My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 707 คำสาปแห่งความตาย
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 707 คำสาปแห่งความตาย
ภูเขาชะตาฟ้านิกายชะตาฟ้า
หลินเสวี่ยกำลังนอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งภายในตำหนักขนาดใหญ่เธอนอนอย่างเงียบสงบและยังคงไร้ซึ่งสติ
ผู้อาวุโสชะตาฟ้า,ชายชราผู้ซึ่งช่วยหลินเสวี่ยไว้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเตียงน้ำแข็ง การแสดงออกของเขามืดมน
“ท่านปู่ทำไมสาวงามคนนี้ถึงยังไม่ได้สติ” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาถามด้วยความประหลาดใจ
มันก็ผ่านมานานแล้วหลังจากที่พวกเขาได้ช่วยเธอกลับมาพวกเขาป้อนยาให้เธอมากมาย ตามหลักแล้วเธอควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว มันแปลกมากที่ยังคงไม่ได้สติ
ยาทิพย์ของนิกายชะตาฟ้าล้ำค่ามากมันทำจากสมุนไพรที่มีค่าด้วยวิธีพิเศษ มันสูงค่ามากจนแม้แต่เหล่าสาวกของนิกายจะไม่มีใช้มันใช้สถานการณ์ทั่ว แต่พวกเขายอมใช้มันเพื่อช่วยเหลือหลินเสวี่ย แต่สุดท้ายพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งยาทิพย์ก็ไม่ได้ผล
ผู้อาวุโสชะตาฟ้าขมวดคิ้วและเดินไปใกล้ๆหลินเสวี่ยเขาวางมือบนข้อมือของหลินเสวี่ยและส่งปราณแท้เข้าไปในร่างกายเธอ จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบสภาพร่างกายของเธอ
ทันใดนั้นเองพลังที่แปลกประหลาดสายหนึ่งปรากฏขึ้นในร่างกายของหลินเสวี่ย พลังประหลาดสายนี้ทรงอำนาจมากจนผลักอาวุโสชะตาฟ้าจนกระเด็น
ต้องรู้ว่าผู้อาวุโสชะตาฟ้าเป็นจ้าวนิกายชะตาฟ้าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจก็คือเขาถูกผลักกระเด็นจากพลังในร่างกายของหลินเสวี่ย
“สาปแห่งความตาย” เธอถูกสาปด้วยคำสาปแห่งความตาย !?” อาวุโสชะตาฟ้ากล่าวอย่างหวาดกลัว ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลว่าทำไมสาวงามคนนี้ถึงยังสลบไสลไม่ได้สติและเหตุผลที่พลังแห่งสายเลือดของเธอไม่ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ยอดฝีมือในตำนานผู้หนึ่งได้สาปแช่งหลินเสวี่ยด้วยคำสาปแห่งความตาย
“ช่างชั่วร้ายนัก!!” อาวุโสชะตาฟ้าสบถออกมาด้วยความโกรธ เขาไม่เคยโกรธกริ้วมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต สาวงามที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้มีสายเลือดฟินิกซ์เหมันต์ เธอเป็นคนที่พระเจ้าเลือกแต่เธอกลับถูกสาปด้วยคำสาปแห่งความตาย
“ท่านปู่ท่านกำลังจะบอกว่าสาวงามคนนี้กำลังจะตายในไม่ช้า ” ชายหนุ่มที่หล่อเหลาถามด้วยความห่วงใย
ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้มีความรู้สึกต่อสาวงามที่ไร้สติคนนี้มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเกินไปถ้าเธอต้องตาย
“ก็ไม่เชิงเธอจะไม่ตายถ้าหากเธอไม่ใช้พลังแห่งสายเลือดฟินิกซ์เหมันต์ของเธอ กล่าวให้เข้าใจง่ายๆก็คือเธอจะมีชีวิตยืนยาวตามปกติถ้าหากเธอไม่ก้าวข้ามมาเป็นผู้ฝึกยุทธ์และใช้ชีวิตอย่างปุถุชน” อาวุโสชะตาฟ้ากล่าวด้วยความเศร้าใจ
เป็นคนธรรมดางั้นหรือ
