My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 712 ไล่ต้อนยอดยุทธ์อันดับหนึ่งขั้นเหนือสวรรค์
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 712 ไล่ต้อนยอดยุทธ์อันดับหนึ่งขั้นเหนือสวรรค์
“เหลิงเสวี่ยไปตายซะ
!!”
ฉิงเฟิงคำรามลั่นอย่างบ้าคลั่งและพุ่งเข้าหาเหลิงเสวี่ย
ร่างกายของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยพลังขณะที่โลหิตมังกรภายในร่างกายของเขากำลังระเบิดออก ทุกอย่างที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือสู้ ! และ สังหาร ! เขาจำเป็นต้องปลดปล่อยพลังส่วนเกินออกมา
ฉิงเฟิงเหวี่ยงหมัดที่เต็มไปด้วยพลังออกมาเงาร่างมังกรและหมาป่าพัวพันอยู่รอบๆหมัดของเขา ส่งผลให้เกิดพลังที่ดุร้ายมหาศาล หมัดของเขาระเบิดอากาศรอบๆออกโดยตรง จนเกิดลมหมุนเป็นเกลียวขึ้นในอากาศ
เหลิงเสวี่ยเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะกับหมัดของฉิงเฟิงสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป พลังภายในร่างของเขาส่งผ่านไปที่หมัดอย่างรวดเร็ว
“
หมัดอสูรโลหิต
!!
“
เหลิงเสวี่ยคำรามออกมาหมัดขวาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดและกระแทกปะทะกับหมัดของฉิงเฟิงอย่างรุนแรง
โครม
!!!
หมัดทั้งสองปะทะกันเกิดเสียงดังสนั่นราวกับรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงประสานงากันบนทางด่วนมันดูดกลืนอากาศโดยรอบไว้ที่จุดปะทะ ไม่เพียงเท่านี้ ความรุนแรงจากการปะทะได้แผ่กระจายออกไปสู่สภาพแวดล้อมโดยรอบ และสร้างหลุมขนาดใหญ่สองหลุมขึ้นบนพื้นดิน พรู่ด
!!
เหลิงเสวี่ยกระอักเลือดคำโตออกมาใบหน้าของเขาไร้สีสัน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ
เมื่อได้เห็นฉิงเฟิงทำร้ายเหลิงเสวี่ยจนบาดเจ็บก็ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขารู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของเหลิงเสวี่ยเป็นอย่างดี เขาเป็นยอดยุทธ์อันดับหนึ่งที่อยู่ต่ำกว่าเพียงขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้น
แต่ตอนนี้ยอดยุทธ์หมายเลขหนึ่งกลับได้รับบาดเจ็บจากการปะทะหมัดกับฉิงเฟิงเพียงแค่ครั้งเดียว!
ทั้งลั่วหนี่ซางและฉินเซียนจื่อดวงตาเปล่งประกายอย่างงดงาม มันเป็นแววตาของผู้หญิงที่ชื่นชมผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ใบหน้าของเจียงไป่เต๋ามืดครึ้มลงเขาก็เป็นหนึ่งในสามยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์และมีฝีมือใกล้เคียงกับเหลิงเสวี่ย ดังนั้นถ้าหากฉิงเฟิงสามารถทำร้ายเหลิงเสวี่ยจนได้รับบาดเจ็บได้ก็หมายความว่า เขาก็เอาชนะตนเองได้เช่นกัน
ใจจริงแล้วเจียงไป่เต๋าต้องการร่วมมือกับเหลิงเสวี่ยเพื่อสังหารฉิงเฟิงเขารู้สึกว่าตนเองถูกคุกคามอย่างสิ้นเชิงจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วของเขา เขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในขณะที่เจียงไป่เต๋าขยับตัว ลั่วหนี่ซางก็ก้าวออกมาและขวางทางของเขาไว้ราวกับว่าเธออ่านใจเขาออก ถ้าเขาลงมือเธอก็จะลงมือเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเจียงไป่เต๋าได้แต่ในฐานะลูกสาวคนโตของหนึ่งในสี่ตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนจิง เธอก็ยังมีความสามารถมากพอที่จะยับยั้งเขาได้ชั่วคราว
