My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 670 อัศวินศักดิ์สิทธิ์ (Holy Knight)
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 670 อัศวินศักดิ์สิทธิ์ (Holy Knight)
ในฐานะพระคาร์ดินัลอัลบรอนมีอำนาจเป็นอันดับ 2 รองจากสมเด็จพระสันตะปาปา เขาไม่กลัวที่จะต้องข่มขู่วูฟคิง
“สมาพันธ์เทวานภาย่อมแน่นอนว่าทรงพลังแต่อลิซเป็นผู้หญิงของผม ผมไม่มีทางปล่อยเธอไป แม้ว่าจะต้องต่อต้านสมาพันธ์อันดับ1ของยุโรปก็ตาม” ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา เขาคว้ามือเล็กๆของอลิซและเตรียมจะจากไป
“หยุดตรงนั้น!” ผู้ชายร่างสูงสวมชุดเกราะคนหนึ่งเดินมาจากด้านข้าง ขวางทางพวกเขาไว้
ชายคนนี้สูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สูง 6 ฟุต หุ่มเฟิร์มมีกล้ามเนื้อ ชุดเกราะที่สวมใส่ทำให้เขาดูยิ่งใหญ่มากขึ้น เขาคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ของสันตะสำนัก รับผิดชอบด้านดูแลความปลอดภัยในโบสถ์และความปลอดภัยของอัลบรอน
“ถอยไปอย่ามาขวางทาง” ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาและจ้องไปที่อัศวินผู้นั้น
ถ้าเขารู้ว่าเป้าหมายในการพบของอัลบรอนในวันนี้คือการขอตัวอลิซฉิงเฟิงจะไม่มาแน่นอน อลิซติดตามเขามานานแล้ว ทั้งสองผ่านความยากลำบากและสถานการณ์เป็นตายมากมายด้วยกัน ไม่มีทางที่ฉิงเฟิงจะยอมให้อลิซกลับพระราชวังเพื่อแต่งงานกับคนอื่น
“เจ้าหญิงอลิซต้องอยู่ส่วนคุณไปได้” อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้รู้ถึงตัวตนแท้จริงของอลิซอย่างชัดเจน เขากล่าวอย่างหนาวเย็น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่แยแส
“แล้วถ้าฉันจะพาเธอไปละนายจะทำยังไง ”
“ความดื้อรั้นของคุณจะย้อนกลับมาฆ่าคุณ”
“จะฆ่าฉัน ฉันไม่เชื่อว่านายมีความสามารถพอ ” ฉิงเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเริ่มดุร้าย
เมื่อรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดระหว่างชายทั้งสองแคทเธอรีนรีบออกหน้า เธอกล่าวว่า
“เดฟปล่อยวูฟคิงไป”
“พี่สะใภ้ทำไมต้องปล่อยเขา ” อัศวินศักดิ์สิทธิ์เดฟคำนับแคทเธอรีนและถาม
แฟนของแคทเธอรีนเป็นผู้นำเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งสันตะสำนักส่วนเดฟเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ยศธรรมดา เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องเรียกแคทเธอรีนว่าพี่สะใภ้
“ชั้นเป็นคนพาวูฟคิงมาชั้นก็ต้องพาเขาออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย” แคทเธอรีกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
เดฟรู้สึกไม่มั่นใจว่าควรจะต้องทำอย่างไรผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นพี่สะใภ้ แต่เขาก็ยังอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของพระคาร์ดินัลอัลบรอน เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ตัดสินใจลำบาก