ใบหน้าของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเต็มไปด้วยความเสียใจเธอถูกสาปด้วยคำสาปแห่งความตายและไม่สามารถเปิดใช้งานพลังแห่งสายเลือดฟินิกซ์เหมันต์ได้ สาวงามคนนี้ช่างน่าสงสารนัก
“ท่านปู่ท่านสามารถปลุกเธอได้หรือไม่” ชายหนุ่มหล่อเหลาถามด้วยความหวังในน้ำเสียงของเขา
ถึงแม้ว่าหลินเสวี่ยจะไม่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้แต่เธอก็เป็นสาวงามที่หายากได้ยากยิ่ง คงจะดีไม่น้อยถ้าเขาสามารถตามจีบเธอ
อาวุโสชะตาฟ้าส่ายหัวและกล่าวว่า”เธอตกอยู่ในสภาพหลับลึกซึ่งเกิดจากการสะกดจิตด้วยตัวเองเธอถ้าข้าเดาไม่ผิดเธอต้องพบกับเรื่องน่าเศร้าในชีวิตมาก่อน เธอจึงเข้าสู่สภาวะนี้เพราะไม่ต้องการพบเจอผู้คน และคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด”
อาวุโสชะตาฟ้าเคยเจอกับคนที่ตกอยู่ในสภาวะนี้มาก่อนในอดีตโดยปกติจะเกิดขึ้นหลังจากที่คนๆนั้นต้องทุกข์ทรมานกับความโศกเศร้าที่สุดแสน ดังนั้นคนเหล่านี้จึงสะกดตัวเองอยู่ในสภาพหลับลึก
ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในห้องและกล่าวด้วยความตกใจว่า“ท่านจ้าวนิกาย เกิดเรื่องแล้วขอรับ ! เหล่ายอดยุทธ์มากมายมาชุมนุมกันอยู่ด้านนอกนิกาย พวกเขาร่ำร้องว่าต้องการพบผู้ที่ฟ้าลิขิต”
ชายหนุ่มคนนี้อายุประมาณยี่สิบและสวมชุดของนิกายชะตาฟ้าเขาเป็นสาวกที่เฝ้าหน้าประตูของนิกาย
“พวกเขาเป็นใคร พวกเขากล้าดีอย่างไร ? พวกเขาไม่รู้หรือไงว่าพื้นที่ของนิกายชะตาฟ้านั้นห้ามบุคลภายนอกเข้ามา !?” ชายหนุ่มหล่อเหลากล่าวด้วยความโกรธ
“พะ…พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาขอรับ มีฉินเซียนจื่อจากตำหนักมังกร, เหลิงเสวี่ยจากนิกายโลหิตสีชาด, ลั่วหนี่ซางจากตระกูลลั่ว, เจียงไป่เต๋าจากตระกูลเจียงและยอดฝีมืออีกมากมาย” ชายหนุ่มกล่าวรายงานด้วยความตกใจ
ถึงแม้ว่านิกายชะตาฟ้าจะเป็นนิกายซ่อนเร้นที่ทรงอำนาจแต่เหล่ายอดยุทธ์ที่อยู่ด้านนอกก็เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของหัวเซี่ยเช่นกัน พวกเขาแต่ละคนต่างก็เป็นตัวแทนของแต่ละตระกูล หากพวกเขามารวมตัวกันแน่นอนว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่านิกายชะตาฟ้า
อาวุโสชะตาฟ้ายังมีท่าทีสงบเยือกเย็นดูเหมือนว่าเขาจะคาดการณ์การมาเยือนของคนเหล่านั้นได้ เขากล่าวอย่างใจเย็นว่า “เจ้าพาพวกเขาไปที่ห้องโถงใหญ่ก็แล้วกัน”
“ขอรับ!” ชายหนุ่มกล่าวตอบรับก่อนที่จะวิ่งไป เขากลัวว่าถ้าเขากลับไปช้าคนเหล่านั้นอาจจะไม่พอใจสนสังหารเหล่าสาวกที่เฝ้าอยู่หน้าประตู เพราะพวกเขาเหล่านั้นต่างก็มีภูมิหลังที่ทรงอิทธิพล
จากนั้นไม่นานฉินเซียนจื่อ เหลิงเสวี่ย ไป๋หวู่ชาง (หน้ากากขาวคู่หูเฮยหวู่ชางหน้ากากดำที่เพิ่งตายไป) ลั่วหนี่ซางและเจียงไป่เต๋าก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ พวกเขาบางคนในกลุ่ม เช่นเหลิงเสวี่ยและฉินเซียนจื่อเป็นผู้ที่ฟ้าลิขิต ในขณะที่คนอื่นๆก็เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาต่างก็มารวมตัวกันที่นี่เพื่อพบหน้าผู้ที่ฟ้าลิขิตคนใหม่
“ช่างงดงามอะไรเช่นนี้!”
