My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 692 ลั่วหนี่ซาง สตรีผู้งดงามที่สุดของเมืองเทียนจิง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 692 ลั่วหนี่ซาง สตรีผู้งดงามที่สุดของเมืองเทียนจิง
โดยปกติแล้วรถลากมักจะใช้ม้าลากแต่รถลากคันนี้ใช้เสือลาก นี่เป็นหลักฐานยืนยันถึงศักดิ์ฐานะของเจ้าของรถคันนี้อย่างแน่นอน
เสือตัวนี้มีขนสีแดงเหมือนเข็มเหล็กและสูงถึงสี่เมตรมันมีฟันแหลมคมและมีลำตัวที่แข็งแรงจนทำให้รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจ
ในบรรดาสัตว์ป่าเสือเป็นสัตว์ที่รู้จักกันในชื่อ ‘ราชาแห่งสัตว์’ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีพละกำลังมหาศาล มีความดุร้ายและยากมากที่จะเลี้ยงมันให้ยอมสยบ
แต่เสือเหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อลากรถซึ่งยิ่งเป็นการเน้นถึงอัตลักษณ์ที่ทรงอำนาจของเจ้าของรถ
คนขับที่นั่งอยู่ข้างหน้ารถเป็นชายชราผู้หนึ่งถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากกว่า 70 ปีแล้วก็ตาม แต่แววตาของเขาก็ยังเป็นประกายที่เกรี้ยวกราด เพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง
ชายชราสวมโค้ทสีแดงและถือแส้ยาวสีแดงในมือความรู้สึกของความว่องไวและความรุนแรงเกิดขึ้นจากร่างกายของเขาซึ่งกระตุ้นความสนใจของทุกคน
~กึก..
เมื่อมาถึงหน้าประตูรถลากก็หยุดลง ชายชราเปิดประตูออกและยืนเฉยๆ
แขนเล็กๆบอบบางที่เรียวงามและขาวราวกับหิมะค่อยๆเอื้อมออกมาจากรถผู้หญิงที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดใจในเสื้อคลุมสีแดงก็ปรากฏกายออกมา
เธอมีใบหน้าที่มีเสน่ห์ผิวขาวกระจ่างใสเธอเปล่งประกาย มีเสน่ห์และงดงาม เธอมีเรือนร่างที่เย้ายวนใจด้วยส่วนโค้งเว้าที่น่าหลงใหล ชุดชีฟองสีแดงที่เธอสวมนั้นขับเน้นเนินอกได้รูปที่งดงามของเธอให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนที่เห็นต้องการที่จะคว้าจับและลูบไล้พวกมัน สตรีที่มีเสน่ห์ราวกับดอกกุหลาบอันละเอียดอ่อนดึงดูดสายตาของทุกคนโดยรอบในพริบตา
อึก…
ผู้คนโดยรอบต่างก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อกใบหน้าของพวกเขาต่างก็เป็นสีแดงและดวงตาเป็นประกาย
“หล่อนงดงามยิ่งนักมันยอดเยี่ยมมากถ้าหากได้แต่งงานกับเธอ”
“เจ้ากำลังฝันไปแล้ว”
“เธอคือลั่วหนี่ซางหรือเป็นที่รู้จักกันในนามกุหลาบมีหนามแห่งเมืองเทียนจิง ฉันพนันว่านายตายแน่นอนถ้าไปติดพันเธอ”
กุหลาบมีหนาม…
เมื่อได้ยินชื่อนี้ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
ในเมืองเทียนจิงถ้าหากใครจะตั้งชื่อผู้หญิงที่ดุร้ายที่สุดไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นกุหลาบมีหนาม เธอชอบล่าผู้ชายเซ็กซี่(เป็นยังไงวะนั่น)และทรมานพวกเขาไปสู่ความตาย แน่นอนว่าผู้ชายเหล่านี้ไม่ควรสงสาร เพราะพวกเขาบางคนก็หยาบคายกับเธอ อย่างไรก็ตาม เธอนับเป็นผู้หญิงที่น่าสะพรึงกลัว
ความอัศจรรย์ใจพาดผ่านดวงตาของฉิงเฟิง
กุหลาบมีหนาม
เธอคือกุหลาบมีหนาม ลั่วหนี่ซาง ผู้มีชื่อเสียงของเมืองเทียนจิงใช่ไหมนะ
