My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 626
ตอนที่ 626 สาวกแห่งนิกายหมัดเหล็ก
แปล Tarhai
ครั้ง
ในขณะนั้นโทรศัพท์ของโจวอี้เจียนก็ดังขึ้น เขามองไปที่หมายเลขผู้โทรและไม่อาจที่จะเก็บซ่อนสีหน้าแห่งความสุขไว้ได้ เนื่องจากสายนี้มาจากลูกชายคนโตโจวอี้นั่นเอง
“ลูกอี้ ตอนนี้อยู่ที่โรงแรมจางหรือเปล่า ?” โจวอี้เจียนกดปุ่มรับสายทันทีและกล่าว
วันนี้เป็นวันนัดบอดของลูกชายคนรอง, โจวชาง โจวอี้เจียนจึงเรียกลูกชายคนโตของเขาโจวอี้ให้มาด้วย ทําให้เขาต้องกลับมาจากนิกาย
“ พ่อ ผมใกล้ถึงโรงแรมจางแล้ว พวกพ่ออยู่ห้องไหนกัน ?” เสียงของโจวอี้ดังออกมาจากอีกด้านของโทรศัพท์
“พวกเราอยู่ที่ห้องวีไอพี 1 ลูกมาเดี๋ยวนี้เลย พ่อกับน้องของลูกถูกทําร้าย ลูกต้องมาแก้แค้นให้พวกเรา !” โจวอี้เจียนจ้องไปที่ฉิงเฟิงอย่างเคียดแค้นพร้อมกับพูดในโทรศัพท์
หลังจากได้ยินที่พ่อของตัวเองกล่าว สีหน้าของโจวอี้ก็ก็แปรเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน เขาเป็นสาวกของนิกายแห่งผู้ฝึกยุทธ์ซึ่งเป็นตัวตนที่สูงล้ํา ไอ้บัดซบตัวไหนมันกล้าทําร้ายพ่อกับน้องของเขา ?
โจวอี้มาถึงหน้าโรงแรมจางอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายที่ปราดเปรียว เขาวิ่งไปที่ห้องวีไอพี 1อย่างรวดเร็วและทิ้งภาพติดตาไว้บนอากาศ สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนรอบตัวเขา
“หลี่ฉิงเฟิง ลูกชายของฉันกําลังจะมาถึงแล้ว แกต้องโดนลูกชายคนโตฉันสั่งสอนแน่ !” โจวอี้เจียนที่นอนขาหักอยู่แสยะยิ้มและกล่าวอย่างดุร้าย
“งั้นเชียว ? งั้นก็ให้เขามาได้เลย ฉันก็อยากรู้ว่าลูกชายคนโตของคุณจะเจ๋งแค่ไหน”
ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับเอามือไขว้หลังด้วยความเย่อหยิ่ง
สมัยเขาเป็นวฟคิงก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ ตอนนี้เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว แน่นอนว่าเขาต้องไม่ยอมแพ้ใครอย่างแน่นอน
ปัง !
ประตูห้องวีไอพีถูกเตะเปิดโดยชายร่างใหญ่คนหนึ่ง เขามีคิ้วดกหนาตาโตและมีรูปร่างที่ดูหนักแน่น
คนผู้นี้ทรงพลังมากด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง เขาสวมเสื้อกล้ามเพียงตัวเดียวแม้จะอยู่ในฤดูหนาวเช่นนี้ ผิวของเขาเป็นสีแทนและให้ความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
” พ่อเกิดอะไรขึ้นกับขา ?” ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามานี้เห็นขาของพ่อตัวเองที่หักและนอนอยู่บนพื้นจึงถามขึ้น
“ลูกอี้ มันเป็นเพราะชายคนนี้, หลี่ฉิงเฟิง มันทําลายหมัดของน้องชายลูกแถมยังหักขาของพ่ออีกลูกต้องแก้แค้นให้พวกเรา !” โจวอี้เจียนชี้ไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
อะไรนี่ ใส่ความกันซึ่งหน้ายังงี้เลยหรือ ?
