My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1168 มุ่งหน้าสู่วังมังกรทะเลเหนือ
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1168 มุ่งหน้าสู่วังมังกรทะเลเหนือ
ตอนที่ 1168 มุ่งหน้าสู่วังมังกรทะเลเหนือ
ฉิงเฟิงกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์และมาถึงที่วิลล่าหมายเลขสิบสาม
เมื่อมองเข้าไปในคฤหาสน์หัวใจของฉิงเฟิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขามีความทรงจำมากมายเกินไปสำหรับที่นี่ มันยากที่จะทำให้สงบใจลงได้
ฉิงเฟิงระงับอารมณ์ของเขาและเปิดประตูเดินเข้าไป
“นายท่านทำไมถึงรีบกลับมา ” เหมียวซิยี้รู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอเห็นฉิงเฟิงกลับมาเร็วเช่นนี้
“อืมฉันกลับมาดูอาการหลินเสวี่ย” ฉิงเฟิงยิ้มทักทายเธอเล็กน้อย
ฉิงเฟิงขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสองหลินเสวี่ยยังคงนอนอยู่บนเตียง วงหน้าที่อวบอิ่มและสวยงามดั่งเทพธิดาของเธอกลายเป็นสีซีดและไร้สีสันเหมือนสาวงามที่หลับไหล “ที่รักผมกลับมาหาคุณแล้วนะ” ฉิงเฟิงนั่งลงข้างๆหลินเสวี่ยและกุมมือน้อยนิดสีชมพูของเธอและกล่าวเบาๆ
มือของหลินเสวี่ยค่อนข้างเย็นมันราวกับน้ำแข็งและเยือกเย็นมาก
“ที่รักคุณชอบฟังนิทานใช่ไหม ผมจะเล่าเรื่องเรื่องหมาป่าตัวใหญ่และหนูน้อยหมวกแดงให้ฟังนะ … “
ดวงตาของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนในขณะที่เขาเล่านิทานให้หลินเสวี่ยฟัง
หลินเสวี่ยชอบฟังนิทานทุกครั้งที่ฉิงเฟิงเล่านิทานให้เธอฟัง เธอจะชอบมาก แต่ตอนนี้ดวงตาของเธอปิดสนิทและร่างกายแข็งทื่อ
ฉิงเฟิงเล่านิทานจบแล้วแต่หลินเสวี่ยก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยมันทำให้เขาเศร้ามาก
“ที่รักผมหาหัวใจเยือกแข็งและน้ำแห่งชีวิตเจอแล้วนะ คุณไม่ต้องกังวล เหลือแค่ตามหาโลหิตมังกรน้ำแข็งและสกัดพวกมันทำยาศักดิ์สิทธิ์ คุณก็จะหายดีแน่นอน”
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างอ่อนโยน
หากผู้ใดก็ตามได้มาเห็นใบหน้าของฉิงเฟิงในตอนนี้พวกเขาจะต้องประหลาดใจจนหงายหลังแน่นอนในสายตาของทุกคนหลี่ฉิงเฟิงเป็นชายที่หยิ่งยะโส อาฆาตพยาบาทและกระหายเลือด คนทั่วไปจะไม่เคยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจากเขามาก่อน
จุ๊บ!
