My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1220 หลินเสวี่ย รอผมก่อนนะ !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1220 หลินเสวี่ย รอผมก่อนนะ !
ตอนที่ 1220 หลินเสวี่ย รอผมก่อนนะ !
สีหน้าของหลี่ฉิงเฟิงเปล่งประกายด้วยความสุขเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเต่าดำเขาต้องการทราบวิธีออกจากแผ่นดินใต้น้ำนี้และดูเหมือนว่าเต่าดำจะเป็นคำตอบให้เขา
เขารู้ดีว่าเต่าดำเป็นผู้พิทักษ์แผ่นดินใต้ทะเลดังนั้นมันย่อมรู้วิธีที่จะกลับขึ้นไปบนพื้นผิวของมหาสมุทร ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของมัน
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปมองลูกสมุนทุกคนไม่ว่าจะเป็น เจียงซีเย่ว ปิงหยาเฟย ซุนฮุนเทียน ลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้า พลางกล่าวแกมออกคำสั่งว่า
“ช่วยเต่าดำปราบมังกรน้ำแข็ง”
เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าหากตัวเองเพียงคนเดียวเข้าไปร่วมมือกับเต่าดำล้มมังกรน้ำแข็งแน่นอนตัวเขาคงไม่มีทางได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้เป็นแน่ แต่ถ้าหากอาศัยทุกคนร่วมมือกับเขาโจมตีมังกรน้ำแข็งซึ่งมันย่อมไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาจะจู่โจมที่จุดไหน แน่นอนเต่าดำย่อมได้เปรียบและมีชัยในการต่อสู้ครั้งนี้
วูบ!!
ทันใดนั้นหลี่ฉิงเฟิงเจียงซีเย่ว ลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าก็กระโดดขึ้นฟ้าและพุ่งเข้าหามังกรน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ในขณะเดียวกันหลี่ฉิงเฟิงก็ปลดกระบี่แสงสีทองออกมาและใช้กระบวนท่าที่สี่ที่ทรงพลังที่สุด ‘พลังกระบี่สยบภูผาวารี’ ด้วยการไหลเวียนของพลังกระบี่ที่หนักหน่วง ก่อให้เกิดภาพขุนเขาและสายน้ำขนาดมหึมาที่พุ่งเข้าหามังกรน้ำแข็ง
เจียงซีเย่วหยิบกระดิ่งแสงจันทร์ออกมาและโจมตีมังกรน้ำแข็งจากอีกด้านหนึ่ง
ซุนฮุนเทียนหยิบคทากำเนิดฟ้าออกมาและทุบเข้าหามังกรน้ำแข็งเช่นกัน
ส่วนสัตว์ร้ายทั้งสองตัวก็คือลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าทั้งคู่ยิงพลังโจมตีเข้าหามังกรน้ำแข็ง – หนึ่งยิงลำแสงสีดำออกไปและอีกตัวหนึ่งยิงวังวนสีดำ
เมื่อรู้สึกถึงการโจมตีจากทุกทิศทางมังกรน้ำแข็งต้องการตอบโต้และป้องกันตัวเอง แต่มันได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นความสามารถในการป้องกันและการตอบสนองจึงถูกขัดขวางอย่างมีนัยยะ
บรรดายอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณราชันเช่นเดียวกับหลี่ฉิงเฟิงแน่นอนว่าย่อมมีความสามารถมากพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อมันแน่นอน
มันโบกหางขึ้นไปในอากาศสร้างเป็นส่วนโค้งขึ้นกลางเวหาด้วยความพยายามที่จะเบี่ยงเบนพลังจากกระบี่แสงสีทองของหลี่ฉิงเฟิง
