My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1211 คลายผนึกชั้นที่สี่
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1211 คลายผนึกชั้นที่สี่
ตอนที่ 1211 คลายผนึกชั้นที่สี่
โม่อู๋เทียนต้องการน้ำเต้าทองคำในมือของหลี่ฉิงเฟิงส่วนหลี่ฉิงเฟิงก็ต้องการหอกปีศาจของโม่อู๋เทียน
พวกเขาจ้องมองกันและกันไม่มีผู้ใดยอมถอย
โม่อู๋เทียนหัวเราะเยือกเย็นและเริ่มเหวี่ยงหอกราชาปีศาจในมือของเขาอีกครั้งมันเจาะทะลุอากาศและแทงไปที่หลี่ฉิงเฟิง
หลี่ฉิงเฟิงส่งพลังแท้และเปิดฝาน้ำเต้าทองคำเพื่อปลดปล่อยพลังงานทองคำออกไปต้านรับหอกราชาปีศาจ
ในขณะที่พลังงานทองคำและหอกราชาปีศาจปะทะกันก็ปรากฏคลื่นกระแทกบนท้องฟ้าอันรุนแรงไปทั่วก้นมหาสมุทรพื้นที่ทั้งหมดดูเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆจากการระเบิด
อาวุธจิตวิญญาณของทั้งคู่มีพลังอย่างมากหนำซ้ำยังถูกใช้โดยยอดฝีมือในระดับนี้
การต่อสู้ระหว่างหอกราชาปีศาจและน้ำเต้าทองคำถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่มีผู้ใดชนะทั้งสองฝั่งทำได้เพียงยันกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมดแรง
โม่อู๋เทียนมองไปที่หลี่ฉิงเฟิงและประกาศกร้าวอย่างเยือกเย็นว่า“อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่มีอุปกรณ์วิญญาณเพราะข้าก็มีเหมือนกัน”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบน้ำเต้าออกมาแต่มันแตกต่างจากน้ำเต้าของหลี่ฉิงเฟิงเพราะมันเป็นสีดำ !
มันยิงลำแสงสีดำออกมาฉีกผ่านอากาศและบินตรงไปที่น้ำเต้าทองคำ
น้ำเต้าทองคำตอบโต้ด้วยการยิงลำแสงพลังงานสีทองออกมาอีกสายหนึ่งซึ่งปะทะเข้ากับลำแสงสีดำจากด้านหลังสุดท้ายพลังทั้งสองสายก็กระจายหายไปในอากาศ
ในขณะที่น้ำเต้าทั้งสองปะทะกันนั้นโม่อู๋เทียนพร้อมกับหอกราชาปีศาจในมือก็โจมตีออกไปอีกครั้ง
หลี่ฉิงเฟิงรีบตอบโต้กลับโดยการดึงกระบี่แสงสีทองของเขาออกมาและพุ่งไปข้างหน้าถึงกระนั้น กระบี่เล่มนี้เพิ่งคลายผนึกได้เพียงสามชั้นเท่านั้นจึงไม่อาจรับมือกับอีกฝ่ายได้ ในช่วงเวลาสั้นๆหลี่ฉิงเฟิงก็ถูกบีบให้ต้องถอยร่น
“พี่ใหญ่ท่านคิดว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ หลี่ฉิงเฟิงหรือว่าโม่อู๋เทียน ” องค์หญิงสามกระพริบตาและหันไปถามเจ้าชายแห่งวังมังกรทะเลตะวันออก
เจ้าชายแห่งวังมังกรทะเลตะวันออกยิ้มอย่างเยือกเย็นและตอบว่า“ข้าคิดว่าสมควรเป็นโม่อู๋เทียน”
ทุกคนที่มีตาย่อมเห็นได้ชัดว่าโม่อู๋เทียนเป็นฝ่ายได้เปรียบและมีพลังที่เหนือกว่าหลี่ฉิงเฟิง
องค์หญิงสามส่ายหัวพลางกล่าวว่า“พี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าโม่อู๋เทียนจะมีเพียงเหนือกว่าในตอนนี้ แต่ลางสังหรณ์ของข้าบอกว่าหลี่ฉิงเฟิงจะเป็นผู้ชนะ”
องค์หญิงสามมีความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนกับหลี่ฉิงเฟิงนางทั้งรักทั้งชังอีกฝ่าย แม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะรังแกและทรมานนาง แต่เขาก็เคยช่วยชีวิตนางไว้
………………..
