My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 633 ไม่ต้องเถียงกัน เข้ามาพร้อมกันทั้งหมดเลย !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 633 ไม่ต้องเถียงกัน เข้ามาพร้อมกันทั้งหมดเลย !
“ฉันเรียกแชมเปี้ยนทั้งสี่ของฮีโร่ลิสต์นั้นว่าพวกไก่ป่วยคุณไม่เห็นด้วยงั้นหรือ”
ฉิงเฟิงจ้องไปที่ชายวัยกลางคนอย่างหนาวเย็นออร่าที่แข็งแกร่งจากร่างกายของเขาปลดปล่อยออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น
ชายกลางคนคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้นเมื่อเห็นดังนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดและตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อรู้สึกได้ถึงออร่ารุนแรงที่ฉิงเฟิงมี เขาก้มหน้าลงและสงบปาก
“คิงคองเสือดำ เข้าไปข้างในกัน” ฉิงเฟิงไม่สนใจชายวัยกลางคนอีกต่อไปและเดินเข้าสู่อารีน่าทันที
“สวัสดีขอรับท่านปู่หลี่!” ยามเฝ้าทางเข้าทั้งสองคนจำฉิงเฟิงได้ในฐานะผู้พิชิตนักสู้ทั่วทั้งเมืองตงไห่ได้ พวกเขาทักทายด้วยความเคารพ ฉิงเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและเดินเข้าไป
อารีน่าที่ใหญ่โตเต็มไปด้วยเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของฝูงชนบ้างก็เป็นพลเมืองของเมืองตงไห่ บ้างก็มาจากเมืองอื่นๆรวมถึงเมืองใหญ่ๆเช่น เมืองเทียนจิง, เมืองปักกิ่ง
“เฮ้ๆนายคิดว่าใครจะชนะวะ ”
“ไม่ต้องพูดเลยผู้ชนะต้องเป็นกวนหยางจากอารีน่าเทียนจิงอย่างแน่นอน เขาผู้นั้นไร้พ่าย !”
“แต่ข้าไม่คิดงั้นว่ะเย่จุ่ยหมิงจากอารีน่าปักกิ่งน่าจะเป็นผู้ชนะมากกว่า วิชามวยหย่งชุนของเขาไปถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญแล้ว !”
“อย่าลืมอู่เฟิ่งหวงจากเมืองซีไห่เคล็ดวิชาของเธอคู่กับกระบี่ง๊อไบ๊นั้นยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่ๆนอกจากนี้ยังมีหวู่กุ้ยอิงอีกคน เธอเอาชนะนักสู้ทุกคนด้วยมวยแปดทิศ”
ผู้ชมในอารีน่าต่างก็พูดคุยกับเหล่าแชมเปี้ยนอย่างมีชีวิตชีวา หวู่กุ้ยอิงเป็นแชมป์ของอารีน่าตงไห่มาก่อนและเคยสู้เสมอกับเฮลคิง(ผี 5) จากนั้นเธอก็ไปที่เมืองซีไห่เพื่อท้าทายอู่เฟิ่งหวง ถ้าหากเธอยังอยู่ในเมืองตงไห่ เธอคงได้สู้กับฉิงเฟิงไปแล้ว
ทั้งสี่คนนั่งอยู่คนละมุมของเวทีบางคนก็เคยสู้กันลับๆมาแล้ว เช่นหวู่กุ้ยอิงเคยสู้กับอู่เฟิ่งหวง และเสมอกัน
ที่จริงแล้วแชมเปี้ยนทั้งสี่คนมีความแข็งแกร่งเท่ากัน
เมื่อมีข่าวลือออกมาอ้างว่าหลี่ฉิงเฟิงเป็นแชมป์ที่แท้จริงของฮีโร่ลิสต์พวกเขาต่างก็กระสันที่จะท้าทายฉิงเฟิงเพื่อพิสูจน์ตัวเองอย่างแน่นอน
ฉิงเฟิงได้ยินจากที่ฝูงชนพูดคุยกันจนจำชื่อของแชมป์ทั้ง4 ได้แล้ว
