My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 551
“ไม่น่าเชื่อ… เขาสามารถทำเพกาซัสสีขาว 2 ตัวได้อย่างไร ?”
“นั่นสิ สิ่งนี้สามารถเอาชนะมาร์ตินี่ที่เจียงเถาทำได้อย่างหมดจด เจียงเถาแพ้แล้ว”
“ผู้ชายคนนี้น่าเหลือเชื่อนัก.. ข้าไม่เคยเห็นบาร์เทนเดอร์ที่เก่งขนาดเขามาก่อนเลย”
ฝูงชนถูกฝังจมอยู่กับการสนทนาเกี่ยวกับฉิงเฟิง พวกเขาเริ่มชื่นชมฉิงเฟิงและมองเขาราวกับเป็นพระเจ้า
ในทางกลับกันฉีหลางและเจียงเถาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงฝูงชน พวกเขาโกรธมากที่แผนการของพวกเขาถูกทำลายโดยฉิงเฟิง
“ฉีหลาง คุกเข่าขอโทษฉันพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของนายเดี๋ยวนี้” กล่าวอย่างสงบในขณะที่เอามือไขว้หลัง
ฉีหลางสบถออกมาทันที เขากล่าวว่า “ถุย ! แกต้องการให้ข้าคุกเข่าขอโทษงั้นหรือ ? ฝันไปเถอะว่ะ ! แกใหญ่มาจากไหนกันวะ !?”
“ไอ้หนุ่ม ทำไมแกไม่ลองออกไปถามชาวบ้านดูว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นคนที่มีอิทธิพลและอำนาจมากที่สุดในบริเวณนี้ แกอยากโดนเล่นนักรึไงวะ ?” ฉีหลางแสยะยิ้มขณะที่พูดข่มขู่ฉิงเฟิงอย่างเย็นชา
“งั้นก็หมายความว่านายจะกลับคำพูดใช่ไหม ? ขยะเอ้ย” ฉิงเฟิงสบถออกมาด้วยความดูหมิ่น
“พี่น้องทั้งหลายมานี่ ! ไปหักขาไอ้หมอนี่และพาตัวหลิงเมิ่งกับซูหลิวลี่กลับไปที่บาร์ของเรา” ฉีหลางโบกมือและสั่งให้ลูกน้องของเขาไปทุบตีฉิงเฟิง
แต่ในขณะนี้ มีใครบางคนคำรามเสียงดังออกมาท่ามกลางฝูงชน “ฉีหลาง หยุด!”
คิงคองพุ่งมาข้างหน้าอย่างแข็งแรง
ฉีหลางรู้ว่าคิงคองเป็นหัวหน้ากองกำลังใต้ดินในเมืองทะเลตะวันออก เขาสามารถบดขยี้ฉีหลางได้อย่างง่ายดายเพียงนิ้วเดียว
“ลูกพี่คิงคอง ลมอะไรหอบพี่มาถึงที่นี่ได้ละครับ ?” ฉีหลางโค้งคำนับในขณะที่เขากล่าวกับคิงคองอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้มปลอมๆ
เปรี้ยง !
โดยไม่พูดจา คิงคองตบฉีหลางอย่างรุนแรงในขณะที่ฉีหลางกำลังพยายามเอาใจคิงคอง ฉีหลางกลิ้งไปสามตลบหลังจากโดนลูกตบของคิงคอง
“ลูกพี่คอง พี่ตบผมทำไมครับ ? นี่ผมเองนะฉีหลางไง” ฉีหลางดูสับสนในขณะที่เอามือกุมหน้าของเขา
“ไอ้แม่เย* เอ้ยแกกล้าดียังไงวะถึงจะทุบตีท่านปู่หลี่ ? แกเบื่อชีวิตมากนักเหรอ ?”
คิงคองสบถออกมาด้วยความโมโหขณะที่เตะฉีหลางจนกลิ้งไปกับพื้น
ถึงแม้ว่าฉีหลางจะรู้สึกเจ็บปวด แต่คำพูดที่เขาได้ยินจากคิงคองก็ทำให้เขาช็อค
อะไรนะ ? ท่านปู่หลี่ ?