ทันใดนั้นในขณะที่ต่อสู้กับโม่อู๋เทียน หลี่ฉิงเฟิงก็เปล่งประกายความคิดขึ้น เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองอยู่ในขอบเขตจิตราชันขั้นที่สี่ซึ่งสามารถปลดผนึกชั้นที่สี่บนตัวกระบี่แสงสีทองได้แล้ว
เช่นนั้นแล้วทำไมไม่ทำเล่า
ด้วยน้ำเต้าทองคำในมือซ้ายที่กำลังต่อสู้น้ำเต้าสีดำของโม่อู๋เทียนหลี่ฉิงเฟิงก็เริ่มลงมือปลดผนึกที่สี่ของกระบี่แสงสีทอง
เขาสวดคาถาแปลกๆที่ได้เรียนรู้มาจากจักรพรรดินีนกยูงปีศาจเมื่อตอนที่อยู่บนภูเขาพยัคฆ์มังกรมันคือบทสวดเพื่อปลดผนึกที่สี่ของกระบี่เล่มนี้ !
วู้มมมมมมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาจากตัวกระบี่เมื่อผนึกถูกปลดออก
ลำแสงสีทองพุ่งเข้ามาในสมองของหลี่ฉิงเฟิงมันคือการถ่ายทอดเคล็ดวิชาสำหรับกระบวนท่าที่สี่ของกระบี่แสงสีทอง
กระบี่ที่สี่เรียกว่า“ไอกระบี่ขุนเขาวารี” มันสามารถควบแน่นไอกระบี่ในรูปลักษณ์ของขุนเขาและแม่น้ำออกมา ด้วยพลังของกระบี่ทั้งหมดมันจะสามารถตัดผ่านทุกสรรพสิ่งในโลกได้และทรงพลังอย่างมาก !
หลี่ฉิงเฟิงเป็นคนฉลาดมากและยังคงเข้าใจแนวคิดใหม่นี้ได้เป็นอย่างดีดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไม่นานนักในการบรรลุเพลงกระบี่ที่สี่
กระบวนท่าที่สี่นี้แตกต่างจากทั้งสามกระบวนท่าก่อนหน้าสามท่าแรกนั้นเป็นเพลงกระบี่ที่เกี่ยวกับการใช้กระบี่ล้วนๆ แต่กระบวนท่าที่สี่ไม่เพียงแค่ใช้กระบี่ร่ายเคล็ดวิชาให้ก่อเกิดเป็นมายาขุนเขาและสายน้ำเท่านั้น แต่มันยังแฝงไว้ด้วยเจตน์กระบี่อีกด้วย
เจตน์กระบี่คือองค์ประกอบที่แข็งแกร่งที่สุดที่ถือกำเนิดจากพลังงานกระบี่
ในอดีตหลี่ฉิงเฟิงได้เรียนรู้เจตน์กระบี่แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น เขายังไม่สามารถรวมเจตน์กระบี่ได้ด้วยเคล็ดวิชากระบี่ แต่บัดนี้เขาทำได้แล้ว
โม่อู๋เทียนหัวเราะเสียงดังในขณะที่เฝ้ามองหลี่ฉิงเฟิงล่าถอยต่อเนื่องเขาแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยามว่า “มนุษย์โลกเอ๋ย อุปกรณ์วิญญาณของเจ้ายังไม่แกร่งเท่าข้า ส่วนตัวเจ้าก็สู้ข้าไม่ได้ ยอมจำนนเสีย !“
ทั้งหมดที่หลี่ฉิงเฟิงตอบโต้ต่อความเย่อหยิ่งของโม่อู๋เทียนก็คือความรังเกียจเขาตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะเย็นชาว่า “โม่อู๋เทียน ในไม่ช้าแกจะรู้ซึ้งถึงพลังอำนาจของฉัน”
คราวนี้เขาไม่สู้พลางถอยพลางอีกต่อไป แต่เลือกที่จะทำการโจมตีแทน เขาซัดกระบี่แสงสีทองออกไปก่อเกิดเป็นพลังงานกระบี่จำนวนมหาศาล
พลังกระบี่แฝงไว้ด้วยเจตน์กระบี่ที่สร้างเป็นคมมีดอันเกรี้ยวกราดและพุ่งเข้าหาโม่อู๋เทียนอย่างรุนแรง
ในสายตาของโม่อู๋เทียนการโจมตีของหลี่ฉิงเฟิงนั้นมิได้น่ากลัวนัก เขาแสยะยิ้มเพราะเชื่อว่าหลี่ฉิงเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆขึ้น
โม่อู๋เทียนเหวี่ยงหอกราชาปีศาจออกไปเข้าปะทะกับมายาขุนเขาวารีที่ก่อเกิดจากพลังกระบี่ของหลี่ฉิงเฟิง
ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน โม่อู๋เทียนประเมินพลังของไอกระบี่ขุนเขาวารีของหลี่ฉิงเฟิงต่ำไป
ตูม!