ฉิงเฟิงก้มหน้าไปจูบที่หน้าผากของหลินเสวี่ยหน้าผากของเธอนั้นเย็นยะเยือกมากและไร้ซึ่งความอบอุ่นของชีวิต
“ที่รักผมไปก่อนนะ ผมจะต้องช่วยคุณได้อย่างแน่นอน” ในที่สุดฉิงเฟิงก็มองหลินเสวี่ยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินออกจากห้อง
ก่อนออกเดินทางต่อฉิงเฟิงกำชับให้เหมียวซิยี้และคนอื่นๆดูแลหลินเสวี่ยให้ดีที่สุด
จากนั้นฉิงเฟิงก็เดินออกจากวิลล่า13และเดินไปที่วิลล่า 14 ของหลิวหรูหยานเพื่อเยี่ยมเธอและทารก
ผ่านไปเพียงไม่กี่วันและเด็กทารกก็ดูงดงามขึ้นมากด้วยแก้มเล็กๆที่เป็นสีชมพูมันดูอ่อนโยนบอบบางและน่ารักมาก
ฉิงเฟิงจูบแก้มของทารกทำให้เธอหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข
“หรูหยานครั้งนี้ผมต้องออกไปกลางทะเลและคงไม่ได้กลับมาอีกสักระยะหนึ่ง”
ฉิงเฟิงบอกกับหลิวหรูหยานก่อนที่จะผละจากไปอย่างรวดเร็วเขาต้องแข่งกับเวลา
ฉิงเฟิงต้องไปที่วังมังกรทะเลเหนือครั้งนี้เขาไม่ได้นำทีมเขี้ยวหมาป่าไปด้วยเนื่องจากสถานที่ที่โลหิตมังกรน้ำแข็งตั้งอยู่นั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายมากจนเขาไม่มั่นใจและไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นกับทีมเขี้ยวหมาป่า
ฉิงเฟิงจึงนำไปแค่ปิงหยาเฟยลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าเท่านั้น
เขาขอให้ราชาหมาป่าอัคคีรั้งอยู่ที่เมืองตงไห่เพราะสัตว์อสูรประเภทไฟอย่างมันไม่สามารถช่วยอะไรได้มากในมหาสมุทร
นอกจากนี้มันยังแข็งแกร่งขึ้นมาก มันสามารถปกป้องดูแลความปลอดภัยของหลินเสวี่ยและคนอื่นๆได้
จากนั้นฉิงเฟิงจึงขอให้เชาเฟิ่งอู่จัดเตรียมเรือโดยสารและมุ่งหน้าไปยังวังมังกรทะเลเหนือทันที
วังมังกรทะเลเหนือตั้งอยู่ทางทิศเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกฉิงเฟิงได้รับแผนที่วังมังกรมาจากองค์หญิงสามแห่งวังมังกรทะเลตะวันออกมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ตำแหน่งชัดเจนของวังมังกรทะเลเหนือ
เมื่อเรือโดยสารของฉิงเฟิงแล่นไปในน่านน้ำเปิดเขาสังเกตเห็นปัญหา มีคนจำนวนมากเกินไปบนเรือโดยสารและพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ฝึกตน มันทำให้ทั่วบริเวณปกคลุมไปด้วยรัศมีพลังที่ทรงพลัง
ฉิงเฟิงสัมผัสได้ว่ารัศมีพลังของคนเหล่านี้เหมือนกับตนเองพวกเขาทั้งหมดมีพลังในขอบเขตจิตราชันและนอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอีกด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในนิกายระดับราชันแต่ฉิงเฟิงไม่คุ้นหน้าคนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
“ปิงหยาเฟยเธอรู้จักคนเหล่านี้หรือเปล่า ” ฉิงเฟิงถาม
ปิงหยาเฟยพยักหน้าอย่างอ่อนโยนและพูดว่า“ตรงหน้าพวกเราคือประมุขนิกายสัตว์เหินหาว นามว่าหยางเฟยเทียน ทางซ้ายคือประมุขนิกายกระบี่ดาวตก จางหยุนซื่อ ทางขวาคือประมุขนิกายคทาฟ้า ซุนฮุนเทียน และที่อยู่ด้านหลังคือประมุขนิกายกังฉิน หลิวซูฉิน สุดท้ายประมุขนิกายไผ่ราชา มู่ฉิงจู”
หลังจากปิงหยาเฟยแนะนำยอดยุทธ์ทั้งหมดฉิงเฟิงก็เริ่มจดจำใบหน้าของพวกเขา
นิกายราชาไผ่
ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเพราะคุ้นๆว่าเคยได้ยินชื่อนิกายนี้มาก่อนใช่แล้ว มันเป็นนิกายในสังกัดของมู่เซียนเซียนนั่นเอง ฉิงเฟิงหันหน้าไปมองและสังเกตพบหญิงสาวงามผู้หนึ่งอยู่ในกลุ่มนิกายราชาไผ่เธอก็คือมู่เซียนเซียนนั่นเอง
