My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 650 ข้อเสนอในการเข้าร่วมนิกาย
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 650 ข้อเสนอในการเข้าร่วมนิกาย
กว่าฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยจะจัดวางข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาไว้ในห้องนั่งเล่นเสร็จก็เป็นช่วงเย็นแล้วทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าบริษัทได้ในวันนี้เนื่องจากใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว
ส่วนอาหารเย็นของทั้งคู่ก็เป็นแค่ของง่ายๆหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จพวกเขาทั้งสองคนก็นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันพักหนึ่งจากนั้นก็แยกย้ายกันเข้านอน เนื่องจากวันนี้พวกเขาต่างก็ช็อบปิ้งข้าวของมามากมายจึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก พวกเขาต่างก็เหนื่อยมากจนอยากพักผ่อน
ฉิงเฟิงอยู่นอนบนเตียงของเขาที่ชั้นแรกอย่างไม่อาจข่มตาหลับได้เนื่องจากคำพูดของหญิงสาวลึกลับในชุดโบราณยังคงติดอยู่ในใจ อีกทั้งความแข็งแกร่งของเธอก็ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อย
“เอาเถอะลองไปพบเธอดูหน่อยก็แล้วกัน” ฉิงเฟิงแต่งตัวและเดินออกจากวิลล่าภายใต้ความมืดยามราตรี
ในตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปพบกับผู้หญิงในชุดโบราณคนนั้นแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตามฉิงเฟิงรู้สึกว่าผู้หญิงนั้นค่อนข้างแปลกพิลึกกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้เขายังต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความตื้นลึกหนาบางของนิกายหมัดเหล็ก ดังนั้น ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจที่จะไปพบเธอ
เวลาเที่ยงคืน
ฉิงเฟิงขับBMW ไปที่สะพานตงไห่ สะพานนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองตงไห่ที่มีประวัติยาวนานมากกว่าหนึ่งร้อยปี
ตอนนี้เป็นช่วงกลางดึกและหนาวเย็นมากในฤดูหนาวไม่มีสัญญาชีวิตใดๆบนสะพานนี้ยกเว้นผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนสะพาน
ผู้หญิงคนนี้งดงามไร้ที่ติใบหน้ารูปไข่ของเธอเหมือนหิมะสีขาวซึ่งยังคงส่องประกายแม้จะอยู่ในค่ำคืนที่มืดมิด คิ้วที่โก่งงอนเรียวยาวของเธอทำให้เธอดูสง่างามและมีเสน่ห์ หน้าอกคู่นั้นของเธอใหญ่มากและสะโพกที่กลมกลึงของเธอช่างเป็นที่ล่อตาล่อใจผู้คน เธอยังคงอยู่ในชุดโบราณเช่นเดิม
การที่ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่บนสะพานมันเหมือนกับว่าเธอหลุดออกมาจากยุคโบราณและมีกลิ่นอายราวกับเทพธิดา
เมื่อเธอเห็นว่าฉิงเฟิงมาถึงแล้วเธอก็หันกายมาและกล่าวว่า“วูฟคิง เจ้ามาตรงเวลาดี รู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงเรียกให้เจ้าออกมา ”
ฉิงเฟิงส่ายหัวเขาไม่รู้แม้แต่ชื่อของเธอด้วยซ้ำ
“คุณเป็นใครคุณต้องการอะไร ” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มให้เธอเล็กน้อย เขาคิดที่จะรวบรวมข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ก่อนเป็นอันดับแรก
“ข้าคือฉินเซียนจื่อแห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อรับเจ้าเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนิกายของเรา”
หญิงในชุดโบราณกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่มันฟังดูว่าราวกับว่าเธอเป็นนกยูงที่มองผู้อื่นจากเบื้องบน
ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินชื่อนี้ ครั้งแรกตอนที่เขาอยู่ที่อารีน่าตงไห่หลังจากเอาชนะ 3 สุดยอดจากอารีน่าเมืองอื่น ชายชราคนหนึ่งในชุดสีเทาผู้ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ก็กล่าวชักชวนเขาให้เข้าร่วมนิกายนี้ ซึ่งเขาก็ได้ปฏิเสธไปแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้คุณหนูของตำหนักจะมาชักชวนเขาด้วยตัวเอง
“โทษทีนะแต่ฉันอยากมีอิสระและไม่อยากผูกมัด ฉันไม่ชอบการเข้าร่วมนิกายอื่นๆ “
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและปฏิเสธฉินเซียนจื่อทันที
“เจ้าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ,วูฟคิง นิกายของเราเป็นกองกำลังระดับท็อบในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์โบราณ พวกเรานั้นแกร่งยิ่งกว่าเส้าหลิน บู๊ตึ๊ง ฉะนั้นหากเจ้าเข้าร่วมกับพวกเรา เจ้าจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปสำรวจซากปรักหักพังโบราณ” ฉินเซียนจื่อเผยอริมฝีปากสีแดงเล็กๆของเธอและกล่าวต่อไป
อย่างที่เห็นได้จากชื่อตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ก่อตั้งขึ้นโดยจักรพรรดิโห่วเย่อและจักรพรรดิเหลือง ซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนมนุษย์จะเกิดขึ้น มันมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าวัดเส้าหลิน ซึ่งสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์เสียด้วยซ้ำ !
