My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 714 งั้นคุณก็ไปต่อแถว !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 714 งั้นคุณก็ไปต่อแถว !
“ใช่…คุณพูดถูก เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือทำให้เสวี่ยน้อยฟื้น” มู่เสี่ยวหยุนเริ่มสงบสติอารมณ์ลง เธอพยักหน้าและรู้ว่าสิ่งสำคัญคือหาทางช่วยหลินเสวี่ย
“ฉิงเฟิงพาเสวี่ยน้อยไปโรงพยาบาลกันเถอะ” มู่เสี่ยวหยุนกล่าว
ฉิงเฟิงส่ายหัวและตอบว่า“แม่ยาย หลินเสวี่ยไม่ได้ป่วย เธอจมลงสู่สภาวะสะกดจิตตัวเองและไม่เต็มใจที่จะตื่นขึ้น ไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ช่วยอะไร”
“ฉิงเฟิงแต่ว่าการสะกดจิตตัวเองก็มีอาการแทบจะเหมือนกับสภาพกลายเป็นผัก ถ้าปล่อยเธอไว้ที่บ้านมันคงไม่เหมาะ ชั้นว่าพาเธอไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลดีกว่า อย่างน้อยเธอจะได้รับอาหารเสริมสารเพื่อสุขภาพของเธอ”
ฉิงเฟิงพยักหน้าและคิดได้ว่าแม่ยายของเขาพูดถูกต้องหลินเสวี่ยไม่สามารถกินอาหารเองได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพาเธอไปฝากไว้ที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะได้สามารถให้อาหารทางสายยางได้
“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”ฉิงเฟิงอุ้มหลินเสวี่ยและเดินออกไป
หลินซื่อเป็นคนขับรถพร้อมกับมู่เสี่ยวหยุนส่วนฉิงเฟิงนั่งอยู่เบาะหลังโดยมีหลินเสวี่ยนอนอยู่บนตัก เขารู้สึกว่าหัวใจถูกแทงเมื่อได้มองดูใบหน้าที่งดงามของหลินเสวี่ยกลายเป็นซีดเซียว
วันอาทิตย์เป็นวันที่โรงพยาบาลมีผู้ป่วยมากกว่าปกติ
เมื่อเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพวกเขาก็เห็นคนหลายร้อยคนทุกเพศทุกวัยต่อแถวรอยาวเหยียด
ด้วยความที่เป็นประเทศใหญ่และมีประชากรหนาแน่นจึงเป็นเหตุให้ในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ป่วยจำนวนมากนอกเหนือจากสถานีรถไฟและสถานีรถโดยสารแล้ว โรงพยาบาลก็เป็นสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่นมากที่สุด
ผู้คนหลายร้อยคนต่อแถวรอรับการตรวจเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือนานกว่านั้นเพื่อที่จะได้พบหมอ
แน่นอนว่าฉิงเฟิงจะไม่ต่อแถวเข้าคิวเพราะเขาต้องการให้หลินเสวี่ยได้รับการดูแลในทันที
“หยุดก่อนที่นี่เป็นโรงพยาบาลและคุณต้องเข้าแถวนะครับ” ยามตัวสูงขวางทางฉิงเฟิงไว้ในขณะที่เห็นเขาเดินไปที่ออฟฟิศหมอ
เขาสูงหกฟุตและผิวดำคล้ำยามคนนี้ดูแข็งแรงด้วยไม้กระบองที่อยู่ในมือ ในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาล ชายผู้นี้เกลียดคนที่ลัดคิวมาก
ฉิงเฟิงกำลังอารมณ์ไม่ดีจากสภาพอาการของหลินเสวี่ยเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถอยไป เธอต้องรีบพักฟื้นในโรงพยาบาล”
“งั้นคุณก็ไปต่อแถว” “คนต่อแถวมากมายมันใช้เวลานานเกินไป นี่เป็นเรื่องฉุกเฉิน”
“เพราะเหตุผลนี้คุณก็เลยเอามาอ้างลัดคิวงั้นสิ ไม่ได้หรอกที่นี่เป็นโรงพยาบาล ห้ามเอาเปรียบผู้อื่น” ยามส่ายหัวและยืนขวางทาง
เขาเคยเห็นคนแบบนี้มาหลายครั้งแล้วเหล่าคนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นและทำทุกอย่างตามใจเนื่องจากถือว่ามีเงิน พวกเขาไม่ยอมต่อแถวรอเหมือนคนอื่นและทำให้ภาพลักษณ์ของโรงพยายบาลเสียหาย
เหล่าประชาชนที่ต่อแถวอยู่รอบๆฉิงเฟิงต่างก็มองด้วยความโกรธพวกเขาไม่พอใจที่มีคนมาลัดคิว
แน่นอนว่าเช่นเดียวกับพวกเขาฉิงเฟิงก็ไม่ชอบที่ถูกแซงคิวและเอาเปรียบ แต่เพื่อหลินเสวี่ย เขาจำเป็นต้องทำแม้ว่าจะต้องแหกกฎก็ตาม
ถึงแม้ว่ายามตัวสูงจะทำถูกต้องตามหน้าที่แล้วในการขวางเขาแต่ฉิงเฟิงก็รู้สึกไม่พอใจ
ในเดียวกันผู้หญิงวัยกลางคนๆหนึ่งเดินผ่านมา สวมชุดหรูหราระดับไฮเอ็นด์ กำไลสีทองและถือกระเป๋าเงินหรูหราในมือ กลิ่นอายรอบตัวผู้หญิงนี้เต็มไปด้วยเงินทองและฐานะ
หญิงวัยกลางคนเดินไปยังยามตัวสูงและกล่าวว่า“จัดห้องให้ชั้นทีสิ ชั้นรู้สึกไม่ค่อยดี อยากพักในโรงพยาบาลสัก 2-3 วัน”
