My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 651 คุณชายแห่งนิกายหมัดเหล็กผู้แข็งแกร่ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 651 คุณชายแห่งนิกายหมัดเหล็กผู้แข็งแกร่ง
“หลี่ฉิงเฟิงแกทำร้ายคนของนิกายหมัดเหล็ก ข้าจะให้โอกาสแก หักแขนตัวเองซะและคุกเข่าขอโทษ ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไป” ชายหนุ่มคนนั้นเชิดศีรษะขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวด้วยความหยิ่งยโสและมีรอยยิ้มจางๆ
คุกเข่าขอโทษ
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วประกายเย็นเยือกปรากฏในดวงตาของเขา “เหอะ คนของนิกายหมัดเหล็กชอบการคุกเข่านักใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันก็อยากจะพูดว่าถ้าแกคุกเข่าขอโทษฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่ตั้นหน้าแก แต่จะแค่ทุบตีแกให้เป็นหมูพิการ”
“ข้าคือเตี๋ยเมิ่งคุณชายแห่งนิกายหมัดเหล็ก แกกล้าดียังไงมามาพูดจาปากดีแบบนี้ใส่ข้า แกอยากตายงั้นหรือ ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างดุร้ายด้วยใบหน้าที่อึมครึม
ในฐานะที่เป็นคุณชายแห่งนิกายหมัดเหล็กเตี๋ยเมิ่งรับผิดชอบในส่วนของคนธรรมดาสามัญ สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ตงไห่ได้คัดเลือกนักเรียนที่มีพรสวรรค์และส่งตัวไปเข้าร่วมนิกายหมัดเหล็กในฐานะศิษย์ใหม่ ส่วนหัวเขียวเป็นตัวหาเงินให้กับเตี๋ยเมิ่งโดยเรียกเก็บค่าคุ้มครองและต้มตุ๋นชาวบ้านตามสถานีรถไฟ
คุณชายของนิกายหมัดเหล็ก
ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาแววตาของเขาไร้ความกังวลใดๆ มันคือความจริงที่เขาได้ทุบตีโจวอี้สาวกของนิกายหมัดเหล็ก และนั่นก็เป็นเพราะระดับพลังของโจวอี้อยู่แค่ขั้นแรกของระดับใต้สวรรค์ อย่างไรก็ตาม จากที่ฉิงเฟิงประเมิน เตี๋ยเมิ่งผู้นี้น่าจะอยู่ขั้นกลางแล้วเป็นอย่างน้อย
แน่นอนว่าตอนนี้ฉิงเฟิงก็อยู่ขั้นกลางเช่นกันดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเตี๋ยเมิ่ง
จากการพูดคุยกับฉินเซียนจื่อฉิงเฟิงจึงรู้ว่าจ้าวนิกายหมัดเหล็กเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับเหนือสวรรค์ และเขาก็ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับพวกมันสักเท่าไร แต่ดูเหมือนว่าเขาคงหนีเรื่องนี้ไม่พ้นเมื่อเห็นเตี๋ยเมิ่งมาหาเขาถึงที่
“เตี๋ยเมิ่งฉันจำได้ว่าในเหล่าผู้ฝึกยุทธ์นั้นมีกฎว่าห้ามกลั่นแกล้งรังแกคนธรรมดา แกจะแหกกฎงั้นหรือ ” ฉิงเฟิงถามด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“หึกฎนั้นย่อมเข้มงวด แต่คนนั้นยืดหยุ่นได้ ! ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้แกกล้าด่าข้า ข้าไม่ปล่อยแกไว้อยู่แล้ว” เตี๋ยเมิ่งยิ้มอย่างเย็นชาด้วยร่องรอยของความดุร้ายที่ปรากฏในดวงตา และกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่
จากนั้นเตี๋ยเมิ่งก้าวเท้าไปหาฉิงเฟิงทันทีหลังจากพูดจบ เขาตั้งใจที่จะสั่งสอนชายคนนี้ให้รู้สำนึกว่าศักดิ์ศรีของนิกายหมัดเหล็กไม่อาจะล่วงเกินได้ !