ฉิงเฟิงอึ้งอย่างโง่งมอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าโจวอี้เจียนจะไร้ยางอายขนาดนี้ ทั้งๆที่ความจริงคือโจวชางและโจวอี้เจียนเป็นฝ่ายลงมือก่อนและทําตัวเองเจ็บแท้ๆ เขาไม่ได้ทําอะไรเลยแม้แต่น้อย
ฉิงเฟิงโกรธมากที่โดนใส่ร้ายเช่นนี้ ถ้าเขารู้ว่าคนพวกนี้สันดานเสียแบบนี้เขาคงจะลง มือสั่งสอนไปแล้ว
“หลี่ฉิงเฟิง แกกล้าดียังไงมาทําร้ายพ่อกับน้องชายของข้า คุกเข่าขอขมาและหักมือตัวเองเดี๋ยวนี้ !” โจวอี้เย้ยหยันและมองฉิงเฟิงด้วยความเหยียดหยาม
จะให้คนอย่างฉันคุกเข่าขอโทษ ?
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและหัวเราะออกมา ครอบครัวนี้ไร้ยางอายอย่างแท้จริง คนพ่อกับคนน้องลงมีอกับเขาจนเจ็บตัวเองแท้ๆ มาตอนนี้ลูกชายคนโตก็พล่ามออกมาโดยไม่ได้รู้เหนือรู้ใต้และขอให้เขาคุกเข่าขอขมาเขาคิดว่าเขาเป็นใคร ?
“นายบอกให้ฉันคุกเข่าขอโทษงั้นหรือ ? นายใหญ่มาจากไหนกัน ? ฉันว่านายต่างหากที่ต้องเป็นคนคุกเข่าขอขมาฉัน” ฉิงเฟิงกล่าวอย่างอุกอาจ
” หลี่ฉิงเฟิง แกรู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร !? แกกล้าพูดจาปากดีแบบนี้ แกเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม ?”
” แล้วนายเป็นใครละ ? บอกที่ฉันอยากรู้”
“ข้าคือโจวอี้ สาวกแห่งนิกายหมัดเหล็กของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ กลัวหรือยัง ? ถ้ากลัวตายก็คุกเข่าขอขมาซะ !” โจวอี้กล่าวอย่างหยิ่งผยอง
นิกายหมัดเหล็กเป็นหนึ่งในนิกายแห่งผู้ฝึกยุทธ์และเป็นแหล่งรวมผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดหูเจียง สองในสามกองกําลังใต้ดินที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นของนิกายหมัดเห เล็ก
พูดถึงสถาบันศิลปะการต่อสู้ตงไห่ ที่แห่งนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่นิกายหมัดเหล็กคัดเลือกเหล่าสาวกรุ่นใหม่อีกด้วย หากมีนักเรียนคนใดในสถาบันตงไห่ที่มีความสามารถโดดเด่น นิกายหมัดเหล็กก็จะมารับตัวเข้านิกายเพื่อฝึกฝนให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่อไป
เหล่าฝึกยุทธ์โบราณนั้นมีกฎเกณฑ์ บุคลที่ทะลวงมาถึงขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณได้แล้วจะไม่สามารถแทรกแซงวิถีชีวิตของคนธรรมดาได้ ยกเว้นว่ามีคนมาทําร้ายคนในครอบครัวหรือมุ่งร้ายผู้ ฝึกยุทธ์ก็จะมีสิทธิ์ใช้พลังเพื่อออกหน้าปกป้องครอบครัวหรือแก้แค้นได้เช่นเดียวกับโจวอี้ในตอนนี้ที่ใช้ข้อนี้มาอ้างในการแสดงตัวของเขา
นิกายหมัดเหล็ก ?
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉิงเฟิงได้ยินเกี่ยวกับนิกายของผู้ฝึกยุทธ์ เขาไม่ค่อยรู้อะไรมากเกี่ยวกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่านิกายหมัดเหล็กนั้นอยู่ในระดับไหนของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ แต่ฉิงเฟิงก็ไม่หวาดหวั่นและจะไม่มีวันยอมถูกข่มขู่
“นายก็เป็นแค่ศิษย์ของนิกาย ต่อให้จ้าวนิกายมาเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติในการบอกให้ฉันคุกเข่าขอขมา” ฉิงเฟิงแสยะยิ้มไปที่โจวอื้อย่างดูหมิ่น
บนโลกนี้ยกเว้นพ่อกับแม่ของเขา ไม่มีใครมีคุณสมบัติพอที่จะบอกให้หลี่ฉิงเฟิงผู้นี้ต้องคุกเข่า
คําพูดของโจวอี้ทําให้ฉิงเฟิงหงุดหงิดมาก เป็นสาวกแห่งนิกายของผู้ฝึกยุทธ์แล้วยังไง ? ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามถ้ามายุ่มย่ามกับเขา เขาไม่ลังเลที่จะตอบโต้อย่างแน่นอน
” หลี่ฉิงเฟิง !! แกมันล้ําเส้นเกินไปแล้ว แกกล้าดูหมิ่นท่านจ้าวนิกายได้อย่างไร !? แกกําลังมองหาที่ตาย ข้าจะลงมือสั่งสอนแกให้แกได้รู้สํานึกว่าผู้ฝึกยุทธ์นั้นทรงพลังมากแค่ไหน !”