จากนั้นฉินเซียนจื่อก็ก้าวออกมาขวางเช่นกันถึงแม้ว่าเธอกับลั่วหนี่ซางจะเป็นศัตรกัน แต่เธอก็ชอบฉิงเฟิงไม่น้อย เขายอมต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเหล่าเพื่อภรรยาของเขา
ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตมีเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกเมื่อได้เห็นฉิงเฟิงทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งก็ทำให้พวกเธอรู้สึกชื่นชม ประกอบกับพวกเธอต้องการดึงเขาให้เข้าร่วม ดังนั้นพวกเธอย่อมต้องช่วยเขาเป็นธรรมดา
เมื่อเจียงไป่เต๋าเห็นลั่วหนี่ซางและฉินเซียนจื่อออกหน้าช่วยฉิงเฟิงครั้งแล้วครั้งเล่าเขาก็ขมวดคิ้วแน่นและหยุดมือ เขารู้ว่าถ้าผู้หญิงสองคนนี้ร่วมมือกัน เขาก็ไม่อาจรับมือไหว
“บัดซบเอ้ย! ไอ้หมอนี่มีทั้งลั่วหนี่ซางและฉินเซียนจื่อคอยช่วยเหลือ” ในใจของเจียงไปเต๋าเต็มไปด้วยความริษยา
“ช่างเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อนัก”แววตาของเหลิงเสวี่ยเต็มไปด้วยความตกใจพร้อมกับความสับสนวุ่นวาย
เขาอยู่ในขั้นสูงสุดเหนือสวรรค์ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในรายการอันดับขั้นเหนือสวรรค์เขาแข็งแกร่งมาก แต่หลังจากที่ปะทะหมัดกับฉิงเฟิงจนได้รับบาดเจ็บ เขาก็รู้สึกอับอายขายหน้า
เหลิงเสวี่ยไม่รู้ว่าโลหิตมังกรและพลังสายเลือดราชันหมาป่าทำให้ฉิงเฟิงไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกันไม่ต้องพูดถึงขั้นเหนือกว่า ตราบใดที่พลังสายเลือดยังไม่หมดเวลา เขาก็สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้
ถ้าหากเหลิงเสวี่ยเป็นยอดยุทธ์ในขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ฉิงเฟิงอาจจะต้องหวั่นอยู่หลายส่วน แต่น่าเสียดายสำหรับเขาที่อยู่แค่ขั้นสูงสุดเหนือสวรรค์ ในขอบเขตนี้ฉิงเฟิงไม่หวั่นกลัวแม้แต่น้อย
“
เอาอีกที
!
“
ฉิงเฟิงคำรามออกมาพลังที่ดุร้ายระเบิดปะทุภายในร่างกายของเขาอีกครั้ง เขาเหวี่ยงหมัดเข้าใส่เหลิงเสวี่ยอย่างดุดัน ปัง
!!
ร่างของเหลิงเสวี่ยกระเด็นเขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“บ้าชัดๆ! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร !” เหลิงเสวี่ยสบถออกมา เขารู้ว่าฉิงเฟิงกำลังอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง พลังของเขากร้าวแกร่งดุดันเกินไป
ถอยข้าต้องถอยก่อน
!
เหลิงเสวี่ยหันกายและเตรียมจะวิ่งหนีเขาคือนายน้อยแห่งนิกายโลหิตสีชาดและยอดยุทธ์หมายเลขหนึ่งขั้นเหนือสวรรค์ เขาเคยแต่สังหารผู้คน แต่ตอนนี้เขากลับต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
“
จะหนี
ไม่มีทาง” “
ตาย
!!!”
ฉิงเฟิงคำรามอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายรุนแรง
เปรี้ยง
!!
ฉิงเฟิงออกหมัดอีกคราหมัดกระแทกเข้าใส่หลังของเหลิงเสวี่ยอย่างดุดัน ทำให้ซี่โครงของเขาหักในทันที หากว่าร่างกายของเขาไม่ได้ฝึกฝนจนแข็งแกร่ง หมัดนี้เพียงพอที่จะปลิดชีวิตเขาได้ทันที
เหลิงเสวี่ยกระอักเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่าใบหน้าของเขาดูไม่จืดและเต็มไปด้วยความหวาดผวา ฉิงเฟิงแข็งแกร่งและดุดันเกินไป
“
เผาผลาญแก่นแท้โลหิต
, วิชาโลหิตอสูรร้อยลี้
!”
