My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 705 เหล่าผู้ที่มีชะตาฟ้า
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 705 เหล่าผู้ที่มีชะตาฟ้า
บนภูเขาเทียนหมิงหยุนนอกเมืองตงไห่
หลินเสวี่ยนอนอยู่บนหิมะที่ใต้หน้าผาร่างของเธอเต็มไปด้วยเลือด แต่เธอดูคล้ายกับเอลฟ์ที่งดงามตัวหนึ่งที่กำลังนอนหลับสบายบนกองหิมะ
โทเท็มรูปนกฟีนิกซ์กลายเป็นส่วนหนึ่งของหน้าอกหลินเสวี่ยเมื่อเลือดของเธอไหลลงบนโทเท็ม ฟินิกซ์สีขาวตัวหนึ่งพยายามที่จะบินออกไป
นกฟีนิกซ์เป็นราชาแห่งนกทั้งปวงและเป็นมารดาของสัตว์ทุกชนิดในฐานะที่เป็นสัตว์ในตำนานตามนิทานพื้นบ้าน นกฟีนิกซ์จะมีสีแดงเพลิงและเป็นที่รู้จักกันในฐานะฟีนิกซ์เพลิง ในขณะที่มันพ่นลมหายใจออกมาเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ แต่ทว่า มีนกฟินิกซ์อีกจำพวกหนึ่ง ฟินิกซ์น้ำแข็งซึ่งสามารถปล่อยลมหายใจออกมาเป็นน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกได้
เนื่องจากหลินเสวี่ยได้รับบาดเจ็บและกำลังจะตายสายเลือดของฟีนิกซ์ภายในตัวเธอตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยชีวิตเจ้านายแม้ว่าจะมีเพียงส่วนเล็กๆที่ตื่นขึ้นก็ตาม
ฟินิกซ์น้ำแข็งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นและปรากฏเกล็ดหิมะหมุนรอบๆตัวหลินเสวี่ย
บัวหิมะปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้ามันอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้ามาก, สูงขึ้นไปถึงหลายร้อยกิโลเมตร มันดูสูงส่งบริสุทธิ์และไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าของมนุษย์เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นสุดยอดฝีมือ
สัตว์ทุกตัวที่อยู่รอบตัวเธอต่างโค้งคำนับลงด้วยความหวาดกลัวและรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณอันงดงามที่สูงส่งบนท้องฟ้า
เหล่าสัตว์ต่างน้อมคำนับ,บัวหิมะปรากฏบนท้องฟ้า ภาพที่เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นระหว่างผืนดินและท้องฟ้า หลินเสวี่ยเป็นดั่งเทวีซึ่งปกครองสวรรค์และปฐพี
“คุณปู่ดูนั่นสิเกล็ดหิมะกำลังหมุนไปมาอยู่ตรงนั้น” เด็กสาวคนหนึ่งชี้ไปที่เกล็ดหิมะที่กำลังหมุนอย่างผิดธรรมชาติและยิ้ม เธอเป็นเด็กผู้หญิงอายุประสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีเธอมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนสวยงามและมีดวงตาที่ใสบริสุทธิ์ราวกับว่าเธอเคยไม่เคยถูกความสกปรกของโลกทำให้มัวหมองแม้แต่นิดเดียว
มีชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปีอยู่ข้างๆเธอเขาดูหล่อเหลาทีเดียว คิ้วที่คมกริบเหมือนกระบี่ ดวงตาของเขาส่องประกายเหมือนดวงดารา เขาเป็นพี่ชายของเด็กผู้หญิงที่ดูบริสุทธิ์คนนี้
ชายชราคนหนึ่งในวัยเจ็ดสิบเดินตามชายหนุ่มและเด็กสาวคู่นี้มาผมของเขาเป็นสีเทา แต่เขายังดูแข็งแรงมาก ดวงตาของเขาส่องประกายเป็นครั้งคราวด้วยหลังที่ยังเหยียดตรง ไม่มีร่องรอยความชราแม้แต่น้อย