โจวอี้กล่าวอย่างดุร้ายและเดินเข้าหาฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงเพ่งสายตามองไปที่ผิวชั้นนอกของโจวอี้ที่ส่องประกายด้วยสีบรอนซ์ นี่คือลักษณะของผิวที่แข็งแกร่ง โจวอี้ผู้นี้อยู่ในระดับแรกของขั้นใต้สวรรค์
หลังจากคาดคะเนความแข็งแกร่งของโจวอี้ได้แล้ว ฉิงเฟิงก็ไม่ได้มีความวิตกแม้แต่น้อย เพราะคู่ต่อสู้อยู่ในระดับเดียวกับเขา
ถ้าผู้ฝึกยุทธ์มีระดับพลังอยู่ในขั้นเดียว ผลของการต่อสู้จะขึ้นอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ในการต่อสู้ ซึ่งฉิงเฟิงคือวูฟคิงและมีประสบการณ์ในการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาหลายร้อยครั้ง ถ้าให้เปรียบเทียบประสบการณ์กัน เขาก็อยู่ในระดับท็อบ
“หมัดทลายศิลา “
โจวอี้คํารามลั่น เขาเหวี่ยงกําปั้นขวาพร้อมด้วยพลังอันแรงกล้าซึ่งบดทําลายอากาศรอบๆด้วยพลังหมัดถึง2000ปอนด์และทุบเข้าหาฉิงเฟิง
หมัดทลายศิลาสามารถปนหินก้อนใหญ่ให้แหลกเป็นชิ้นๆได้ด้วยพลังหมัดเพียวๆ
ในนิกายหมัดเหล็ก สาวกทุกคนจะต้องฝึกเพลงหมัดโดยการชกไปที่หุ่นฟาง, หิน แผ่นเหล็กและอื่นๆ ซึ่งจะทํากําปั้นของพวกเขาแข็งแกร่งทนทานและไร้เทียมทาน
วูบ !
ร่างกายของฉิงเฟิงขยับราวกับฟ้าผ่าและถอยไปด้านหลัง เขาสามารถหลบหมัดทลายศิลานี้ได้เขาอยากจะดูว่าสาวกในนิกายหมัดเหล็กนี้แกร่งขนาดไหน
โครม !!
กําปั้นของโจวอี้ไม่โดนตัวฉิงเฟิง แต่ทําลายโต๊ะใหญ่แข็งแรงที่อยู่ข้างหลังจนปนี้เป็นชิ้นๆ
รุนแรงอะไรขนาดนี้ !?
ผู้คนรอบข้างต่างก็ตกใจอย่างมากที่ได้เห็นฉากนี้กับตา โต๊ะของห้องวีไอพีนี้ทําจากหินอ่อนซึ่งแข็งแรงมาก ต่อให้ใช้ฆ้อนปอนด์ทุบก็ไม่อาจจะทําลายให้ปนนี้ได้ขนาดนี้ มันทนแรงกระแทกได้ถึง1000 ปอนด์ แต่ตอนนี้มันถูกทําลายเป็นชิ้นๆด้วยหมัดเพียวๆเพียงหมัดของโจวอี้ ทุกคนต่างก็ตกใจมาก
โดยเฉพาะจางเสี่ยวเยวี่ยที่เป็นคนธรรมดายิ่งตกใจกว่าผู้อื่น เธอไม่เคยเห็นพลังอํานาจอะไรเช่นนี้มาก่อน เธอกลัวหวาดกลัวมากจนใบหน้าที่งดงามของเธอซีดเผือดและร่างกายสั่นเทา
“เสี่ยวเยวี่ยน้อย ถอยออกมา ไอ้หมอนี่ถือว่าพอตัวทีเดียว ฉันจะรับมือมันเอง”
ฉิงเฟิงตาเป็นประกายและบอกให้จางเสี่ยวเยวี่ยถอยไปไกลๆเพราะกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