ฉีหลางและเจียงเถาหันไปมองหน้ากันและเห็นความกลัวในแววตาของกันและกัน แน่นอน, พวกเขารู้ว่าท่านปู่หลี่เป็นใคร เขาเป็นดั่งพระเจ้าของเมืองทะเลตะวันออก สิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทานอยู่ยงคงกระพัน ใครก็ตามที่มีปัญหากับเขาจะจบลงด้วยความตาย
ปัง !
ปัง !
ฉีหลางและเจียงเถาคุกเข่าลงบนพื้นและร้องขอความเมตตาขณะที่ตัวสั่นเทิ้มเป็นอย่างมาก “ท่านปู่หลี่ ได้โปรดยกโทษให้กับมดปลวกอย่างพวกเราด้วยเถอะครับ อย่าฆ่าพวกเราเลย”
ขณะที่เห็นฉีหลางคุกเข่าขอขมา ลูกสมุนของเขาหลายสิบคนที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังและคุกเข่าให้ฉิงเฟิงเช่นกัน หวังว่าฉิงเฟิงจะให้อภัยพวกเขา
หลิงเมิ่งและซูหลิวลี่ต่างก็ใบหน้าแข็งค้างเช่นเดียวกับฝูงชนโดยรอบ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? อะไรที่ทำให้ฉีหลางเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ ? จากนักเลงโตวางก้ามผู้ชั่วร้ายกลายเป็นลูกหมาเชื่องๆ ? พวกเขารู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบกำลังพลิกตลบ
“ตบหน้าตัวเอง 100 ครั้งก่อน จากนั้นไปขอโทษหลิงเมิ่งและไสหัวไปจากที่นี่”
ฉิงเฟิงสั่งฉีหลางและคนอื่น ๆ ทั้งหมด
เพี๊ยะๆๆๆๆ …
ฉีหลาง, เจียงเถาและลูกสมุนทั้งหมดต่างตบหน้าตัวเองไม่หยุด ทุกคนในบาร์สามารถได้ยินเสียงตบของพวกเขาในขณะนี้ ซึ่งมันเป็นฉากที่ค่อนข้างตลก
หลังจากนั้นฉีหลางก็รีบเผ่นออกจากบาร์ทันทีพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของเขาและเหล่าลูกสมุนขณะที่กุมแก้มที่บวมเป่ง
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉันและกับหลิงเมิ่งไว้” ซูหลิวลี่เดินไปหาฉิงเฟิงและกล่าวขอบคุณเขา
เธอรู้ว่าบาร์ของเธอจะต้องพังเละเทะ ส่วนเธอและหลิงเมิ่งจะต้องถูกฉีหลางและพรรคพวกฉุดไปแน่นอน ถ้าหากผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก หลิงเมิ่งเป็นเหมือนลูกศิษย์ของผม เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอก็ย่อมเกี่ยวข้องกับผมด้วยเช่นกัน โปรดดูแลเธอให้ดี” ฉิงเฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจะเพิ่มเงินเดือนของเธอเป็น 10,000 หยวนต่อเดือนนับจากนี้” ซูหลิวลี่กล่าว
ว้าว 10,000 หยวน ?