ฉิงเฟิงเคยได้ยินฉายานี้มาก่อนเธอเป็นผู้หญิงที่ทรงอำนาจมากมาย ไม่เพียงแค่มีเรือนร่างที่งดงาม แต่เธอก็ยังดุร้ายอีกด้วย
“คุณหนูขอรับการประมูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โปรดรีบหน่อยครับ” ชายชราโค้งคำนับและกล่าวอย่างสุภาพนอบน้อม
ลั่วหนี่ซางพลิ้วร่างที่มีเสน่ห์เล็กน้อยทุกอิริยาบทของเธอเซ็กซี่และมีเสน่ห์ราวกับดอกกุหลาบที่เบ่งบาน
อย่างไรก็ตามในขณะที่ลั่วหนี่ซางกำลังจะเดินเข้าไป ชายชราที่อยู่ข้างเธอก็ถอนหายใจและมองไปที่ฉิงเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ปู่ลั่วทำไมไม่เดินไปละ ” ลั่วหนี่ซางหยุดชะงักและแสดงออกถึงความสับสนเล็กน้อยบนใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอ
“คุณหนูครับชายหนุ่มในชุดเขียวผู้นั้นก็คือวูฟคิง ราชันแห่งทวีปหมาป่า ผมได้ยินข่าวมาว่าฉินเซียนจื่อบุตรสาวของตำหนักมังกรพยายามเข้าหาเขา” ชายชราในชุดสีแดงกระซิบกับลั่วหนี่ซาง
*อธิบายนิดครับตอนแรกที่ฉินเซียนจื่อปรากฎตัว eng บอกว่าเธอเป็นคนของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ ( Red Fiery Emperor Palace แปลตรงตัวว่า ตำหนักหรือปราสาทแห่งเปลวเพลิงจักรพรรดิสีแดงที่ร้อนระอุ ทีนี้พอแปลมาถึงตอนนี้กลับบอกว่าฉินเซียนจื่อมาจากตำหนักมังกรซะงั้น (Dragon Palace) ตามน้ำไปก่อนนะ*
วูฟคิงงั้นหรือ
ลั่วหนี่ซางขมวดคิ้วเรียวงามแม้ว่าเธอจะมาจากตระกูลของยอดยุทธ์โบราณ แต่เธอก็รอบรู้ในเรื่องทางโลกของฆราวาสไม่น้อย วูฟคิงผู้นี้เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อโลกนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาห่อหุ้มโลกใต้ดินไว้ด้วยนิ้วมือและทีมเขี้ยวหมาป่าของเขาก็เป็นแรงบันดาลใจของรุ่นเยาว์ในยุคนี้ทั่วโลก
แต่ทว่าไม่ว่าวูฟคิงจะทรงอำนาจแค่ไหน ลั่วหนี่ซางก็ไม่ได้จริงจังกับเขามากนักเพราะเธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ซึ่งแข็งแกร่งกว่านักสู้ในโลกธรรมดา
สิ่งที่สำคัญต่อลั่วหนี่ซางจริงๆก็คือฉินเซียนจื่อเธอเป็นที่รู้จักกันในฉายา เทพธิดาโบตั๋น และเป็นศัตรูกับเธอ เทพธิดากุหลาบ พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน
หรือว่าวูฟคิงผู้นี้จะมีอะไรบางอย่างเป็นพิเศษถึงได้รับการยอมรับและถูกเลือกโดยเทพธิดาฉินเซียนจื่อ
ลั่วหนี่ซางคิดในใจอย่างรวดเร็วและตัดสินใจที่จะชักชวนวูฟคิงมาอยู่กับเธอเพราะเธอต้องการแย่งชิงทุกสิ่งของฉินเซียนจื่อ ในตอนนี้สี่สุดยอดตระกูลผู้ฝึกยุทธ์กำลังอยู่ในการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อหายอดฝีมือรุ่นเยาว์ผู้มากพรสวรรค์ตำหนักมังกรยังแก่งแย่งหายอดฝีมือเข้าร่วมด้วยเช่นกัน เนื่องจากดินแดนต้องห้ามคุนหลุนกำลังจะเปิดขึ้นในไม่ช้า ทีมสำรวจใดที่มียอดฝีมือมากความสามารถที่สุดก็จะได้สิ่งล้ำค่าในนั้นมากกว่าทีมอื่น
ลั่วหนี่ซางบิดเอวเพรียวบางเพียงหยิบมือของเธอและเดินไปตรงหน้าฉิงเฟิงและกล่าวว่า
“วูฟคิงสินะคะยินดีที่ได้พบ ชั้นชื่อลั่วหนี่ซาง”