หอกราชาปีศาจพุ่งชนกับไอกระบี่ขุนเขาวารีและส่งผลให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงโลกทั้งใบสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
คราวนี้หลี่ฉิงเฟิงมิได้ถอยร่นเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เป็นโม่อู๋เทียน !
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์นี้ตกใจมากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลี่ฉิงเฟิงจะกลับมาเป็นฝ่ายเหนือกว่า
เพียงเวลาผ่านไปชั่วครู่เดียวเท่านั้นหลี่ฉิงเฟิงกลับพลิกสถานการณ์และเริ่มสะกดข่มอีกฝ่ายได้แล้ว มันราวกับปาฏิหาริย์
แน่นอนผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังต่ำย่อมไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่คนที่แข็งแกร่งและมีพลังสูงล้ำสามารถทำได้
เช่นกลุ่มคนจากวังมังกรเจียงซีเยวี่ย นักพรตทองและหลวงจีนทอง ทุกคนสามารถบอกได้ว่าหลี่ฉิงเฟิงก้าวหน้าขึ้นในพริบตา เขาสามารถบรรลุเคล็ดวิชากระบี่ใหม่ได้สำเร็จในระหว่างการต่อสู้
อันที่จริงข้อมูลเชิงลึกและสมบัติล้ำค่าในการบ่มเพาะของหลี่ฉิงเฟิงนั้นยอดเยี่ยมและไม่ธรรมดา
แม้แต่เจียงซีเยวี่ยที่เป็นยอดฝีมือของดาวเคราะห์เยวี่ยก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสามารถของเขา
หากเปลี่ยนเป็นนางที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนางคงทำได้เพียงสู้พลางถอยพลางจากการโจมตีของโม่อู๋เทียน แต่หากจะให้บรรลุเคล็ดวิชากระบี่ในระหว่างต่อสู้นั้นเป็นไม่ได้สำหรับนาง
ในที่สุดโม่อู๋เทียนก็รู้แล้วว่าหลี่ฉิงเฟิงบรรลุเคล็ดวิชาใหม่และใช้การโจมตีของเขาเป็นตัวช่วยในการฝึกฝน
“บัดซบเจ้ามนุษย์ นี่เจ้าบ่มเพาะวิชากระบี่ในระหว่างสู้กับข้า เจ้าใช้ข้าเป็นที่ลับคมได้อย่างไร !” โม่อู๋เทียนเผชิญหน้ากับหลี่ฉิงเฟิงพลางคำรามด้วยเสียงโกรธจัด
ในความเป็นจริงแล้วโม่อู๋เทียนไม่เพียงแค่รู้สึกโกรธเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกริษยาอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าโม่อู๋เทียนจะแข็งแกร่งทรงพลังแต่มันก็เกิดจากการใช้ยาวิเศษของตระกูลและได้เคล็ดวิชาบ่มเพาะเป็นตัวช่วย มันไม่ใช่ความแข็งแกร่งแท้จริงจากการรู้แจ้งของผู้เป็นอัจฉริยะ
เขาแทบจะไม่เคยรู้แจ้งในการบ่มเพาะโดยเฉพาะการรู้แจ้งวิชากระบี่ในระหว่างการต่อสู้นั้นเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับเขา
ซึ่งการรู้แจ้งในการบ่มเพาะนั้นเป็นข้อยกเว้นแต่เพียงอัจฉริยะหนึ่งในพันล้านคนเท่านั้นมีเพียงบุคลประเภทนี้เท่านั้นที่จะสามารถประสบความสำเร็จในการต่อสู้
การบ่มเพาะระหว่างต่อสู้โม่อู๋เทียนเห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงเฟิงเคยทำมันมาก่อนแล้ว และนี่ก็คือสาเหตุที่เขารู้สึกริษยา !
เขารู้ว่าตนเองไม่มีพรสวรรค์เทียบเท่ามนุษย์โลกผู้นี้ในใจเริ่มก่อเกิดความคิดที่ว่า หากปล่อยให้บุรุษผู้นี้เติบโตต่อไปจะยิ่งทำให้เขากังวลและหวั่นเกรง ซึ่งมันมิใช่เรื่องเขาจะปล่อยให้เกิดขึ้นได้
รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏบนใบหน้าของหลี่ฉิงเฟิงในขณะที่เขาเห็นว่าเพลงกระบี่ที่สี่ของกระบี่แสงสีทองสามารถบีบให้โม่อู๋เทียนต้องถอยร่นได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
��