พนักงานทุกคนในบาร์ต่างก็มีสีหน้าอิจฉาเพราะพวกเขาได้รับเพียงประมาณ 4000-5000 หยวนต่อเดือน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอิจฉาหลิงเมิ่งที่บอสของพวกเขายอมขึ้นเงินเดือนให้หลิงเมิ่งเป็นสองเท่าเพื่อเอาใจฉิงเฟิง
หลิงเมิ่งหน้าแดงเมื่อเธอได้ยินว่าค่าจ้างของเธอเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เธอกล่าวอย่างอับอายว่า “บอสคะ ฉันไม่ได้ทำงานหนักมากนัก ไม่จำเป็นต้องขึ้นเงินเดือนให้ฉันหรอกค่ะ”
ซูหลิวลี่ส่ายหัวและกล่าว “หลิงเมิ่ง อาจารย์ของเธอช่วยชั้นและบาร์แห่งนี้เอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่เธอสมควรได้รับนะ”
ในความเป็นจริง ซูหลิวลี่รู้สึกอิจฉาหลิงเมิ่งเล็กน้อย ชายหนุ่มที่ชื่อหลี่ฉิงเฟิงคนนี้ย่อมเป็นตัวตนที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาอย่างมากแน่นอน ที่สามารถทำให้ฉีหลางนักเลงโตละแวกนี้ยอมคุกเข่าขมาและร้องขอชีวิตได้ เบื้องหลังของเขาต้องน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
การที่ซูหลิวลี่เพิ่มเงินเดือนให้หลิงเมิ่งก็ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกเธอรู้สึกขอบคุณฉิงเฟิงและต้องการตอบแทนเขาทางอ้อมสำหรับความช่วยเหลือของเขาในวันนี้
ประการที่สอง เธอพยายามเอาใจฉิงเฟิงและดึงตัวหลิงเมิ่งไว้อยู่ข้างๆเธอ เนื่องจากการที่มีหลิงเมิ่งผู้เป็นลูกศิษย์ของตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นฉิงเฟิงอยู่ในบาร์ของเธอจะทำให้นักเลงคนอื่นๆไม่กล้ามาหาเรื่อง
แน่นอน ฉิงเฟิงรู้ว่าซูหลิวลี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
“คิงคอง ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ ?” ฉิงเฟิงถาม
“ท่านปู่หลี่ครับ ผมรีบมาที่นี่เพื่อมารายงานคุณว่าเสือดำได้รับบาดเจ็บ ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” คิงคองกระซิบอย่างกระวนกระวาย เพราะเสือดำเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของสมาคมฉิงเฟิง
อะไรนะ ? เสือดำได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ ?
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วแน่น เป็นที่ทราบกันดีว่าเสือดำเป็นนักสู้ระดับ S ผู้เก่งกาจและไม่น่าจะมีใครสามารถทำร้ายเขาได้ในเมืองทะเลตะวันออกนอกจากฉิงเฟิง แล้วเขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?
“คิงคอง นายเล่ามาสิว่าเสือดำได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ?”
“ท่านปู่หลี่ เสือดำถูกโจมตีโดยคนผู้หนึ่งที่เข้าร่วมในฮีโร่ลิสครับ”
(Heroes List รายชื่อวีรบุรุษ)
“ฮีโร่ลิส ? มันคืออะไร?” ฉิงเฟิงถาม เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
คิงคองอธิบายให้เขาฟังว่า “ท่านปู่หลี่ ฮีโร่ลิสคือรายการจัดอันดับยอดฝีมือทั้งหมดในประเทศจีน เหล่าผู้ที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อนั้นก็คือผู้ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้และเอาชนะคนอื่นในการต่อสู้”
ฉิงเฟิงพยักหน้าอย่างเข้าใจจุดหลักของรายการนี้ ในทางเทคนิคแล้วกล่าวได้ว่ามันคือรายการจัดอันดับศิลปะการต่อสู้และนักสู้ในหัวเซี่ย ยิ่งน่าเกรงขามมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งติดอันดับสูงขึ้นและทำให้พวกเขามีชื่อเสียงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงยังรู้สึกช็อคกับข้อเท็จจริงที่ว่านักสู้ที่เข้าร่วมการจัดอันดับเหล่านั้นสามารถทำร้ายเสือดำจนบาดเจ็บได้ เหล่านักสู้ในลิสนี้มีฝีมืออย่างแท้จริง
“คิงคอง ไปกันเถอะ! พาฉันไปหาเสือดำหน่อย” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและมุ่งหน้าไปยังสมาคมฉิงเฟิงพร้อมกับคิงคอง
ก่อนออกไปฉิงเฟิงได้บอกให้หลิวเจียวเจียวกลับบ้านเองและระวังตัวด้วย หลิวเจียเจียวแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกและต้องขับรถกลับบ้านเพียงลำพัง เพราะเธอเข้าใจว่าพี่เขยของเธอรีบออกไปเพราะมีเหตุผลสำคัญ