My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1206 เจียงซีเยวี่ย
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1206 เจียงซีเยวี่ย
ตอนที่ 1206 เจียงซีเยวี่ย
หญิงสาวผู้งดงามได้รับความอับอายจากการล้อเลียนของหลี่ฉิงเฟิง
เธอสั่นกระดิ่งในมือของเธออีกครั้งเพื่อโจมตีเขาแต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะหลี่ฉิงเฟิงได้เชี่ยวชาญเสียงคำรามที่สามของวิชาราชสีห์คำรามเสียแล้ว
นอกจากนี้หลี่ฉิงเฟิงยังมีอุปกรณ์วิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ในร่างทั้งสองสิ่งนี้เป็นอุปสรรคที่ส่งผลให้การโจมตีของสาวงามผู้นั้นไร้ประโยชน์
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้เห็น
พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าหลี่ฉิงเฟิงจะสามารถต่อกรกับสาวงามผู้นี้ได้อย่างสูสีแล้ว
เหล่าผู้ติดตามของเธอนั้นเป็นกลุ่มคนที่ตกตะลึงมากที่สุด
การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเธอก็คือกระดิ่งแสงจันทร์ซึ่งนักสู้ที่แข็งแกร่งมากมายบนดาวเคราะห์เยวี่ยล้วนแต่แพ้พ่ายให้เธอ
แต่บัดนี้กระดิ่งแสงจันทร์ของเธอไม่สามารถเอาชนะหลี่ฉิงเฟิงได้
“เธออัดฉันมาหลายยกแล้วคราวนี้ถึงตาฉันบ้างล่ะนะ” หลี่ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา
โฮกโฮก โฮก !!!
หลี่ฉิงเฟิงเปิดปากและใช้ราชสีห์คำรามออกมา
พลังงานวิญญาณของเขาก่อเกิดรูปลักษณ์สิงโตสามตัวที่วิ่งเข้าหาสาวงามอย่างดุเดือด
สิงโตวิญญาณทั้งสามตัวปะทะกับดวงจันทร์วิญญาณของสาวงามจนเกิดเสียงดังสนั่นและสั่นสะเทือนไปรอบตัว
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีทางวิญญาณแต่ก็ยังทรงพลังอย่างมากมันทำให้พื้นที่รอบๆกลายเป็นความว่างเปล่าและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขยายวงกว้างจนทำลายวัตถุรอบๆ พลังทำลายล้างจากการโจมตีทางวิญญาณนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังโจมตีทางกายภาพเสียด้วยซ้ำในบางแง่มุม!
ผู้คนรอบข้างหน้าซีดอย่างหวาดกลัวดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสยอง
บางคนล้มลงกับพื้นขณะที่เลือดไหลออกมาจากตาหู ปาก จมูก พวกเขาเกือบจะตกตายจากการโจมตี เห็นได้ชัดว่ามีพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ปลดปล่อยออกมาจากการโจมตีของหลี่ฉิงเฟิงและสาวงามผู้นั้น
ปึง! ปึง !!
หลี่ฉิงเฟิงและสาวงามต่างก้าวถอยหลังทั้งหันมาจ้องหน้ากันและประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
หลี่ฉิงเฟิงเป็นเพียงนักสู้ระดับจิตราชันขั้นที่สี่ซึ่งต่ำกว่าสาวงามผู้นี้ภายใต้สถานการณ์ปกติหลี่ฉิงเฟิงย่อมไม่ใช่คู่ของเธอ แต่บัดนี้เขาได้เชี่ยวชาญเสียงคำรามที่สามของวิชาราชสีห์คำราม ซึ่งเทคนิคการโจมตีนั้นทรงพลังมากจนเขาไม่กลัวสาวงามผู้นี้อีกต่อไปแล้ว
“มนุษย์โลกบ้านนอกเจ้ามีนามว่าอะไร ” สาวงามผู้นั้นถามหลี่ฉิงเฟิง
หลี่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยความโกรธหลังจากได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าเขาเป็นคนบ้านนอกแน่นอนว่าไม่ใช่ เขาเป็นคนเมือง !