ลั่วหนี่ซางมีใบหน้าที่น่าหลงใหลรูปร่างเซ็กซี่และน้ำเสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวล เธอมีเสน่ห์ที่ยากที่จะต้านทาน
“ฉันหลี่ฉิงเฟิง” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและเอื้อมมือออกไปจับมือกับลั่วหนี่ซาง
มือของเธอเล็กบอบบางและอ่อนนุ่มมากมันให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนราวกับริบบิ้นผ้าไหมที่คุณภาพและเรียบลื่น
เมื่อผู้คนได้เห็นฉิงเฟิงจับมือกับลั่วหนี่ซางพวกเขาต่างก็รู้สึกอิจฉา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮยหวู่ชางนั้นดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังอย่างรุนแรง เขาอยากจะสับฉิงเฟิงออกเป็นชิ้นๆ เพราะลั่วหนี่ซางคือสตรีที่เขาต้องการจะพิชิต
เมื่อเห็นผู้หญิงที่ตนเองโปรดปรานเป็นมิตรกับผู้ชายคนอื่นเขารู้สึกเหมือนกับถูกหักหน้าเข้าอย่างจัง
ฉิงเฟิงรู้สึกยินดีมากภายใต้ดวงตาทิ่มแทงด้วยความอิจฉามากมายรอบๆตัวเขาเขาคิดในใจว่า
แหมฉันนี่มันมีเสน่ห์โดยแท้
เพียงแค่ยืนทะเลาะกับเจ้าพวกนี้แต่ผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองเทียนจิงกลับมาทักทายและขอจับมือ
“วูฟคิงชั้นขอเชิญคุณเข้าร่วมงานประมูลกับชั้น ไปด้วยกันไหมคะ ” ลั่วหนี่ซางมอบรอยยิ้มอย่างน่าหลงใหลโลกทั้งใบดูสว่างขึ้นราวกับดอกไม้ที่สวยที่สุดได้บานสะพรั่งในป่า ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกตะลึงกับเสน่ห์ที่รุนแรงของเธอ
“แน่นอนถือเป็นเกียรติของฉัน” ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าว
ฉิงเฟิงเดินเข้างานประมูลพร้อมกับลั่วหนี่ซางท่ามกลางสีหน้าริษยาของผู้คนโดยรอบไม่ว่าจะเป็นเฮยหวู่ชาง เฮลคิง โยชิจิโร่และผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆอีกหลายคนต่างก็มองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความอิจฉาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา แต่ฉิงเฟิงก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
“บ้านประมูลของตระกูลลั่วสมควรแล้วที่มีชื่อเสียงและเป็นที่น่าเคารพนับถือมากที่สุดในเมืองเทียนจิงผู้คนมากมายนัก” เมื่อฉิงเฟิงเข้ามาในห้องโถง เขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันยิ่งใหญ่
ห้องโถงตกแต่งด้วยทองคำและเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่กันอย่างคึกคักทั่วทั้งบริเวณ ท่ามกลางกลุ่มฉิงเฟิงได้เห็นตระกูลระดับสูงมากมายของเมืองเทียนจิง มีทั้งบุตรชายบุตรสาวจากตระกูลใหญ่, มหาเศรษฐีรวมถึงเหล่ายอดยุทธ์จากนิกายโบราณต่างๆอีกมากมาย
จากนั้ลั่วหนี่ซางก็พาฉิงเฟิงไปที่ห้องVIP 1 ส่วนราชาอสูรสิงโตและราชาอสูรมังกรเขียวนั้นไม่สามารถเข้าร่วมได้ พวกเขาจึงต้องรออยู่นอกห้อง
ห้องนี้มีเนื้อที่กว่า50 ตารางเมตร มันหรูหรามากและทำด้วยทองคำ
กล่าวได้เต็มปากว่าลั่วหนี่ซางชอบทองคำไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งภายในบ้านประมูลหรือห้องก็ตามต่าง พวกมันมีสีทองแทบทั้งหมด
ลั่วหนี่ซางนั่งบนเก้าอี้สีทองพร้อมกับกลอกตาเล็กน้อยเธอพยายามจะเข้าใกล้ฉิงเฟิง