ปัจจุบันสังคมได้กลายเป็นสังคมวัตถุนิยมโดยทั่วไปก็เป็นเงินทอง อำนาจและชื่อเสียง ในขณะที่ผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็ต้องการทรัพยากร เช่น เงิน ยาวิเศษ เทคนิคการบ่มเพาะและอื่นๆ เช่นเดียวกับการที่มีคนเคยพูดว่าคนจนจะประสบความสำเร็จได้โดยการตั้งใจเรียนหนังสือและเก็บเงินเก็บทองไว้ตั้งตัว ในขณะที่คนรวยจะประสบความสำเร็จได้ด้วยการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้เงินทองมหาศาล เนื่องจากผู้ฝึกยุทธ์จะต้องใช้เงินในการซื้อยาวิเศษ เช่น โสมพันปีหรือสมุนไพรหายากที่มีราคาสูงลิบลิ่ว
สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ห้างฯถือเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองตงไห่ดังนั้นหัวเขียวจึงมีรายได้หลายล้านหยวนต่อเดือน แต่เนื่องจากตอนนี้หัวเขียวได้รับบาดเจ็บ ทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก จึงเป็นผลทำให้เตี๋ยเมิ่งต้องออกโรงเอง มิฉะนั้นเขาก็ไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นคุณชายของนิกาย
เตี๋ยเมิ่งเดินตรงดิ่งเข้าหาฉิงเฟิงพลังของเขาเพิ่มขึ้นในทุกย่างก้าว อากาศโดยรอบกลายเป็นรุนแรงปั่นป่วนขึ้นอย่างมาก
ฮ่าห์
!! เตี๋ยเมิ่งตะโกนเสียงต่ำเขาเหวี่ยงหมัดขวาในพริบตาราวกับก้อนหินยักษ์ ทำให้เกิดหลุมใหญ่ 4 หลุมปรากฏขึ้นบนอากาศในทันที
บ้าชิบนี่มัน.. ใต้สวรรค์ขั้นปลาย
!
ฉิงเฟิงมีสีหน้าไม่สู้ดีนักในขณะที่รูม่านตาหดเล็กลงมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ใต้สวรรค์ขั้นปลายเท่านั้นที่สามารถออกหมดจนเกิดหลุมอากาศได้ถึง 4 หลุม เตี๋ยเมิ่งผู้นี้แข็งแกร่งอย่างไม่ธรรมดา
“
ฝ่ามือมีดวายุ
!
!
“
ฉิงเฟิงไม่กล้าประมาททันใดนั้นเขาก็ฟาดฝ่ามือมีดวายุออกมาทันที แสงสีเขียวแยกอากาศออกจากกัน จบลงที่เข้าปะทะกับหมัดของเตี๋ยเมิ่ง เปรี้ยงงง
!
เกิดเสียงดังขึ้นและเตี๋ยเมิ่งก็ยังคงยืนอยู่กับที่ส่วนฉิงเฟิงไม่อาจทรงตัวได้จนต้องถอยออกไปหลายก้าว
ปัจจุบันนี้ฉิงเฟิงอยู่แค่ระดับใต้สวรรค์ขั้นกลางดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่าเขาไม่อาจรับมือกับพลังของเตี๋ยเมิ่งได้ซึ่งหน้า นอกจากนี้ที่ฝ่ามือของเขาที่ปะทะกับหมัดของเตี๋ยเมิ่งก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อน
ฉิงเฟิงวิเคราะห์สถานการณ์ในใจของเขาทันทีเขารู้ว่าฝ่ามือมีดวายุไม่สามารถต้านทานหมัดของเตี๋ยเมิ่งได้ นิกายหมัดเหล็กเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องหมัดที่แข็งแกร่ง วิชาหมัดคือการบ่มเพาะหลักๆของนิกาย ซึ่งทำให้หมัดของผู้ฝึกแข็งแกร่งไร้เทียมทานจนสามารถทุบแผ่นเหล็กหนาให้แหลกได้ด้วยหมัดเดียว
“หืม ไม่เลวๆ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมโจวอี้ถึงแพ้แก ที่แท้แกเป็นผู้ฝึกยุทธ์ใต้สวรรค์ระดับกลางนี่เอง” เตี๋ยเมิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตามีความประหลาดใจ
เป็นที่ทราบกันดีว่าเตี๋ยเมิ่งในฐานะที่เป็นคุณชายน้อยแห่งนิกายหมัดเหล็ก เขาแข็งแกร่งมาก โดยปกติแล้วเขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยการออกหมัดเพียงครั้งเดียว เขาจึงรู้สึกตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าฉิงเฟิงสามารถทนแรงหมัดของเขาได้
“ฮ่าฮ่าฉันก็นึกว่านิกายหมัดเหล็กจะแน่แค่ไหน ที่แท้ก็งั้นๆ น่าผิดหวังมาก”
ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับลูบฝ่ามือที่ยังคงเจ็บปวดอยู่
“ปากดีนัก!!
