My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 649 สาวงามลึกลับ
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 649 สาวงามลึกลับ
สิ่งที่ฉิงเฟิงกล่าวนั้นเป็นความจริงเขากลัวว่าจะหนักมือไปจนนักเลงเหล่านั้นตายจึงใช้กำลังเพียงแค่ 1 ใน 10 เท่านั้น เขาต้องพยายามควบคุมพลังในร่างกายเป็นอย่างมาก ถ้าเขาออกแรงเต็มที่ก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่านักเลงเหล่านั้นคงได้ไปเยี่ยมบรรพบุรุษอย่างไม่ต้องสงสัย
เจตนาฆ่าของเขาเริ่มมีมากขึ้นและมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปหากถึงจุดที่เขาไม่สามารถสะกดมันไว้ได้อีก มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของเขาซึ่งลงเอยด้วยการสูญเสียการควบคุมและกลายเป็นปีศาจกระหายเลือดไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อพ่อค้าขายทีวีเห็นว่าชายคนนี้สามารถเอาชนะนักเลงหลายคนได้โดยพลังไม่ถึง10 % ก็คิดในใจว่าถ้าหากเขาใช้ 100 % ไม่ใช่ว่าเขาสามารถเอาชนะคน 100 คนได้เลยหรือ “พี่ชาย,คุณมีฝีมือจริงๆ เกือบจะเทียบเท่าราชันทหาร” เจ้าของร้านชูนิ้วโป้งให้ฉิงเฟิงอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ที่ชื่นชม
ในฐานะทหารเก่าเขาชื่นชมราชันทหารมาก, เขาสามารถเอาชนะคนสิบกว่าคนได้อย่างสบายๆ แต่หลังจากเห็นการลงมือของฉิงเฟิงในวันนี้เจ้าของร้านก็ได้เปลี่ยนความคิด เขารู้สึกว่าฉิงเฟิงเหนือกว่าราชันทหาร เนื่องจากเขามีท่าทางผ่อนคลายมากหลังจากการต่อสู้
ฉิงเฟิงมอบรอยยิ้มให้เจ้าของร้านเล็กน้อยโดยไม่กล่าวอะไรและหยิบไม้ฟาดใส่เหล่านักเลงที่รุมล้อมอยู่รอบๆเจ้าของร้าน สุดท้ายพวกมันทุกคนก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างไม่ทันได้รู้สึกตัว
ศัตรูในปัจจุบันของฉิงเฟิงต่างก็เป็นราชันและเหล่ายอดฝีมือผู้ฝึกยุทธ์ดังนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจกับเหล่านักเลงหัวไม้พวกนี้แม้แต่น้อย แต่น่าเสียดาย คนโง่มีอยู่บนโลกนี้เสมอและมักจะมาหาเรื่องเขาซึ่งทำให้เขารำคาญมาก
หลังจากที่ได้เห็นลูกน้องทุกคนล้มลงบนพื้นหัวเขียวก็หน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เขาเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาลจึงรู้ดีว่าฉิงเฟิงไม่ใช่ขนม ชายคนนี้เป็นนักสู้ แต่โชคร้ายที่เขาดันไปหาเรื่องกับฉิงเฟิงซะแล้ว
“ท่านครับเรื่องในวันนี้เป็นความผิดของผมเอง ผมขอโทษด้วย ผมจะรีบกลับไปทันทีเลยครับ” หัวเขียวขมวดคิ้วและกล่าวกับฉิงเฟิงอย่างสุภาพ
ฉิงเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็อยากจะหัวเราะออกมาในเมื่อตอนนี้เขาทุบตีลูกน้องหัวเขียวจนหมดแล้ว เขาจะปล่อยให้หัวเขียวคนนี้หัวโด่อยู่ได้อย่างไร
“อยากไปงั้นหรือได้ ทิ้งขาสองข้างไว้ที่นี่ก่อน” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีที่กดขี่