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเซียนจื่อฉิงเฟิงก็ตะลึงงันในพริบตา ร่องรอยแห่งความช็อคปรากฏอยู่ในแววตาของเขา ทั้งวัดเส้าหลินและบู๊ตึ๊งต่างก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศิลปะการต่อสู้ เช่นนี้ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้จะแข็งแกร่งกว่าสถานที่เหล่านี้ได้อย่างไร
ฉิงเฟิงอาศัยอยู่แต่ในต่างประเทศก่อนหน้านี้และเพิ่งกลับมาหัวเซี่ยเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์ของหัวเซี่ยสักเท่าไร ถึงกระนั้นก็ตาม เขาย่อมเคยได้ยินชื่อจักรพรรดิโห่วเย่อและจักรพรรดิเหลือง(หวงตี้) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวจีนฮกเกี้ยนซึ่งมีประวัติศาสตร์กว่า 5000 ปี
“วูฟคิงเจ้าย่อมรู้จักดราก้อนคิงใช่ไหม เพราะเจ้าทั้งคู่ต่างก็เป็นราชัน”
“ใช่ฉันรู้เขา หวังหลง หมอนั่นไม่ธรรมดาทีเดียว”
“เอาละงั้นข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง แม้แต่ดราก้อนคิงผู้นั้นก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมนิกายของเรา เมื่อเดือนก่อนผู้อาวุโสของภูเขามังกรเทวะส่งดราก้อนคิงมาที่นิกายเราจากคำแนะนำของใครบางคน และตอนนี้เขาเป็นแค่คนกวาดพื้นของนิกาย”
ฉินเซียนจื่อปัดผมที่ปรกหน้าผากของเธออย่างนุ่มนวลและกล่าวอย่างอ่อนโยน
อะไรนะ
!
ดราก้อนคิงเข้าร่วมตำหนักโห่วเย่อหวงตี้แต่เป็นแค่คนกวาดพื้น !
ฉิงเฟิงหน้าซีดเขาไม่ใช่เพียงแค่ตกใจแต่ยังรู้สึกหวาดกลัวอีกด้วย
ถึงแม้ว่าดราก้อนจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉิงเฟิงแต่เขาก็มีศักดิ์เป็นถึงราชันแห่งทวีปมังกร เขาเป็นนักสู้ระดับ SSS ขั้นสูงสุดผู้แข็งแกร่งและทรงพลัง นอกเหนือจากนั้นดราก้อนคิงก็ยังเป็นผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของเหล่าบุคลระดับสูงอีกด้วย แต่ตอนนี้ชายผู้นั้นเป็นคนกวาดพื้นที่ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้
เมื่อฉินเซียนจื่อสังเกตเห็นความตกใจและความหวาดกลัวของฉิงเฟิงเธอก็รู้สึกภาคภูมิใจแต่ก็รำคาญเช่นกัน เนื่องจากชายหนุ่มยังไม่ยอมตกลงเข้าร่วมนิกาย
“วูฟคิงข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ของเรานั้นคงอยู่นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มตั้งรกราก เราผ่านยุคราชวงศ์มานับไม่ถ้วน แม้แต่จักรพรรดิซื่อหวงตี้และจักรพรรดิอู๋แห่งราชวงศ์ฮั่นก็ยังเคยพึงพาอำนาจของพวกเรา พลังอำนาจของนิกายเราอยู่เหนือจินตนาการของเจ้า การเข้าร่วมกับเราเป็นประโยชน์และเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของเจ้าแล้ว” ฉินเซียนจื่อกล่าวต่อไป ซึ่งสิ่งที่เธอพูดมาก็ทำให้ฉิงเฟิงตระหนกมากขึ้น
ฉิงเฟิงสะกดข่มความปั่นป่วนในใจที่ประดังเข้ามาและกล่าวถามว่า
“ถ้าฉันเข้าร่วมกับนิกายของคุณแล้วฉันจะได้ประโยชน์อะไร”
“ประโยชน์”
ฉินเซียนจื่อยิ้มและกล่าวว่า“วูฟคิง การเข้าร่วมกับนิกายเรานั้นคือประโยชน์ที่ดีที่สุดเกินกว่าเจ้าจะสามารถคาดคิดได้”
ฉิงเฟิงไม่พอใจกับคำตอบของฉินเซียนจื่อเป็นอย่างมากเธอตอบอย่างคลุมเครือ ขนาดดราก้อนคิงเข้าร่วมกับนิกายเธอและเป็นได้แค่คนกวาดพื้น ถ้าหากเขาตกลงเข้าร่วมไม่ใช่ว่าต้องกลายเป็นคนขัดส้วมคู่กับดราก้อนคิงหรอกหรือ
“มิสฉินถึงแม้ว่าตำหนักโห่วเย่อหวงตี้จะทรงพลังมากและมีประวัติยาวนาน แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจอะไรนัก ฉันขอปฏิเสธ” ฉิงเฟิงส่ายหัวและปฏิเสธอีกครั้ง