พวกเขาทั้งสามคนอยู่ในเครื่องแต่งกายโบราณและดูไม่เข้าไม่ยุคสมัยเลย
ชายชราคนนั้นกำลังถือผังแปดทิศไว้ในมือและใช้มันเพื่อนำทางราวกับว่าเขากำลังมองหาบางสิ่งบางอย่าง เขามองไปในทิศทางที่เด็กสาวชี้ไปและเห็นเกล็ดหิมะกำลังหมุนไปมาบนท้องฟ้าผังแปดทิศก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน
“พวกเราได้พบคนที่ฟ้าลิขิตไว้แล้ว”ชายชราหัวเราะอย่างมีความสุข
เขาเป็นนักบวชยอดฝีมือผู้ซ่อนเร้นจากโลกภายนอกเขาฝึกตนอยู่ในภูเขาลึกห่างไกลผู้คน เขาพบว่าคนที่ฟ้าลิขิตไว้จะตรงอยู่ในบริเวณนี้ในขณะที่เขากำลังใช้ผังแปดทิศทำนายดวงชะตา
ชายชรากำลังรอวันที่จะได้พบกับคนที่ฟ้าลิขิตผู้นี้
ฟ้าลิขิตก็หมายถึงถูกเลือกโดยสวรรค์
เขารีบพาชายหนุ่มและเด็กสาวไปตรงจุดที่เกล็ดหิมะกำลังหมุนวนและได้พบหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนกองหิมะอย่างเงียบงัน
ผู้หญิงคนนี้งดงามไร้ที่ติเธอมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนราวกับดอกโบตั๋น ขนตาเป็นแพยาวเหมือนต้นวิลโลว์ ริมฝีปากแดงที่มีเสน่ห์ราวกับลูกเชอร์รี่ ไม่มีผู้หญิงคนใดจะงดงามเท่าผู้หญิงคนนี้
ในบรรดาผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่ชายหนุ่มเคยเห็นมาทั้งชีวิตผู้หญิงคนนี้งดงามที่สุด ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่งดงามของหลินเสวี่ยด้วยความตกตะลึง
ชายชราเดินรอบๆตัวเธอด้วยผังแปดทิศเขาพึมพำคาถาแปลกๆออกมาและตัวอักษรลึกลับทั้ง 8 ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันไม่ใช่ตัวอักษรจีนหรือตัวอักษรใดๆของหัวเซี่ย แต่มันเป็นตัวอักษรโบราณ
ตัวอักษรเหล่านั้นได้สะท้อนแสงสีทองออกมาอย่างน่ามหัศจรรย์ราวกับว่าพวกมันมีมหาอำนาจบางอย่างทันใดนั้นเกล็ดหิมะก็แข็งค้างอยู่ในอากาศทันที
อักขระทั้งแปดตัวอ่านได้ว่า“Black Ice Immortal, Ice Phoenix Bloodline” (เหมันต์ทมิฬอมตะ, สายเลือดฟินิกซ์เหมันต์)
จากนั้นพวกมันก็หายไปในแสงสว่างราวกับว่าพวกมันไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
ชายชรารู้สึกตื่นเต้นมากเขาเกือบจะเป็นลมด้วยความตื่นเต้น คำว่าทำนายว่า เหมันต์ทมิฬอมตะ, สายเลือดฟินิกซ์เหมันต์ กล่าวไปแล้วคนอื่นๆอาจไม่ทราบความหมาย แต่ตัวเขานั้นรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร นั่นหมายความว่าเธอผู้มีชะตาฟ้าผู้นี้มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ และมีสายเลือดที่เป็นเอกลักษณ์ ในอนาคตเธอจะต้องเป็นปรมาจารย์ของแผ่นดิน
“ท่านปู่ใจเย็นก่อน ผู้หญิงคนนี้เป็นใครหรือขอรับ ” ชายหนุ่มดูสับสนกับท่าทีของชายชรา
เขารู้ว่าปู่ของเขาเป็นยอดฝีมือซ่อนเร้นจากนิกายชะตาฟ้าเขามีพลังมากจนสามารถทำนายอนาคตได้ แต่เขาก็ไม่เคยมีท่าทางตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ตอนที่พบกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งของหัวเซี่ย