หมัดเหล็ก
!!!
”
เตี๋ยเมิ่งยิ้มอย่างเย็นชาเหวี่ยงหมัดเข้าหาฉิงเฟิงอีกครั้งพร้อมกับเสียงอากาศที่ระเบิดออกจากพลังหมัดของเขา คราวนี้ฉิงเฟิงไม่สู้ตรงๆเพราะเขารู้ว่าฝ่ามือมีดวายุไม่อาจรับหมัดของเตี๋ยเมิ่งได้เขาจึงกระทืบเท้าลงบนพื้นและพุ่งตัวหลบฉากออกไปด้านข้างในพริบตา
โครม
!!
หมัดของเตี๋ยเมิ่งไม่โดนตัวฉิงเฟิงแต่ป้ายโฆษณาเหล็กหนาอันใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขาถูกแรงหมัดจนแตกเป็นสองส่วนและตกลงมาบนพื้นทันที
แรงบ้าอะไรกันนี่
!
ฉิงเฟิงหน้าซีดป้ายโฆษณาทำจากอลูมิเนียมอัลลอยและเหล็กกล้า แต่มันกลับถูกทำลายลงอย่างไม่น่าเชื่อด้วยหมัดเดียวของเตี๋ยเมิ่ง
ฉิงเฟิงยกมุมปากขึ้นเบือนหน้าจากการมองป้ายโฆษณาที่พังเละเทะหันกลับมามองเตี๋ยเมิ่ง ในขณะเดียวกันเตี๋ยเมิ่งก็เหวี่ยงหมัดเข้าหาเขาอีกครั้งทันที
ในเรื่องของความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวแน่นอนว่าฉิงเฟิงไม่สามารถเปรียบเทียบกับเตี๋ยเมิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ความเร็วของเขาเหนือกว่า เพราะเขามีประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมากมายตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในทวีปหมาป่า ในช่วงนั้นเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเขาต้องวิ่งหนีเสือดาวแอฟริกาทำให้ความเร็วในการวิ่งของเขาพัฒนาขึ้น เขาสามารถวิ่งได้เร็วถึง 10 เมตรต่อวินาที
เมื่อล้มเหลวในการโจมตีฉิงเฟิงเตี๋ยเมิ่งก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เนื่องจากโจวอี้กำลังดูอยู่ด้านหลังและอาจมองว่าคุณชายน้อยอย่างเขาไร้ความสามารถ
“หลี่ฉิงเฟิงแกคิดว่าแกเป็นคนเดียวที่รู้เทคนิคการเคลื่อนไหวงั้นหรือ ”
เตี๋ยเมิ่งยิ้มอย่างโหดเหี้ยมเขาก้าวเท้าหนักๆลงบนพื้นด้วยปลายเท้า และกระโจนขึ้นเหมือนเหยี่ยวกระพือปีก ตามติดถึงตัวฉิงเฟิงในทันที เทคนิคการเคลื่อนที่ของเตี๋ยเมิ่งเรียกว่า“ย่างก้าวนกกระเรียน” ซึ่งเป็นเทคนิคของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนรู้ได้แค่ระดับแรก แต่มันก็ทำให้ความว่องไวของเขาเพิ่มขึ้นจนเร็วเท่ากับสายลม ดั่งนกกระเรียนสีขาว เขาสามารถเคลื่อนที่ได้ถึง 11 เมตรภายในหนึ่งวินาที
ซึ่งความเร็วสูงสุดของฉิงเฟิงอยู่ที่10 เมตรต่อวินาที แต่วิชาย่างก้าวนกกระเรียนของเตี๋ยเมิ่งทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ได้ถึง 11 เมตรต่อวินาที ดังนั้นเตี๋ยเมิ่งจึงเข้าถึงตัวฉิงเฟิงได้ในพริบตา
“หึๆเด็กน้อย ดูซิว่าคราวนี้แกจะหนีไปไหนได้ !” เตี๋ยเมิ่งยิ้มอย่างหนาวเย็น เขาเหวี่ยงหมัดที่ส่องแสงสีดำตรงเข้าหาร่างกายของฉิงเฟิงอย่างดุร้าย
ฉิงเฟิงหน้าซีดเผือดเพราะเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเตี๋ยเมิ่งจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเขาและเข้าถึงตัวเขาในทันทีพร้อมกับออกหมัดที่รุนแรง ในพริบตาฉิงเฟิงรีบยกมือขวาขึ้นมาปะทะกับหมัดของเตี๋ยเมิ่งทันที