ฮีโร่ลิสต์เป็นเกียรติยศในหมู่นักสู้ปุถุชนสำหรับคำท้าทายที่ส่งถึงเขาจากแชมเปี้ยนทั้ง 4 นั้นเขาไม่ได้จริงจังแม้แต่น้อย เนื่องจากเหตุผลที่ว่าเขาได้เข้าสู่โลกของผู้ฝึกยุทธ์โบราณซึ่งมันอยู่ไกลเกินขอบเขตความเข้าใจของคนธรรมดาไปแล้ว
“เฮ้ยนั่น! สกายวูฟ สกายวูฟมาแล้ว !!” ผู้ชมบางคนที่รู้จักฉิงเฟิงร้องตะโกนขึ้น
เขาตั้งชื่อตนเองว่าสกายวูฟ(เทียนหลาง) ในอารีน่าตงไห่ ซึ่งหมายถึงหมาป่าจากท้องนภา มันเป็นชื่อที่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับอีกฉายาหนึ่งของเขา วูฟคิง (หวังหลาง)
เมื่อเห็นการมาถึงของฉิงเฟิงทั้ง 4 ก็จ้องไปที่เขาเป็นจุดเดียว คนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดก็คือสาวงามอายุราวๆ 20 ปีที่มีผิวเข้มอย่างมีเสน่ห์และมีดวงตาที่ส่องประกายราวกับไข่มุก
ฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนี้เขาเคยเห็นวิชาหมัดของเธอมาแล้วหน้าห้างสรรพสินค้า เมื่อตอนที่กลุ่มนักเลงพยายามจะจีบเธอ
ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็จดจำฉิงเฟิงได้เช่นกันเธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าผู้ชายที่เธอเคยพบเมื่อหลายคืนก่อนนั้นจะเป็นสกายวูฟ “คุณคือสกายวูฟ” ผู้หญิงสาวสวยยืนขึ้นด้วยความตั้งใจในการต่อสู้ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
“แล้วเธอคือใคร” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันแห่งการต่อสู้จากอากาศรอบๆ มันเป็นสัญญาณของนักสู้ระดับ SSS ขั้นสูงสุด
เขาต้องใช้เวลาชั่วระยะหนึ่งถึงจะเอาชนะเธอได้ถ้าหากเขายังไม่ได้ทะลวงผ่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ เพียงหนึ่งหมัดก็เหลือเฟือที่จะเอาชนะเธอ
“ชั้นชื่อหวู่กุ้ยอิงชั้นมาที่นี่เพื่อขอท้าคุณ” เธอเดินออกมาข้างหน้าพร้อมสำหรับการต่อสู้
“กุ้ยอิงชั้นก็มาที่นี่เพื่อท้าทายสกายวูฟ ชั้นอยากจะเห็นว่าชายผู้นี้จะแข็งแกร่งสมกับที่ร่ำลือนักหนาหรือเปล่า” เสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น
เจ้าของเสียงเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยเดียวกันกับหวู่กุ้ยอิงเธอมีใบหน้ารูปไข่, คิ้วโก่ง, ริมฝีปากเชอร์รี่สีแดงและมีส่วนโค้งเว้าที่น่าดูชม ด้วยดาบที่อยู่ในมือของเธอ เธอปลดปล่อยปราณดาบที่แข็งแกร่งออกมา
“เดี๋ยวก่อนอู่เฟิ่งหวงชั้นเคยเป็นแชมป์ของอารีน่าตงไห่แห่งนี้มาก่อน ชั้นควรจะได้สู้กับเขาก่อน” หวู่กุ้ยอิงกล่าวกับผู้หญิงอีกคน
ในขณะที่อู่เฟิ่งหวงกำลังจะตอบกลับก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรกว่า“ฉันคือกวนหยางแห่งเทียนจิง โปรดหลีกทางให้ฉันได้ลองประมือกับหลี่ฉิงเฟิงก่อน”
คนที่พูดแทรกเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ20 ปี เขาไม่สามารถเรียกว่าหล่อเหลาได้แม้แต่น้อยเนื่องจากเคราะที่รกรุงรังบนหน้าของเขา เขาดูแก่กว่าอายุ