“เจ้าไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ฟ้าลิขิตไว้” ชายชรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว มันดูเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังมองลงมาที่เขาเช่นกัน
คนที่ฟ้ากำหนด
สองพี่น้องต่างก็ประหลาดใจกับคำพูดของชายชราด้วยปากที่เปิดกว้าง
พวกเขามาจากนิกายชะตาฟ้าดังนั้นจึงว่ารู้ว่าคนที่ฟ้ากำหนดคืออะไร มันคือใครบางคนที่สวรรค์เลือก และอาจจะเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ได้
โลกนั้นลึกลับและกว้างใหญ่มีกองกำลังอำนาจลึกลับอื่นๆอีกมากมายเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ พวกเขาเหล่านั้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมที่เร้นลับของโลก และไม่เปิดเผยตัวตนต่อโลกภายนอก
คนที่ถูกกำหนดคือสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกและเป็นตัวแทนของโลกที่ได้รับการแต่งตั้งจากสวรรค์
แน่นอนว่าผู้ที่ฟ้าลิขิตนั้นมีมากกว่าหนึ่งคนฉินเซียนจื่อลูกสาวคนโตของตำหนักมังกร ใน, นายน้อยแห่งนิกายโลหิตสีชาด และออกัสตินลูกชายคนโตและนายน้อยแห่งสมาพันธ์เทวานภาแห่งทวีปเสือ
แต่ละคนที่ถูกกำหนดจะต้องสู้กันเพื่อให้ได้มาซึ่งฉายาผู้ปกครองแห่งโลกหล้าอย่างไรก็ตามสายเลือดของพวกเขายังไม่ตื่นขึ้น
ตัวอย่างเช่นหลินเสวี่ยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเธอเป็นคนที่มีชะตาฟ้าทั้งหมดที่เธอรู้ก็คือเธอเป็นซีอีโอของบริษัท Ice Snow และเป็นคนธรรมดาในโลกฆราวาส
“ท่านปู่สาวงามคนนี้ได้รับบาดเจ็บ ช่วยเธอก่อนที่เธอจะแข็งตายเถอะขอรับ” ชายหนุ่มรูปงามกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความคิดของเขาไม่บริสุทธิ์เมื่อเขารู้จากปู่ว่าเธอคือคนที่มีชะตาฟ้า
เขาและน้องสาวต่างก็ทรงพลังและแข็งแกร่งมากแต่ก็ยังไม่ใช่คนที่ถูกฟ้ากำหนดถ้าเขาสามารถครอบครองสาวงามคนนี้และทำให้เธอหลงรักเขาได้ เขาอาจจะกลายเป็นสามีของเจ้าผู้ครองแผ่นดินในอนาคตก็เป็นได้ “เฮอะพี่ใหญ่ ดูเหมือนพี่จะมีความคิดไม่ค่อยบริสุทธิ์นัก” เด็กสาวเห็นแววตาที่ดูตื่นเต้นของพี่ชายและกล่าวออกมา
พูดจากใจจริงเธออิจฉาผู้หญิงคนนี้เล็กน้อยเธอไม่เพียงแค่งดงามมากแต่ยังเป็นผู้ที่มีชะตาฟ้า
“พวกเราอยู่ในเขตชานเมืองหากปล่อยเธอไว้ที่นี่แน่นอนว่าย่อมไม่ปลอดภัย ดังนั้นเราจะพาเธอออกไปจากที่นี่” ชายชรายิ้ม เขาบอกให้เด็กสาวพาหลินเสวี่ยและออกไปจากที่นี่
…
เมืองตงไห่วิลล่าที่ 13
ซูเมิ่งเหยาและตำรวจแทบทั้งหมดต่างก็กำลังเฝ้าดูกล้องทุกตัวบนถนนของเมืองตงไห่ถ้าหลินเสวี่ยออกจากบ้านเธอจะต้องถูกกล้องสักตัวจับภาพได้แน่นอน
“ฉิงเฟิงพวกเราเจอเธอแล้ว ! เธอมุ่งหน้าไปยังชานเมืองทางทิศเหนือด้วยกระเป๋าเดินทางสีแดงเมื่อตอนตีหนึ่ง” ซูเมิ่งเหยาเห็นภาพหลินเสวี่ยและตะโกนออกมา