หัวเขียวหน้าซีดเผือดในฐานะที่เป็นนักเลงเขารู้ความหมายของคำว่าทิ้งขาไว้ที่นี่ มันหมายถึงหักขาตัวเองซะ “ไอ้หนุ่มข้าเตือนแกด้วยความหวังดี อย่าเปรี้ยวเกินไปนัก ข้ารู้ว่าแกมีฝีมือ แต่แกรู้ไหมว่าบอสของข้าเป็นใคร ” เมื่อเห็นว่าตัวเองหาทางลงไม่ได้ หัวเขียวจึงเริ่มข่มขู่
“ใคร ไหนว่ามาซิ”
“ข้าจะบอกแกให้รู้ไว้ข้ามีสัมพันธ์อันดีกับเตี๋ยเมิ่งแห่งนิกายหมัดเหล็ก ข้าส่งส่วยให้เขาเป็นประจำ ดังนั้นแกจะทำอะไรคิดให้ดีๆซะก่อน”
นิกายหมัดเหล็ก
เตี๋ยเมิ่ง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยประกายระยิบระยับในดวงตาของเขาเขารู้จักนิกายหมัดเหล็ก มันเป็นนิกายของผู้ฝึกยุทธ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยทุบตีลูกชายคนโตของอาจารย์ใหญ่สถาบันศิลปะการต่อสู้เมื่อตอนที่ไปเป็นเพื่อนจางเสี่ยวเยวี่ยนัดบอด
ฉิงเฟิงจำได้ว่าคนผู้นั้นชื่อว่าโจวอี้และเป็นสาวกของนิกายหมัดเหล็กเขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินชื่อนิกายหมัดเหล็กอีกครั้งตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขากับนิกายนี้จะต้องปะทะกันสักวันหนึ่ง
“เจ้าหัวเขียวแกคิดว่าฉันจะกลัวแกเพียงเพราะแกมีสัมพันธ์กับเตี๋ยเมิ่งอะไรนั้นอย่างนั้นหรือ ไม่เลย แกคิดผิดโดยสิ้นเชิง” ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาและเตะหัวเขียวลงบนพื้นในทันที
“โอ้ย! ลูกพี่ ผมมันตาบอดเป็นค้างคาว ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ” หัวเขียวดูหวาดกลัวและร่ำร้องขอความเมตตาอย่างเจ็บปวด
มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าเจ้าหัวเขียวนักเลงผู้หยิ่งผยอง,เจ้าถิ่นในละแวกนี้จะกลายเป็นลูกเจี๊ยบที่อ่อนแอขนาดนี้
แต่ถึงแม้ว่าหัวเขียวกำลังร้องขอความเมตตาแต่ฉิงเฟิงก็ไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆแน่นอน เพราะถ้ากลับกันหากเขาไม่ได้แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาและหลินเสวี่ยคงโดนนักเลงเหล่านี้รุมกระทืบจนน่วมไปแล้ว นอกจากนี้ หัวเขียวคนนี้ยังเป็นอันธพาลคุมถิ่นในละแวกนี้อีกด้วยและมีแนวโน้มว่ามันจะต้องเป็นอันตรายต่อผู้บริสุทธิ์อีกหลายคน ฉิงเฟิงจึงตัดสินใจที่จะมอบความยุติธรรมให้ผู้บริสุทธิ์
แกร่ก! แกร่ก !
ฉิงเฟิงได้หักขาทั้งสองข้างของหัวเขียวเพื่อให้มันไม่สามารถทำอันตรายต่อคนอื่นได้อีกต่อไป
ส่วนชายผมสั้นฉิงเฟิงก็ลงโทษเขาด้วยการหักขาสองข้างเช่นกัน
“พี่ชายคุณนี่สุดยอดจริงๆ แต่คุณก็ทำถูกแล้วที่ลงโทษคนเลวๆแบบนี้” เจ้าของร้านขายทีวียี่ห้อ Hisense TV พยักและกล่าว
“ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณ”ฉิงเฟิงหันไปขอบคุณเจ้าของร้านขายทีวีด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้วต่อให้พวกมันทุกคนเข้ามารุมฉิงเฟิงก็ไม่แยแสแม้แต่น้อย แต่เขาก็ประทับใจเจ้าของร้านขายทีวีที่ออกหน้าช่วยอย่างกล้าหาญโดยไม่คาดคิด ทั้งๆที่มีผู้คนมากมายแต่เขาเป็นคนเดียวที่ปกป้องฉิงเฟิง
แปะแปะ แปะ
….