เมื่อถึงช่วงวิกฤตชีวิตเหลิงเสวี่ยเผาผลาญแก่นแท้โลหิตในร่างและใช้วิชาลับหลบหนีของนิกายโลหิตสีชาด ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปราวกับสายฟ้าฟาด ความเร็วเพิ่มขึ้นสามเท่าและพุ่งหายไปจากนิกายชะตาฟ้าในพริบตา
วิชาโลหิตอสูรร้อยลี้เป็นวิชาหลบหนีอันดับหนึ่งของนิกายโลหิตสีชาดมันเพิ่มความว่องไวของผู้ใช้ขึ้นอย่างมหาศาลแต่ต้องแลกเปลี่ยนกับแก่นแท้โลหิต แม้จะทำให้หนีรอดได้แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล
เมื่อเห็นเหลิงเสวี่ยหลบหนีไปได้ทั้งที่ยังบาดเจ็บสาหัสใบหน้าของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนไป เขาเตรียมจะวิ่งไล่ตามไป แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอ่อนแรงในฉับพลัน เขาเริ่มเวียนหัว
ใบหน้าของเขาซีดลงกลิ่นอายที่ทรงพลังทั้งมวลสูญหาย ระดับพลังของเขาลดลงกลับไปอยู่ที่ขั้นแรกเหนือสวรรค์เหมือนเดิม พลังจากโลหิตมังกรและสายเลือดจางหายไปหมด ผลข้างเคียงที่ตามมาเริ่มปรากฏแล้ว
เมื่อได้เห็นใบหน้าซีดเซียวและร่างกายที่สั่นสะท้านของฉิงเฟิงก็ทำให้ลู่เต๋าซางเป็นกังวลเขารู้ถึงผลข้างเคียงเหล่านี้
“ฉิงเฟิงเจ้าไม่เป็นไรนะ ” ลู่เต๋าซางเดินเข้าไปหาฉิงเฟิง เขาส่งปราณแท้บางส่วนเข้าไปในร่างฉิงเฟิงเพื่อช่วยเยียวยาอาการอ่อนล้า
ฉิงเฟิงส่ายหัวและกล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียวว่า“ผมไม่เป็นไร แค่ผลกระทบเล็กน้อย ไม่สามารถใช้พลังได้อีกสักระยะหนึ่ง”
เขารู้สึกโล่งอกในใจและขอบคุณสวรรค์ที่เขาสามารถทำร้ายเหลิงเสวี่ยบาดเจ็บสาหัสจนหนีไป
ถ้าหากเหลิงเสวี่ยหันหน้ามาสู้ตายหรือยื้อการต่อสู้ไปอีกสักพักเขาจะตกอยู่ในอันตรายอย่างมากเนื่องจากพลังสายเลือดหมดเวลา นอกจากนี้เหลิงเสวี่ยก็เป็นยอดยุทธ์อันดับหนึ่งในรายชื่อขั้นเหนือสวรรค์ที่ทรงพลัง การจะรับมือคนผู้นี้เขาทำได้เพียงต้องเปิดใช้พลังสายเลือดและโลหิตมังกรเท่านั้น
“หืม พลังทำลายล้างของหมอนี่อยู่ได้แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไม่ได้อยู่ตลอดไปหรอกหรือ ?” เมื่อได้เห็นสภาพที่ดูอ่อนล้าราวกับคนป่วยของฉิงเฟิง แววตาของเจียงไป่เต๋าก็กระพริบไปด้วยความสุข
เขากำลังกระวนกระวายอยู่ว่าจะไม่สามารถรับมือฉิงเฟิงได้แต่ตอนนี้โชคเข้าข้างแล้วฉิงเฟิงกำลังอ่อนแออย่างมาก
ในใจของเจียงไป่เต๋าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเขารู้วิธีรับมือเวลาต่อสู้กับฉิงเฟิงแล้ว นั่นคือต้องยื้อเวลาจนกว่าพลังสายเลือดของเขาจะหมดไป
“
เหอะเจ้าเหลิงเสวี่ยโง่เง่า ถ้าแกอยู่ต่ออีกสักพักแกก็ฆ่ามันได้แล้ว”
เจียงไป่เต๋าด่าทอเหลิงเสวี่ยในใจเขาหงุดหงิดมากที่เหลิงเสวี่ยพลาดโอกาสในครั้งนี้
ลู่เต๋าซางได้ถ่ายทอดปราณแท้เข้าร่างของฉิงเฟิงหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ฟื้นฟูขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังได้ แต่เขาก็ไม่มีปัญหาในการเดินเหิน
“ที่รักจบเรื่องแล้ว กลับบ้านด้วยกันนะ” สัมผัสที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉิงเฟิงในขณะที่เขาเดินไปยังเตียงน้ำแข็งและอุ้มหลินเสวี่ย