ที่มือของกวนหยางถือง้าวยาวไว้มันมีลักษณะคล้ายกับง้าวมังกรเขียวของกวนอู และมีน้ำหนักอย่างน้อยก็หลายร้อยปอนด์ แต่กวนหยางดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความหนักแม้แต่น้อย
“นายผิดแล้วกวนหยางต้องให้ฉัน, แชมป์แห่งอารีน่าปักกิ่ง ผู้สืบทอดมวยหยงชุนได้ท้าทายหลี่ฉิงเฟิงก่อนสิ !” มีเสียงก้าวร้าวแทรกดังขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มที่พูดนั้นมีรูปร่างปานกลางใบหน้าที่แข็งกร้าว จมูกงองุ้ม เขาดูหล่อเหลากว่ากวนหยาง ชื่อของเขาคือเย่จุ่ยหมิง
ผู้ชมที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็เต็มไปด้วยความสยดสยองเมื่อแชมป์ทั้ง4 ต่างก็แย่งกันที่จะสู้กับหลี่ฉิงเฟิง เขาช่างโชคร้ายนัก วันนี้เขาต้องน่วมไม่ก็พิการแน่
ได้เห็นเช่นนั้นฉิงเฟิงก็รู้สึกขบขันที่พวกเขาเถียงกันเองเขาสำรวจทุกคนและพบว่าพวกเขาอยู่ในระดับ SSS ขั้นสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือคนนับพันล้าน
ถ้าพวกเขาไปสู้กับนักสู้คนอื่นที่ไม่ใช่ฉิงเฟิงพวกเขาก็จะชนะแน่นอน แต่เมื่อมาท้าทายฉิงเฟิงผลคงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด
“พวกคุณได้ปรึกษาฉันหรือยังว่าตอนที่ตัดสินใจจะท้าทายฉัน ” ฉิงเฟิงเอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ปรึกษาคุณ
แชมป์ทั้ง4 ต่างก็รู้สึกมึนงง พวกเขายังไม่ได้ขอหรือถามฉิงเฟิงก่อนที่จะส่งคำท้าทาย แต่เรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ไม่ใช่หรือ
“เอาละๆเวลาของฉันมีค่ามากและฉันก็ไม่ต้องการเสียเวลาไปกับเรื่องนี้ พวกคุณทุกคนเข้ามาพร้อมกันเลยก็แล้วกัน” ด้วยมือที่ไขว้หลัง ฉิงเฟิงกล่าวอย่างอหังการ
เขาพูดจริงๆที่ให้แชมป์ทั้งสี่เข้ามาพร้อมกันเพราะเขารู้ว่าระดับพลังของเขานั้นก้าวข้ามคนเหล่านี้ไปมากแล้วแต่ในมุมมองของเหล่าแชมป์นั้นมองว่าฉิงเฟิงประชดและดูถูกเหยียดหยามพวกเขา
ในฐานะแชมเปี้ยนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอารีน่าจากทั้งสี่เมืองพวกเขาได้ล้มนักสู้ที่แข็งแกร่งมามากมายนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้กลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งบอกให้พวกเขาทั้ง 4 เข้ามากรุ้มรุมเขา มันช่างเป็นการดูถูกกันยิ่งนัก !
“สกายวูฟ! นายมันหยิ่งยโสเกินไปแล้ว เพียงแค่ฉันคนเดียวก็สามารถจัดการกับนายได้แล้วไม่ต้องใช้ถึง 4 คนหรอก !” กวนหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย
“พวกนายทั้ง4 นั้นอ่อนแอเกินไป ฉันจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อประหยัดเวลาของฉัน พวกนายทั้งหมดเข้ามาพร้อมกันเลยเถอะ”
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแสด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็นบนใบหน้าของเขา