ทันใดนั้นก็มีเสียงคนปรบมือดังขึ้นจากด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งกายในชุดโบราณเดินเข้ามา
ผู้หญิงคนนี้งดงามหยดย้อยอายุไม่น่าจะเกิน 25 ปี เธอมีใบหน้ารูปไข่ที่เข้ารูป คิ้วเรียวยาวเหมือนต้นวิลโลว์ ผิวที่ขาวเนียนของเธอราวกับหยกที่มีคุณภาพดีที่สุด ดวงตาคู่นั้นของเธอส่องประกายเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า เธอนั้นงดงามจนผู้คนแทบจะหยุดหายใจและสามารถประชันกับหลินเสวี่ยได้อย่างไม่น้อยหน้าเลยทีเดียว
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดโบราณที่โอบรัดหน้าอกและสะโพกของเธอให้เข้ารูปได้อย่างสมบูรณ์แบบเจ้าของร้านขายทีวีและผู้คนโดยรอบต่างก็ตกตะลึงอย่างโง่งมกับความงามของเธอ แม้แต่ฉิงเฟิงที่เห็นความงามของหลินเสวี่ยทุกวันยังต้องตกตะลึงเช่นกัน
“วูฟคิงย่อมสมแล้วที่เป็นราชันสามารถรับมือกับมดปลวกเหล่านี้ด้วยพลังไม่ถึง 10 %” ผู้หญิงในชุดแต่งกายโบราณกล่าวอย่างสงบด้วยน้ำเสียงที่ชมเชย
เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมผู้หญิงในในชุดแต่งกายโบราณจึงพูดเช่นนี้เป็นเพราะเธอได้ยินการสนทนาระหว่างฉิงเฟิงและเจ้าของร้านทีวีนั่นเอง
“คุณเป็นใคร” ฉิงเฟิงขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงความระแวดระวังในทันที
ถึงแม้ว่าผู้หญิงในชุดแต่งกายโบราณตรงหน้าเขาคนนี้จะดูอ่อนแอไร้พิษภัยแต่นี่เป็นเพียงมุมมองของคนธรรมดา ฉิงเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งที่เก็บซ่อนอยู่ในตัวเธอ เธอเก็บงำพลังเอาไว้อย่างลึกซึ้งแต่บางส่วนที่เล็ดรอดออกมานั้นทรงพลังมากจนทำให้ฉิงเฟิงรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
ฉิงเฟิงประเมินว่าผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งกว่าเฮยหวู่ชางอย่างเทียบกันไม่ติดเนื่องจากเขายังไม่มีความรู้สึกกระวนกระวายเช่นนี้แม้แต่ตอนเผชิญหน้ากับเฮยหวู่ชางตั้งแต่ก่อนจะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์
“เจ้าไม่ต้องกลัวข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เหตุผลที่ข้ามาเยือนเมืองตงไห่ก็เพื่อมาพบเจ้าเท่านั้น” ผู้หญิงในชุดโบราณกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เฉิดฉัน แต่น้ำเสียงที่ละเอียดอ่อนของเธอแฝงความหยิ่งยโสอยู่เล็กน้อย
“ฉันไม่รู้จักคุณและตอนนี้คุณก็ได้เห็นฉันแล้ว คุณไปเถอะ”
ฉิงเฟิงส่ายหัวและไม่อยากสนทนากับผู้หญิงลึกลับคนนี้ต่อไปเพราะเขารู้สึกหวาดหวั่นต่อพลังของเธอ มันทำให้เขาเป็นกังวล
“ที่นี่มีคนอยู่มากเกินไปไปที่สะพานตงไห่ตอนเที่ยงคืน ข้าจะรอเจ้าที่นั่น”
“เดี๋ยวก่อนสิฉันไม่รู้คุณทำไมฉันต้องทำตามที่เธอพูดด้วย ” “วูฟคิงเจ้าได้ทำร้ายหัวเขียว เด็กรับใช้ของนิกายหมัดเหล็ก ถ้าเจ้าไม่อยากปะทะกับนิกายหมัดเหล็กก็ควรทำตามที่ข้าพูด” ผู้หญิงในชุดโบราณกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ลึกลับและหันหลังเดินจากไป
นิกายหมัดเหล็ก…เหอะ ครั้งที่แล้วฉันเพิ่งจะทุบตีสาวกของพวกมันโจวอี้ แล้วทำไมฉันต้องกลัวพวกมันด้วย
ฉิงเฟิงมองเงาหลังที่งดงามที่ค่อยๆลับตาไปของผู้หญิงในชุดโบราณด้วยรอยยิ้มที่หนาวเย็นเขาไม่สนใจคำขู่ของเธอ
“สหายฉันต้องการทีวี Hisense ขนาด 50 นิ้วของคุณ”
โดยไม่ใส่ใจคำพูดของผู้หญิงคนนั้นฉิงเฟิงหันหน้าไปกล่าวกับพ่อค้าขายทีวี
“ไม่มีปัญหา”เจ้าของร้านพยักหน้าและเลือกทีวีรุ่นที่ภาพคมชัดที่สุดและคุณภาพดีที่สุดให้ฉิงเฟิงเป็นพิเศษ
หลังจากซื้อทีวีเสร็จแล้วฉิงเฟิงก็พาหลินเสวี่ยไปซื้อเฟอร์นิเจอร์จำนวนมากรวมถึงโต๊ะและถ้วยชาจากนั้นพวกเขาก็ขับรถกลับวิลล่า
สำหรับการนัดหมายตอนเที่ยงคืนกับสุภาพสตรีลึกลับในชุดแต่งกายโบราณฉิงเฟิงลืมเลือนไปนานแล้ว