มันมีความรู้สึกว่าการจู่โจมหลี่ฉิงเฟิงนั้นทรงพลังที่สุดมันสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่หลั่งไหลออกมาจากร่างกายทั้งหมดของเขา
ตูม! เคล็ดวิชา‘ พลังกระบี่ขุนเขาวารี’ ได้ปะทะเข้ากับหางของมังกรน้ำแข็ง ทำให้เกิดแรงกระแทกขึ้นอย่างมหาศาลในอากาศ บีบให้ร่างของหลี่ฉิงเฟิงต้องกระเด็นไปข้างหลัง
มังกรน้ำแข็งนั้นแข็งแกร่งจริงๆถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังล้มมันไม่ได้ง่ายๆนัก
แต่แน่นอนว่าการโจมตีของหลี่ฉิงเฟิงก็ใช่จะไร้ประโยชน์เมื่อเขาโจมตี มังกรน้ำแข็งย่อมตอบโต้และก็เปิดโอกาสให้แก่เต่าดำในการช่วงชิงข้อได้เปรียบ มันฟาดกรงเล็บอันแหลมคมไปที่ช่วงท้องของมังกรน้ำแข็งจนเลือดสดฉีดพุ่งออกมา
ขณะนั้นการโจมตีของเจียงซีเย่ว งูกลืนฟ้าและลูกหมาสีดำในทิศทางอื่นๆก็ผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้เกล็ดมังกรน้ำแข็งเริ่มตกลงมา
เคยมีคำพูดโบราณกล่าวไว้ว่า“แม้แต่ราชสีห์ก็ยังมิอาจล้มฝูงหมาป่าได้”
ซึ่งนั่นก็คือสถานการณ์ของมังกรน้ำแข็งในตอนนี้นี่เอง
หากว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บมาก่อนพวกเขาทุกคนก็ยากที่จะต่อกรกับมัน เพราะมังกรน้ำแข็งคือสัญลักษณ์แห่งพลังที่ไม่สามารถเอาชนะได้ มันคือสัตว์เทวะในตำนานที่ทรงพลังที่สุดระหว่างสวรรค์และปฐพี แม้แต่เซียนก็ยังยากที่จะล้มมัน
แต่ทว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บสาหัสแต่เดิมของมันทำให้เต่าดำ หลี่ฉิงเฟิงและพรรคพวกมีโอกาสที่จะพลิกกระดาน
นอกจากนี้ในขณะที่ต่อสู้กับเขา มังกรน้ำแข็งก็ยังระมัดระวังตัวยิ่ง มันเป็นกังวลเกี่ยวกับอัคคีสีทองของหลี่ฉิงเฟิงมาก
มันไม่รู้ว่าเขาจะใช้พลังไฟขุมนี้โจมตีมันเมื่อไหร่
“ระยำ! เต่าดำกับหลี่ฉิงเฟิง พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะกลับมาแก้แค้นพวกเจ้าแน่ !”
ในขณะที่เผชิญหน้ากับกลุ่มของหลี่ฉิงเฟิงมังกรน้ำแข็งก็คำรามอย่างขุ่นเคือง จากนั้นมันก็พ่นแก่นโลหิตออกมาซึ่งกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่กระตุ้นร่างกายของมัน ภายในพริบตาร่างของมันก็อันตรธานหายไปในอุโมงค์อวกาศ
ต้องทราบว่าสัตว์อสูรทั่วๆไปนั้นจะไม่สามารถเข้าไปในอุโมงค์อวกาศได้เนื่องจากอุโมงค์เหล่านี้สามารถยับยั้งพลังของผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรในระดับเซียนขึ้นไปสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ผลีผลามเข้าไปในนั้นจะถูกโจมตีด้วยเศษเสี้ยวพลังแห่งมิติ
อย่างไรก็ตามเพื่อความอยู่รอดของมัน มังกรน้ำแข็งก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผาผลาญแก่นโลหิตและวิญญาณของมันเพื่อหนีเข้าไปในนั้น
หลี่ฉิงเฟิงจ้องมองเงาร่างใหญ่โตของมังกรน้ำแข็งในขณะที่มันล่าถอยกลับเข้าไปในอุโมงค์อวกาศเขายังสามารถเห็นร่างกายที่อ่อนแอของมันค่อยๆจางหายไปทีละน้อย