สาวงามขมวดคิ้วและถามอย่างเย็นชาว่า“ข้าถามเจ้าทำไมไม่ตอบ “
“ทำไมฉันต้องตอบคำถามเธอด้วยเล่า ตามมารยาทแล้วจะถามชื่อผู้อื่นก็ควรบอกชื่อเสียงเรียงนามของตัวเองก่อนซี่” หลี่ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
สาวงามเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเธอเชิดศีรษะขึ้นอย่างอวดดีและกล่าวว่า “ข้าชื่อเจียงซีเยวี่ย สมาชิกของตระกูลเจียงจากดาวเคราะห์เยวี่ย อยู่ต่อหน้าข้าเจ้าควรจะคุกเข่าคารวะ”
ดาวเคราะห์เยวี่ย
ตระกูลเจียง หลี่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับดาวเคราะห์หรือตระกูลชื่อนี้มาก่อน
สาวงามสัมผัสได้ถึงความสับสนงุนงงของหลี่ฉิงเฟิงเธอจึงอธิบายว่า “โลกมนุษย์ของเจ้าเป็นมิติชั้นต่ำและดาวเคราะห์เยวี่ยของข้าเป็นดวงดาวในมิติชั้นสูง ตระกูลเจียงของข้าเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่บนดาวเคราะห์นั้น พวกเรามีประวัติศาสตร์มานานนับหมื่นปี”
หลี่ฉิงเฟิงย่อมรู้ถึงการจำแนกระดับชั้นมิติที่แตกต่างกันเป็นธรรมดาแต่ถึงแม้ว่าดาวเคราะห์เยวี่ยจะสูงส่งกว่า เขาก็ไม่มีวันอ่อนข้อต่อผู้หญิง
ย้อนกลับไปเมื่อก่อนนั้นโลกมนุษย์เคยเป็นหนึ่งใน 3000 ดาวเคราะห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทั่วทั้งกาแลคซี่ เพียงแต่ว่าตอนนี้มันเสื่อมโทรมลงและตกอยู่ในหายนะ
แม้ว่าโลกจะร่วงหล่นแต่หลี่ฉิงเฟิงก็ยังมีศักดิ์ศรีและภูมิใจในตัวเองเขาไม่มีวันยอมแพ้ผู้หญิงคนนี้ หลี่ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า“ถึงแม้ว่าเธอจะมาจากมิติที่สูงส่งกว่า เธอก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้อยู่ดี แล้วทำไมฉันต้องคุกเข่าให้เธอด้วย “
ประกายแห่งความเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาของสาวงามเธอไม่พอใจมากกับคำพูดของเขา
เธอต้องการสั่งสอนบทเรียนให้หลี่ฉิงเฟิงแต่ก็รู้ดีว่าคำพูดของเขานั้นถูกต้อง
ในช่วงการโจมตีรอบที่ผ่านมาเธอไม่สามารถเอาชนะเขาได้ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือจิตวิญญาณ เธอก็พ่ายแพ้เขา
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยืนจ้องหน้ากับหลี่ฉิงเฟิงโดยไม่มีฝ่ายใดคิดลงมือ
หลี่ฉิงเฟิงไม่ต้องการเสียเวลามากไปกว่านี้เพราะเขายังต้องมองหามังกรน้ำแข็งดังนั้นเขาจึงเริ่มเดินไปข้างหน้า
เมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินจากไปเจียงซีเยวี่ยก็เดินไปข้างหน้าเช่นกันเธอจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้เด็ดขาด
พวกเขาสองคนเริ่มต่อสู้อีกครั้งเป็นการยากที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้
พวกเขาแลกหมัดกันครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้นก็กลับมาต่อสู้กันด้วยพลังวิญญาณอีกครั้ง
ไม่เพียงแค่หลี่ฉิงเฟิงและเจียงซีเยวี่ยเท่านั้นที่สู้กันแต่ผู้ติดตามของทั้งฝ่ายก็เริ่มต่อสู้กัน ไม่มีฝ่ายใดยอมลงให้อีกฝ่าย !
