มันมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้สูงกว่าสัตว์อสูรระดับจิตราชันขั้นที่สาม
หลังจากล้มงูหลามที่ขวางทางฉิงเฟิงและพรรคพวกของเขาก็เดินทางต่อเข้าไปในป่า ตลอดเส้นทางไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่กล้าโจมตีพวกเขาแม้แต่น้อย
“ในที่สุดพวกเราก็ออกมาได้เสียที! ฉันเกลียดความมืดที่นั่นมากไป”
อลิซขมวดคิ้วบิดขี้เกียจและกล่าวขึ้น
ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
ความมืดมิดในป่าโบราณนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
ฉิงเฟิงยื่นมือขวาของเขาออกมาและลูบไปที่ใบหน้าอันบอบบางของอลิซเพื่อพยายามปลอบโยนเธอ
…………
จากนั้นไม่นานภายใต้การนำทางของแมวแห่งโชคชะตา พวกเขาก็มาถึงที่ตั้งโดยสังเขปของน้ำพุแห่งชีวิต
แมวแห่งโชคชะตาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากเทือกเขาแอลป์มันอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีและคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมมาก
ภายใต้การนำของมันพวกเขามาถึงใต้ภูเขาแห่งเทพหิมะ
ภูเขาแห่งเทพหิมะเป็นยอดเขาสูงที่สุดในหมู่เทือกเขาแอลป์มันเป็นสถานที่เกิดและบ่มเพาะของเทพหิมะ
ตำนานจากทวีปเสือกล่าวไว้ว่าเทพหิมะเป็นหนึ่งในร่างโคลนของเทพแห่งชีวิตและด้วยเหตุนี้มันจึงได้ชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของเทพแห่งชีวิตเช่นกัน
ภูเขาเทพหิมะใหญ่โตอย่างไม่น่าเชื่อด้วยความสูงกว่า8000 เมตร มันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบตลอดทั้งปีและมียอดเขาที่ยกสูงขึ้นเหนือก้อนเมฆราวกับทะลุไปจนถึงสวรรค์
“น้ำพุแห่งชีวิตอยู่บนยอดเขานี้”แมวแห่งโชคชะตาชี้ไปที่ยอดเขาและกล่าวออกมา
ดวงตาของฉิงเฟิงเปล่งประกายไปด้วยความสุขหลังจากพยายามอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็ใกล้จะได้พบน้ำพุแห่งชีวิตแล้ว
แต่ในทันใดนั้นเองใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเพราะที่เชิงเขามีกลุ่มคนจำนวนมากมารวมตัวกัน
ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดมาถึงที่นี่ก่อนหน้าฉิงเฟิงและเป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาทราบว่าน้ำพุแห่งชีวิตอยู่บนยอดเขาลุกนี้