ดวงตาของเหลิงเสวี่ยเริ่มร้อนขึ้นเมื่อเขาได้เห็นใบหน้าของหลินเสวี่ยผู้หญิงตรงหน้าเขาคนนี้งดงามผิดธรรมดา เธอมีใบหน้าที่มีเสน่ห์และรูปร่างที่เกินบรรยายในความเยือกเย็น เธอราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
“อาวุโสชะตาฟ้า,ท่านสามารถมอบแม่นางผู้นี้ให้เป็นของขวัญแก่ข้าได้หรือไม่ ”
ต้องยอมรับว่าเหลิงเสวี่ยนั้นหยิงยโสโอหังมากทันทีที่เขาเดินเข้าไปในห้องโถงและเห็นหน้าหลินเสวี่ย เขาก็เอ่ยปากขอคนในทันทีอย่างไม่เกรงใจใคร
“หลิงเสวี่ยท่านพูดจาล้ำเส้นเกินไปแล้วตำหนักมังกรยังมิได้กล่าวอันใด ข้าขอเป็นตัวแทนของตำหนักมังกร ข้าต้องการตัวสาวงามผู้นี้” ฉินเซียนจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
“ตำหนักโกสคิงก็สนใจผู้หญิงคนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน”ไป๋หวู่ชางกล่าวเบาๆ เขาเป็นศิษย์พี่ของเฮยหวู่ชางและเป็นหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์แห่งตำหนักโกสคิง เขามีพลังมากกว่าเฮยหวู่ชาง
ฉิงเฟิงที่เพิ่งเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่เมื่อเขาได้ยินข้อโต้แย้งของฝูงชน ความรู้สึกของเขาก็มืดครึ้มอย่างรุนแรง เขาคิดในใจว่า
“บัดซบ
!
หลินเสวี่ยเป็นภรรยาของฉันพวกแกกล้าดียังไงมาขอตัวเธอ ไม่เห็นหัวกันเลยหรือไง
“
ตูม! ตูม ! ตูม !
ฉิงเฟิงกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างรุนแรงในขณะที่เขาก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ดวงตาของเขาเป็นประกายคมกริบอย่างเยือกเย็น
“เฮ้ย! พวกแก ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของฉัน ไสหัวไปไกลๆซะถ้าไม่อยากตาย”
ฉิงเฟิงกล่าวในขณะที่เขาเดินเข้าไปในฝูงชน
อะไรนะ
ภรรยา
ทุกคนต่างก็มึนงงอยู่ครู่หนึ่งดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แม้แต่อาวุโสชะตาฟ้าก็มีสีหน้าประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะแต่งงานมีสามีแล้ว อีกทั้งสามีของเธอก็ปรากฏตัวในทันที
ดวงตาของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความกังวลและความเศร้าโศกเมื่อเขามองไปที่รูปลักษณ์ที่หลับสนิทของหลินเสวี่ยเขาโอบหลินเสวี่ยไว้ในอ้อมแขนและเตรียมจะจากไป อย่างไรก็ตาม เขาถูกชายหนุ่มหล่อเหลาของนิกายชะตาฟ้าขวางเอาไว้ ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชาว่า
“ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าพาเธอไป!”
“ไสหัวไป!” ฉิงเฟิงกำลังอยู่ในอารมณ์แย่ๆและหงุดหงิดอย่างมาก ประการแรกหลินเสวี่ยสลบไสลไม่ได้สติ ประการที่สอง คนเหล่านี้กำลังต่อสู้แย่งชิงตัวเธอราวกับหลินเสวี่ยเป็นวัตถุสิ่งของ
ประกายแห่งความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นนายน้อยแห่งนิกายชะตาฟ้า ลู่อิง เจ้ากล้าดียังไงมาพูดจากับข้าเช่นนี้ !?”
ลู่อิงโกรธมากที่ถูกหักหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายในถิ่นของตนเอง