มู่เซียนเซียนสวมใส่ชุดสีฟ้าในวันนี้ซึ่งขับเน้นรูปร่างที่สูงโปร่งและงดงามของเธอเธอกระพริบตากลมโตไปที่ฉิงเฟิงเหมือนกำลังจะทักทายเขา
ฉิงเฟิงก็ทักทายเธอกลับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นและจับสัมผัสฟังคนรอบข้างอย่างระมัดระวังทุกคนดูเหมือนจะพูดในเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกยามนี้
“ท่านประมุขหยางข้าได้ยินมาว่าเกาะเหมันต์เยือกแข็งปรากฏขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือและมีคนพบเห็นมังกรเทวะที่นั่นด้วย”
ประมุขนิกายกระบี่ดาวตก,จางหยุนซื่อกล่าว จางหยุนซื่อเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างกระชับร่างสูงและกล้ามเนื้อเป็นมัด ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
หยางเฟยเทียนพยักหน้าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามียิ้มอย่างแผ่วเบาและตอบกลับว่า “แน่นอน ข้าทราบดี ข้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วงชิงโลหิตมังกรน้ำแข็ง มันเป็นมังกรเทวะ ดังนั้นมันอาจจะช่วยให้ข้าได้ทะลวงด่านเข้าสู้ขอบเขตจิตวิญญาณจักรพรรดิได้”
พวกเขาจ้องมองไปที่แววตาอันเย็นยะเยือกของกันและกันแม้จะดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสนทนากันอย่างมีความสุข แต่ลับหลังพวกเขากำลังคิดคำนวนแผนการและวางกับดักอีกฝ่าย ทั้งสองฝ่ายไม่มีผู้ใดยอมแพ้ต่อสมบัติล้ำค่า
ในอีกด้านหนึ่งซุนฮุนเทียนจากนิกายคทาฟ้า หลิวซูฉินจากนิกายกังฉินและมู่ฉิงจูจากนิกายราชาไผ่ต่างก็จ้องมองกันและกัน
คนเหล่านี้กำลังเดินทางไปที่เกาะเหมันต์เยือกแข็งโดยเรือโดยสารและกลุ่มของฉิงเฟิงเป็นกลุ่มรั้งท้าย แต่เขาก็ไม่กังวลที่จะไปถึงทีหลังเพราะเขามั่นใจว่าการไปถึงทีหลังเป็นอะไรที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว
เมื่อเรือโดยสารมาถึงทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกก็เกิดลมกระโชกอย่างฉับพลันมันพัดผ่านทะเลและพัดคลื่นสูงถึงสิบเมตร มันน่ากลัวมากเพราะท้องฟ้าและพื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนไปด้วยคลื่นมหาสมุทรยักษ์และขวางทางของทุกคนเอาไว้
ในคลื่นยักษ์นั้นเต่ายักษ์ขนาดมหึมาก็ปรากฏกายขึ้นเต่าตัวนี้มีขนาดร้อยเมตรและมีเปลือกแข็งที่ส่องแสงสีเขียว เต่ายักษ์กวาดสายตาจับจ้องไปที่ผู้คนบนเรืออย่างเย็นชา
“เบื้องหน้าเป็นดินแดนของวังมังกรทะเลเหนือพวกเจ้าทุกคนควรจากไปโดยพลัน”
เต่ายักษ์สีเขียวมองผู้คนมากมายและเอ่ยขึ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับคำเตือนและภัยคุกคามของเต่ายักษ์สีเขียวไม่มีผู้ใดทำตามเพราะพวกเขาทั้งหมดต่างก็ต้องการไปที่เกาะเหมันต์เยือกแข็งเพื่อช่วงชิงโลหิตมังกรน้ำแข็งในตำนาน
“ออกมาอินทรีเทวะเหินฟ้า !”
หยางเฟยเทียนอัญเชิญสัตว์อสูรสายต่อสู้เพื่อให้มาต่อสู้แทนเขาทันที
นี่คืออินทรีขนาดมหึมาร่วมหนึ่งร้อยเมตรมันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังในระดับเดียวกันกับเต่ายักษ์สีเขียว
นิกายสัตว์เหินหาวนั้นเป็นนิกายที่สามารถควบคุมสัตว์อสูรได้พวกเขาทำให้พวกมันเชื่องและต่อสู้เพื่อคนของนิกายอย่างเต็มใจ
ในฐานะประมุขของนิกายสัตว์เหินหาวหยางเฟยเทียนสามารถควบคุมสัตว์อสูรได้ดี เขาอัญเชิญสัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่าขอบเขตจิตราชันขั้นสี่ออกมาได้ !