หลังจากได้รับการปฏิเสธจากฉิงเฟิงสองครั้งแววตาที่งดงามของเธอปรากฏร่องรอยของความไม่พอใจ เธอกล่าวว่า “วูฟคิง เจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งมากนักหรือ ข้าบอกเจ้าได้เลยว่าจ้าวนิกายหมัดเหล็กเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์ วันนี้เจ้ามีเรื่องบาดหมางกับพวกมัน ถ้าเจ้าไม่เข้าร่วมกับนิกายของเรา มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่”
“คุณหนูคุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วงั้นฉันกลับละนะ”
ฉิงเฟิงยิ้มให้เธอเล็กน้อยและหันหลังจากไป
เหตุผลที่ฉิงเฟิงมาหาเธอคืนนี้ก็คือเขารู้สึกสนใจในตำหนักโห่วเย่อหวงตี้เล็กน้อยแต่เขาก็หมดความสนใจในทันทีหลังจากได้ยินว่าดราก้อนคิงเป็นได้แค่คนกวาดพื้น
ความจริงฉิงเฟิงเข้าใจและยอมรับด้วยใจจริงว่าตำหนักโห่วเย่อหวงตี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งยวดมิฉะนั้นดราก้อนคิงคงไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองไปเป็นคนกวาดพื้น
แต่ทว่าฉิงเฟิงมีความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจในตัวเอง เขาไม่มีทางยอมเป็นชนชั้นล่างที่นั่นอย่างแน่นอน
การแสดงออกของฉินเซียนจื่อแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเธอหรี่ตาลงและจ้องมองเงาหลังของฉิงเฟิงที่ค่อยๆเดินจากไป ในตอนแรกเธอเชื่อมั่นว่าฉิงเฟิงจะต้องตกลงเข้าร่วมนิกายอย่างแน่นอน หลังจากเธอมาพบเขาด้วยตัวเองและอธิบายให้เขาฟังเกี่ยวกับพลังอำนาจของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่เธอคิด
หลังจากที่เขาเดินลงจากสะพานและเดินข้ามมาสองช่วงตึกฉิงเฟิงก็หยุดเดินเพราะมีชายสองคนเข้ามาขวางทาง
ชายสองคนนั้นคือโจวอี้ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปี เขามีผิวคล้ำและใส่ชุดฝึกเต็มยศ บนร่างของเขาปรากฏร่องใจจริงว่าตำหนักโห่วเย่อหวงตี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งยวดมิฉะนั้นดราก้อนคิงคงไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองไปเป็นคนกวาดพื้น
แต่ทว่าฉิงเฟิงมีความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจในตัวเอง เขาไม่มีทางยอมเป็นชนชั้นล่างที่นั่นอย่างแน่นอน
การแสดงออกของฉินเซียนจื่อแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเธอหรี่ตาลงและจ้องมองเงาหลังของฉิงเฟิงที่ค่อยๆเดินจากไป ในตอนแรกเธอเชื่อมั่นว่าฉิงเฟิงจะต้องตกลงเข้าร่วมนิกายอย่างแน่นอน หลังจากเธอมาพบเขาด้วยตัวเองและอธิบายให้เขาฟังเกี่ยวกับพลังอำนาจของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่เธอคิด
หลังจากที่เขาเดินลงจากสะพานและเดินข้ามมาสองช่วงตึกฉิงเฟิงก็หยุดเดินเพราะมีชายสองคนเข้ามาขวางทาง
ชายสองคนนั้นคือโจวอี้ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปี เขามีผิวคล้ำและใส่ชุดฝึกเต็มยศ บนร่างของเขาปรากฏร่องรอยของพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว
“ท่านจ้าวนิกายขอรับมันนี่แหละหลี่ฉิงเฟิง คนที่ทำร้ายผมก่อนหน้านี้และหักขาเจ้าหัวเขียวเมื่อวาน” โจวอี้ชี้ไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเขาด้วยความเคารพ
ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์โจวอี้มักจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเย่อหยิ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้เขาประพฤติตัวเรียบร้อยราวกับแมวเชื่องๆ