“ได้ครับคุณผู้หญิงผมจะจัดให้ทันที” ยามตัวสูงตอบด้วยการแสดงออกที่ยิ้มแย้มบนใบหน้าของเขา
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วแน่นเขาอุตส่าห์คิดว่ายามคนนี้เป็นคนซื่อตรงต่อหน้าที่จึงไม่ได้โวยวายออกไป แต่สิ่งที่เขาแสดงออกตอนนี้มันคือการเลือกปฏิบัติชัดๆ เขาคิดว่าฉิงเฟิงมีฐานะไม่เท่าผู้หญิงวัยกลางคนๆนี้
“เดี๋ยว! นายบอกให้ฉันต่อแถวรอ แล้วทำไมถึงปล่อยให้ป้าคนนั้นผ่านเข้าไป ”
ฉิงเฟิงชี้ไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนและกล่าวถามด้วยเสียงเย็นชา
เมื่อได้ยินคำถามของฉิงเฟิงยามตัวสูงก็ใบหน้าเปลี่ยนไป เขากล่าวว่า “สุภาพสตรีท่านนี้เป็นภรรยาของรองประธานโรงพยาบาลของเรา แล้วคุณจะไปเทียบเธอได้อย่างไร ”
เมื่อได้ยินคำตอบของยามตัวสูงประชาชนที่เข้าแถวรอต่างก็เงียบ นี่คือสังคมที่อยู่ด้วยความสัมพันธ์ เนื่องจากผู้หญิงวัยกลางคนที่ลัดคิวนั้นเป็นภรรยาของรองประธานของโรงพยาบาล ทำให้คนที่เข้าคิวไม่กล้าเอ่ยปากแย้ง
อย่างไรก็ตามพวกเขามาโรงพยาบาลเพื่อพบหมอ การไปหาเรื่องกับภรรยาของรองประธานโรงพยาบาลนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดี
ในสังคมยุคปัจจุบันที่เรื่องทุกอย่างเกี่ยวข้องกับคอนเนคชั่นตราบเท่าที่คุณมีฐานะและเส้นสาย ทุกอย่างก็ไฟเขียวหมด มันเป็นความจริงในทุกสาขาอาชีพและแม้แต่ในโรงพยาบาลก็ไม่มีข้อยกเว้น “ฉันไม่สนละภรรยาฉันต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ โทรหาประธานของนาย ฉันอยากพบเขา” ฉิงเฟิงกล่าว
ฉิงเฟิงไม่ได้คิดจะใช้เส้นสายแม้แต่น้อยแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ในฐานะยอดฝีมือความจริงฉิงเฟิงแค่สะบัดมือก็ปัดยามตัวสูงคนนี้ปลิวสลบได้แล้ว แต่นี่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดีเพราะหมออาจจะไม่พอใจพฤติกรรมรุนแรงของเขาและปฏิเสธการรักษาก็เป็นได้
“ท่านประธานยุ่งเกินกว่าจะมาพบคนอย่างคุณ”ยามตัวสูงโบกมือปฏิเสธคำกล่าวของฉิงเฟิง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความดูหมิ่น
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางโทรเรียกประธานในฐานะยามธรรมดา เขาไม่มีอำนาจพอจะพูดกับประธานโรงพยายามด้วยซ้ำ
ในสายตาของเขาฉิงเฟิงก็เป็นแค่พวกอันธพาล เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าบอกให้ท่านประธานออกมาพบ เมื่อเห็นสีหน้าของยามตัวสูงฉิงเฟิงก็มั่นใจว่ายามคนนี้ไม่เชื่อคำพูดของเขาและจะไม่มีทางเรียกประธานเจียวซูออกมาพบเขาแน่นอน
ฉิงเฟิงจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาเจียวซูโดยตรง
เพียงโทรศัพท์ดังครั้งเดียวเจียวซูก็รับสายและกล่าวว่า“คุณหลี่ มีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ ”
เจียวซูได้ให้ความสำคัญต่อฉิงเฟิงเป็นอย่างมากหลังจากที่เขาได้แสดงฝีมือทางการแพทย์แผนจีนช่วยรักษาพ่อของนายกเทศมนตรี บรรดาหมอในโรงพยาบาลต่างก็ให้ความเคารพเขาอย่างสูง
“ประธานซูคุณบริหารโรงพยาบาลได้ยอดเยี่ยมมาก ผมจะพาภรรยามาเข้ารับการรักษาแต่ยามไม่ยอมให้ผมผ่าน แต่เขากลับปล่อยให้ภรรยาของรองประธานแซงคิวไปหน้าตาเฉย” ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเสียดสี
เจียวซูสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของฉิงเฟิงเขารีบกล่าวว่า “ผมขอโทษด้วยคุณหลี่ บอกผมมาว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ !”
“ผมอยู่หน้าทางเข้าโรงพยาบาลผมจะให้เวลาคุณสามนาทีก่อนที่ผมจะไปโรงพยาบาลอื่น” ฉิงเฟิงกล่าวจบก็วางสายอย่างรวดเร็ว
มีโรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองตงไห่การที่ฉิงเฟิงพาหลินเสวี่ยมารักษาตัวที่นี่ก็เพราะต้องการแสดงความนับถือต่อเจียวซู หรือพูดให้เจาะจงก็คือเห็นแก่ลูกสาวของเขา เจียวเหยียนหลาน
ถ้าหากเจียวซูไม่ปรากฏตัวภายในสามนาทีฉิงเฟิงจะย้ายไปที่โรงพยาบาลอื่นและตัดขาดกับโรงพยาบาลแห่งนี้ทันที