ร่องรอยของความไม่อยากเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าชราของอัลบรอนเขากล่าวเสียงต่ำว่า “แคทเธอรีน เธอเป็นคนรักของยูเรนัส หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะเท่าไรนะสำหรับการออกหน้าช่วยผู้อื่น”
คำพูดของอัลบรอนทำให้แคทเธอรีนหงุดหงิดแต่อัลบรอนก็เป็นพระคาร์ดินัลคนสำคัญ หนึ่งในสามของสันตะสำนัก มีอำนาจเป็นรองเพียงสมเด็จพระสันตะปาปาเท่านั้น ไม่เพียงเท่านี้ ยังกล่าวกันอีกว่าสมเด็จพระสันตะปาปาได้ให้ความสำคัญกับอัลบรอนเป็นอย่างมาก ดังนั้นแม้ว่าแคทเธอรีนจะมีภูมิหลังที่น่าเกรงขาม แต่เธอก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับเขา
“มาสเตอร์อัลบรอนดิฉันหวังว่าท่านจะปล่อยวูฟคิงให้จากไปอย่างปลอดภัย”
แคทเธอรีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉิงเฟิงเธอไม่ต้องการให้เขาตายที่นี่
“อืมแคทเธอรีน ในเมื่อเธอขอร้อง ฉันจะให้โอกาสเขา ถ้าเขาสามารถเอาชนะอัศวินศักดิ์สิทธิ์เดฟได้ ฉันจะยอมปล่อยเขาไป” อัลบรอนกล่าว
แคทเธอรีนขมวดคิ้วขึ้นเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์คือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในสันตะสำนัก ทุกคนต่างก็ครองพลังมหาศาล พวกเขาทุกคนเป็นนักรบโบราณ
นอกจากนั้นแคทเธอรีนยังรู้ถึงระดับพลังของเดฟเนื่องจากเขาได้รับมอบหมายให้ปกป้องพระคาร์ดินัล ดังนั้นพลังของเขาอย่างน้อยต้องอยู่ในขั้นสูงสุดใต้สวรรค์
“ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องงั้นผมจะล้มอัศวินศักดิ์สิทธิ์เอง เข้ามา มีอะไรก็งัดออกมา”
ฉิงเฟิงกล่าวกับเดฟและยิ้มเล็กน้อยเขารู้ดีว่าการเจรจากับกองกำลังที่ทรงอำนาจ คำพูดใดๆล้วนไร้ความหมาย ถ้าเขาต้องการที่จะได้รับอิสรภาพและความเคารพ เขาก็ต้องแข็งแกร่ง !
เดฟเดินเข้าหาฉิงเฟิงเขาสวมชุดเกราะและถือหอกไว้ในมือ หอกนี้มีความยาวสองเมตร ทั่วทั้งตัวหอกเป็นสีดำสนิท ส่วนปลายของมันส่องประกายระยิบระยับด้วยแสงที่หนาวเย็น
วูบ
!
เดฟเหวี่ยงหอกไปบนอากาศเขาแทงตรงเข้าที่หน้าอกของฉิงเฟิงในทันทีทันใด จุดประสงค์ของเขาคือต้องการใช้หอกแทงร่างของฉิงเฟิงและยกร่างชูขึ้นไปบนอากาศ
ฉิงเฟิงไม่หวาดหวั่นเขามีรอยยิ้มที่หนาวเย็น และกางนิ้วออกมาสองนิ้วคีบจับปลายหอกยาวที่พุ่งเข้ามาอย่างนุ่มนวล
ปลายหอกของเดฟทำจากวัสดุพิเศษซึ่งทำให้มันมีความคมอย่างไม่น่าเชื่อแต่เป็นที่น่าแปลกใจ นิ้วของฉิงเฟิงแข็งแรงจนสามารถคีบจับมันได้
เมื่อเดฟเห็นฉิงเฟิงใช้เพียงสองนิ้วหยุดหอกของเขาไว้ได้การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ในทันทีเขาออกแรงเพิ่มหวังจะกระชากหอกออกจากการยึดกุมสองนิ้วของฉิงเฟิง แต่ฉิงเฟิงก็รู้ทันและไม่ยอมให้เขากระชากหอกกลับ เขาจึงขยับมือจนเป็นผลทำให้ปลายหอกหักและตกลงที่พื้น
หอกของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตจากเหล็กและแร่ที่หายากนอกจากนี้ ภายในนั้นยังมีส่วนผสมของโลหะหายากอื่นๆด้วย ตอนที่มันพังทลายลงด้วยแรงจากสองนิ้วของฉิงเฟิงก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
“บัดซบ! คุณกล้าดียังไงมาทำลายหอกของผม ” เดฟขุ่นแค้น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