ทันทีที่เข้าไปมันก็รู้สึกได้ถึงการโจมตีของเศษเสี้ยวพลังมิติขุมพลังงานอันยิ่งใหญ่เกิดการปะทุปั่นป่วนขึ้นทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อกายมังกรของมัน โลหิตของมันไหลชุ่มโชกอย่างเนืองแน่น เกล็ดมังกรที่แข็งแกร่งเริ่มหลุดลอกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้อุโมงค์อวกาศยังจำกัดอำนาจของมังกรมันจึงไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการโจมตีได้
หลี่ฉิงเฟิงยังมองเห็นอีกว่าพื้นที่ว่างเปล่าภายในอุโมงค์อวกาศยังตัดหางของมังกรน้ำแข็งอีกด้วย
มังกรน้ำแข็งได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่เพียงแค่หางซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกายมันได้ถูกตัดไป อีกทั้งพลังก็ยังลดลงอย่างมากจนอ่อนแออย่างยิ่ง หากหลี่ฉิงเฟิงอยู่ใกล้ๆมันก็จะสามารถปลิดชีวิตมันได้อย่างง่ายดายในทันที อย่างน้อยก็นับว่ามันยังโชคดีมากที่รอดชีวิตมาได้
แต่หากมันไม่เลือกที่จะเข้าไปในอุโมงค์อวกาศมันก็ถูกกลุ่มของเขาและเต่าดำรุมสับทึ้งอยู่ดี
จากนั้นอุโมงค์อวกาศก็ค่อยๆเริ่มปิดตัวลงและในที่สุดก็หายไปในอากาศที่เบาบาง
ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเต่าดำและถามว่า“จบเรื่องแล้ว เราจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร “
เต่าดำยิ้มอย่างแผ่วเบากล่าวว่า“เจ้ามาถึงก้นมหาสมุทรจากเกาะน้ำแข็ง เช่นนั้นข้าก็จะยกทั้งเกาะขึ้นสู่ผิวน้ำ จากนั้นพวกเจ้าก็จะสามารถออกไปได้”
“แบบนี้นี่เองขอบคุณมาก”
หลี่ฉิงเฟิงกล่าวขอบคุณเต่าดำด้วยความซาบซึ้ง
เขารู้ว่ามีเพียงพลังอำนาจในขอบเขตเซียนเท่านั้นที่สามารถยกทั้งเกาะขึ้นสู่ผิวน้ำได้และเต่าดำก็เป็นคนเดียวในกลุ่มของพวกเขาที่สามารถทำได้
ในที่สุดหลี่ฉิงเฟิงเจียงซีเย่ว ปิงหยาเฟยลูกหมาสี งูกลืนฟ้าและผู้ฝึกตนคนอื่นๆที่รอดชีวิตก็ขึ้นไปบนเกาะ
ครืน………..!
เมื่อคลื่นเสียงดังอึกทึกดังขึ้นจากก้นมหาสมุทรและด้วยพลังของเต่าดำ เกาะน้ำแข็งสีขาวก็เริ่มลอยขึ้นสู่พื้นผิวมหาสมุทรอีกครั้ง
วูบ!
เต่าดำยังปลดปล่อยม่านพลังสีดำอันแข็งแกร่งครอบคลุมทั้งเกาะเพื่อไม่ให้น้ำทะเลซึมทะลักผ่านเข้ามา
ใต้ฐานของเกาะน้ำแข็งที่พวกหลี่ฉิงเฟิงยืนอยู่เต่าดำยื่นอุ้งมือของมันออกไปและเคาะก้นเกาะ ส่งมันลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
น้ำทะเลถูกปิดกั้นด้วยม่านพลังของมันจนไม่สามารถเล็ดรอดเข้ามาได้แม้แต่หยดเดียว
หลี่ฉิงเฟิงและพรรคพวกจ้องมองที่ทะเลด้านนอกม่านพลังด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียว
ครั้งที่แล้วพวกเขาดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรตอนนี้พวกเขากลับขึ้นสู่พื้นผิวอีกครั้ง กระบวนการนี้ดูเหมือนคล้ายคลึงกันแต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“หลินเสวี่ย…..รอผมก่อนนะ ผมกลับมาแล้ว…”
หลี่ฉิงเฟิงพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าอ่อนโยนลงทันทีที่คิดถึงหลินเสวี่ย