My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 628 ราชันผู้ได้ทราบข่าวร้าย
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 628 ราชันผู้ได้ทราบข่าวร้าย
“ชายหนุ่มคนนั้นทรงพลังมากเขาล้มโจวอี้ได้ด้วยการชกเพียงหมัดเดียว !”
“ฉันไม่เห็นเลยว่าเขาออกหมัดอย่างไรฉันเห็นแค่ภาพติดตาสีม่วงๆจากนั้นโจวอี้ก็ลอยละลิ่วไปแล้ว !”
“หลี่ฉิงเฟิง…..เดี๋ยวนะ ! ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขาต้องเป็นท่านปู่หลี่แห่งเมืองตงไห่คนนั้นแน่อน ! เขาแข็งแกร่งมาก !”
ฝูงชนเริ่มพูดคุยกันหลังจากเห็นโจวอี้ถูกล้มอย่างง่ายดายมีบางคนที่รู้เรื่องวงการใต้ดินและได้ยินชื่อท่านปู่หลี่มาก่อน
ทุกคนกำลังมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความตกใจพวกเขาไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้เป็นประจักษ์พยานต่อความแข็งแกร่งของท่านปู่หลี่
“
เคล็ดวิชาจากคัมภีร์จักรพรรดิยุทธ์นี่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
มองผิวเผินแล้วฉิงเฟิงไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมาแต่ในใจนั้นเขามีความสุขมาก
เมื่อตอนที่ลู่เต๋าซางมอบคัมภีร์นี้ให้แก่ฉิงเฟิงเขากล่าวว่าวิทยายุทธ์ในคัมภีร์เล่มนี้สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าถ้าหากฉิงเฟิงต้องเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ในระดับขั้นสูงกว่ามากๆเขาก็ต้องพ่ายอย่างแน่นอนแต่เขาก็ยังสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย
หมัดทลายศิลาของนิกายหมัดเหล็กนั้นกล่าวได้ว่าเป็นเป็นวิชาสามัญทั่วไปในหมู่วิทยายุทธต่างๆเมื่อมาเปรียบเทียบกับวิชาจากคัมภีร์จักรพรรดิยุทธ์ของฉิงเฟิงแล้วมันก็เหมือนสวรรค์กับโลก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโจวอี้ถึงพ่ายแพ้ยับเยินด้วยหมัดเดียว
“ฉันจำได้ว่าแกบอกให้ฉันคุกเข่าและขอขมาใช่ไหม” ฉิงเฟิงเดินไปหาโจวอี้และกล่าวอย่างไร้อารมณ์ ถึงแม้ว่าเขาจะพูดชัดถ้อยชัดคำอย่างไร้อารมณ์แต่น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร มันทำให้โจวอี้ขวัญผวา
“หลี่ฉิงเฟิงเรื่องในวันนี้เป็นความผิดของข้าเอง ลืมทุกอย่างและจบๆกันไปดีไหม ”
โจวอี้กล่าวเขาไม่มีทางยอมคุกเข่าอย่างแน่นอน
ฉิงเฟิงกล่าว“ตลกดี คิดจะจบก็จบกันง่ายๆแบบนี้น่ะหรือ พวกนายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทั้งนั้น ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง คุกเข่าและขอขมาซะ ไม่งั้นฉันจะทำลายตันเถียนของนาย”
“หลี่ฉิงเฟิง! ข้าเป็นลูกศิษย์ของนิกายหมัดเหล็ก บีบคั้นกันแบบนี้แกอยากจะเป็นศัตรูกับทั้งนิกายข้าหรือไง !” ใบหน้าของโจวอี้เปลี่ยนไปและเริ่มข่มขู่ฉิงเฟิง
ตันเถียนเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของผู้ฝึกยุทธ์มันส่วนที่เก็บพลังงานทั้งหมดเอาไว้ ถ้าหากมันถูกทำลาย ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจะกลายเป็นคนพิการและไม่อาจฝึกยุทธ์ได้อีกต่อไปมันเปรียบเทียบได้กับการทำลายแขนขาของคนปกติ คนๆนั้นจะเหมือนตายทั้งเป็น
“อย่าเอานิกายหมัดเหล็กมาข่มขู่ฉันถ้าแกไม่ยอมขอโทษ ฉันจะลงมือเดี๋ยวนี้”
ฉิงเฟิงกล่าวเขาไม่สนใจนิกายหมัดเหล็ก
โจวอี้ตกตะลึงเขาไม่คิดว่าฉิงเฟิงจะไม่แยแสต่ออำนาจของนิกายหมัดเหล็กแม้แต่น้อย
โจวอี้รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งเขาพยายามจะออกหน้าช่วยพ่อกับน้องชาย แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเป็นฝ่ายโดนอัดแทน
เมื่อเวลาผ่านไปโจวอี้ก็ยังไม่คุกเข่าฉิงเฟิงจึงยกมือขวาขึ้นและกล่าวว่า “ในเมื่อแกไม่ยอมคุกเข่า ฉันจะทำลายตันเถียนแกซะ”
“ไม่ๆๆ! ได้โปรดอย่า … ฉันจะคุกเข่า … ” โจวอี้กล่าวอย่างหวาดกลัว