หอกถือเป็นสัญลักษณ์ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์มันเป็นอาวุธที่มีค่าที่สุดของพวกเขา เดฟใช้หอกมาหลายปีและเอาชนะศัตรูหลายคนด้วยมัน เขาผูกพันกับอาวุธชิ้นนี้อย่างลึกซึ้ง ตอนนี้มันถูกฉิงเฟิงทำลาย เป็นธรรมดาที่เดฟจนโกรธมาก
ทันใดนั้นร่างกายของเดฟก็ปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมาในอากาศเขาพุ่งไปข้างหน้า เหวี่ยงหมัดที่กำยำโจมตีเข้าใส่ฉิงเฟิงอย่างเหี้ยมโหด สร้างหลุมอากาศขึ้นมาถึงห้าหลุม
สูงสุดใต้สวรรค์
ฉิงเฟิงมองไปที่หลุมห้าหลุมในอากาศด้วยความสงบไม่มีร่องรอยแห่งความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาก็มีพลังในระดับสูงสุดใต้สวรรค์เช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนมาได้ไม่นาน แต่เทียบกับผู้อื่นแล้วเขาไร้เทียมทานในขอบเขตนี้
“ไสหัวไปรกหูรกตา !” ฉิงเฟิงคำรามดังลั่น เขารวบรวมแก่นแท้พลังไว้ที่หมัด เปลี่ยนมันเป็นสายลมที่พัดอย่างรุนแรง พุ่งเข้าหาเดฟอย่างเกรี้ยวกราด
กร๊อบ
!
หมัดของเดฟหักสะบั้นร่างกายของเขาลอยออกไปและพุ่งลงพื้นอย่างหนักหน่วงตามมาด้วยเสียงดังตูม !
พรู่ด
!!
เดฟอ้าปากกระอักเลือดคำโตออกมาร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ เขามองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความหวาดกลัวเต็มไปทั่วใบหน้าของเขา ชายหนุ่มตรงหน้านี้ทรงพลังกว่าที่เขาคาดคิดไปไกล
เพียงหนึ่งหมัดอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็พ่ายแพ้
ถือเป็นโชคร้ายสำหรับเดฟเขาไม่คู่ควรแม้แต่จะมีโอกาสได้เห็นโหมดเบอร์เซิร์กของฉิงเฟิงด้วยซ้ำ ฉิงเฟิงล้มเดฟได้ด้วยกำลังจากร่างกายล้วนๆโดยไม่ใช้พลังสายเลือดแม้แต่น้อย
“
วูฟคิงแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร
เขาเพิ่งจะผ่านการต่อสู้ที่อารีน่ามาไม่นานเอง
“
การแสดงออกของแคทเธอรีนเปลี่ยนไป ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะแข็งแกร่งและสามารถล้มกาโตร์คิงกับราชันเทควันโด้ได้ที่อารีน่าแต่เขาก็ต้องใช้พลังสายเลือด แต่ตอนนี้กับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกับราชันทั้งสอง ฉิงเฟิงไม่ได้เปิดใช้พลังสายเลือดแม้แต่น้อย
“สายเลือดผู้กลืนกินช่างวิเศษจริงๆมันทรงพลังมาก ฉันวิวัฒนาการแล้ว” ถึงแม้ว่าภายนอกฉิงเฟิงจะดูสงบแต่ในใจเขาก็ตื่นเต้นดีใจมาก
สายเลือดราชันหมาป่าเป็นส่วนหนึ่งของสายเลือดโบราณแห่งผู้กลืนกินมันมีความสามารถในการเขมือบโทเท็มสายเลือดอื่นๆและหลอมรวมมาเป็นพลังงานของตัวเอง ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉิงเฟิงนั้นทรงพลังอย่างน่าสะพรึงกลัว
“อลิซเราไปกันเถอะ” ฉิงเฟิงไม่สนใจอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่พ่ายแพ้ เขาจากไปพร้อมกับอลิซทันที
“ฉันพูดตอนไหนว่าคุณไปได้” ทันใดนั้นอัลบรอนก็ยืนขึ้น ทั่วร่างของเขาปลดปล่อยกลุ่มก้อนพลังงานขนาดใหญ่ออกมาจนปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ ฉิงเฟิงและอลิซชะงักในทันที ทั้งคู่ไม่อาจขยับร่างกายได้