ครืนนนนน!
ในขณะนี้เองได้มีเสียงดังจากทิศเหนือซึ่งสั่นสะเทือนอยู่รอบๆ
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปหลี่ฉิงเฟิงและเจียงซีเยวี่ยหยุดการต่อสู้เช่นกัน พวกเขาทั้งสองคนหันไปมองยังทิศทางที่เสียงดังขึ้น
พวกเขาเห็นว่ามังกรน้ำแข็งต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง
มันเป็นเต่าตัวมหึมาที่มีความยาวอย่างน้อยก็เกินพันเมตรพลังของมันเทียบได้กับมังกรน้ำแข็งทีเดียว หลี่ฉิงเฟิงและเจียงซีเยวี่ยหยุดมือทั้งสองพุ่งทะยานไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว เพราะเป้าหมายของพวกเขาเหมือนกันก็คือเลือดมังกรน้ำแข็ง
กลุ่มของหลี่ฉิงเฟิงและเจียงซีเยวี่ยก็มุ่งหน้าติดตามไปยังทิศทางนั้นเช่นกันเพื่อเลือดมังกรน้ำแข็ง
ความเร็วของหลี่ฉิงเฟิงรวดเร็วมากเขาใช้ย่างก้าวพันมังกรและมาถึงจุดปะทะในเวลาไม่นาน
เจียงซีเยวี่ยไม่น้อยหน้าเธอมาถึงข้างๆเขาในเวลาไม่นาน ความเร็วของเธอก็สูสีกับเขาเช่นกัน
หลี่ฉิงเฟิงมองไปข้างหน้าและเห็นว่ามีคนมารวมตัวกันไม่ไกลจากพวกเขาเจ้าชายแห่งวังมังกรทะเลตะวันออก เจ้าชายแห่งวังมังกรทะเลเหนือ องค์หญิงแห่งวังมังกรทะเลใต้ จ้าวนิกายไผ่ราชา จ้าวนิกายสัตว์เหินหาว จ้าวนิกายกังฉินและผู้ฝึกตนคนอื่นๆล้วนมาถึงกันหมดสิ้น ในเวลาเดียวกันหลี่ฉิงเฟิงก็ได้เห็นคนกลุ่มอื่นที่ดูแตกต่างจากพวกเขา
คนเหล่านี้แข็งแกร่งมากและมีรัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวพวกมันไม่ได้มาจากโลกมนุษย์ ดังนั้นต้องเป็นผู้ฝึกตนจากมิติอื่น
ในบรรดาคนเหล่านี้มีชายสามคนที่เปล่งรัศมีทรงพลังที่สุด
หนึ่งในนั้นคือนักพรตผิวสีทองและมีผมสีบลอนด์เขาตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายว่านักพรตทอง
คนต่อมาเป็นหลวงจีนรูปหนึ่งที่มีผิวสีทองส่องแสงสว่างไสวเขาไม่มีผมดังนั้นหลี่ฉิงเฟิงจึงเรียกเขาว่าหลวงจีนทองคำ
ถัดจากหลวงจีนทองคำและนักพรตทองยังมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง
ชายหนุ่มผู้นี้มีเขาที่น่าเกรงขามคู่หนึ่งบนศรีษะและปลดปล่อยคลื่นพลังงานที่ชั่วร้ายพลังสายนี้แผ่รังสีออกมาจากร่างกายของมัน
หลี่ฉิงเฟิงหรี่ตามองอีกฝ่ายทันทีและรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามันเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ปีศาจ!
��