ถึงแม้ว่าเขาจะสูญเสียชื่อเสียงจากการยอมคุกเข่าให้ผู้อื่นแต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่อไป นอกจากคนที่มุงดูเหล่านี้ก็ไม่มีใครรู้เรื่องในวันนี้อีก เมื่อเขาออกไปจากที่นี่เขาก็ยังคงเป็นที่ยอมรับ
โจวอี้ก็ไม่ใช่คนโง่หลังจากเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียแล้ว เขาคิดว่าการยอมเสียชื่อเสียงดีกว่าตายทั้งเป็นจากการถูกทำลายตันเถียน
จากนั้นโจวอี้ก็คุกเข่าลงและขอขมาสร้างความตกใจให้กับทุกคนทั่วบริเวณ
“พี่ใหญ่คุกเข่า” ใบหน้าของโจวชางจืดชืด ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ในความคิดของโจวชางพี่ใหญ่ของเขาเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ เขาเป็นลูกศิษย์ของนิกายหมัดเหล็กซึ่งเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ พี่ของเขาคือแบบอย่างเสมอมา
แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของพี่ชายถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงเฟิง หลังจากที่ฉิงเฟิงเห็นโจวอี้มีเลือดไหลออกจากศีรษะจากการโขกศีรษะขอขมาฉิงเฟิงก็ปล่อยวางเรื่องนี้ เขาเดินออกจากห้องและมองไปที่โจวอี้เจียนกับโจวชาง ซึ่งการจ้องมองนี้ทำให้พวกเขาต้องคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว
ฉิงเฟิงกล่าวว่า“เทียนชี่โทษทีนะที่ทำให้ห้องพังเละเทะหมดแล้ว ให้โจวอี้เจียนจ่ายค่าซ่อมให้ก็แล้วกัน เขาเป็นถึงอาจารย์ใหญ่ของสถาบันศิลปะการต่อสู้คงจะมีเงินไม่น้อย”
ฉิงเฟิงมองไปที่โจวอี้เจียนและถามว่า“ขัดข้องอะไรไหม ”
“ไม่! ไม่มีปัญหา ผมจะจ่ายค่าซ่อมให้เอง” ใบหน้าของโจวอี้เจียนซีดเผือดและพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
“เสี่ยวเยวี่ยน้อยกลับกันเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว” ฉิงเฟิงยิ้มและเดินออกจากห้องพร้อมกับจางเสี่ยวเยวี่ย
ส่วนโจวอี้ถึงแม้ว่าเขากำลังคุกเข่าโขกศีรษะแต่ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด วันนี้เป็นวันที่น่าอับอายมากที่สุดในชีวิตของเขาและเขาจะไม่มีวันลืม เขาจะต้องนำคนจากนิกายหมัดเหล็กมาแก้แค้นให้จงได้
…
ในเวลาเดียวกันที่ป่าฝนแห่งหนึ่งในทวีปหมาป่า(แอฟริกา)
มีบึงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยจระเข้มีจระเข้หลายสิบตัวคลานออกมาจากในบึง และอากาศโดยรอบก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าหวาดผวา
จระเข้เหล่านี้มีพละกำลังมหาศาลพวกมันพุ่งเข้าหาชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ริมบึง พวกมันต้องการที่จะเขมือบเขา
ชายผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่กำยำและมีผิวขาวซึ่งตัดกับสีเขียวของบึงอย่างรุนแรง เขามีดวงตาสีฟ้าและมีผมสีบลอนด์
จระเข้อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรแต่ชายผู้นั้นก็ยังไม่ขยับไปไหน ดวงตาของเขาปิดสนิทเหมือนกำลังหลับอยู่
จระเข้พุ่งมาถึงด้านหน้าของเขาและกางปากที่ใหญ่โตของมันพร้อมจะที่กัดกระชากและงับหัวของชายผู้นี้ในทันที
ทันใดนั้นเองชายผู้นี้ก็เปิดเปลือกตาขึ้นและยื่นนิ้วชี้ออกไปแตะเบาๆที่หัวของจระเข้ ภายในอึดใจเดียว หัวของจระเข้ตัวนั้นก็โป่งพองขึ้นเหมือนลูกบอลลูนและระเบิดออก มันไม่ได้มีโอกาสแม้แต่น้อยที่จะร่ำร้องก่อนที่จะตาย
ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนถึงจะสามารถฆ่าจระเข้ตัวใหญ่ได้ด้วยนิ้วชี้เพียงนิ้วเดียว!
จากนั้นชายคนนั้นก็ฆ่าจระเข้ที่เหลือทุกตัวด้วยนิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวพวกมันทุกตัวที่มาดร้ายต่อเขาต่างก็ตายเรียบ
อากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเลือดและน่ากลัวมาก
“ท่านกาโตร์คิง(หวังเอ้ออวี๋) ข้าน้อยมีข่าวร้ายมารายงาน ราชันเหยี่ยว(หวังอิง)ถูกหลี่ฉิงเฟิงสังหารไปแล้วขอรับ” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
*หวัง= คิง, king, ราชัน
เอ้ออวี๋= จระเข้, gator
อิง= เหยี่ยว, eagle
หลาง= วูฟ, wolf *
��