My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 716 หนทางในการปลุกหลินเสวี่ย
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 716 หนทางในการปลุกหลินเสวี่ย
ฉิงเฟิงเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้พบกับอุปสรรคหลายอย่างตลอดเวลาที่จะเข้ารับการพักฟื้นก่อนหน้านี้ยามเฝ้าประตูก็ไล่ให้เขาไปต่อแถว มาถึงตอนนี้ก็ถูกยัยป้าหวังชุยอะไรนี่ขวางทางอีก
ตอนนี้ฉิงเฟิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่ประเทศนี้การได้รับการรักษาทางการแพทย์นั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็นแม้กระทั่งตัวเขาเองที่รู้จักกับประธานโรงพยาบาลก็ยังต้องประสบกับปัญหามากมาย เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าคนธรรมดาจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาจิกจุกแค่ไหนกว่าจะได้เข้ารักษา
ทั้งหมดที่ฉิงเฟิงต้องการในตอนนี้ก็คือวางหลินเสวี่ยไว้บนเตียงเพื่อที่เธอจะได้พักผ่อนเขาไม่มีอารมณ์จะมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องน่ารำคาญพวกนี้ “ประธานซูผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไร ทำไมคุณถึงต้องลาออก ” ฉิงเฟิงถามด้วยความสับสน
เหตุผลที่เขาพาหลินเสวี่ยเข้ารับการรักษาที่นี่เพราะว่ารู้จักเจียวซูถ้าเจียวซูไม่ใช่ประธานของที่นี่ เขาก็ไม่ต้องการอยู่
ด้วยความละอายที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาเจียวซูก็กล่าวว่า “บอร์ดบริหารของโรงพยาบาลได้มีมติไล่ผมออก และตัดสินใจให้รองประธาน, สามีของหวังชุยเข้ารับตำแหน่งแทนที่ผม”
ฉิงเฟิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจเห็นได้ชัดว่าหวังชุยไม่ไว้หน้าเจียวซูอีกต่อไปเพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจะถูกปลดในอีกไม่ช้า
“ฉิงเฟิงเธอหาเตียงให้เสวี่ยน้อยนอนพักและให้อาหารก่อนเถอะ เธอไม่ได้กินอะไรมาเป็นวันแล้ว สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย” มู่เสี่ยวหยุนกล่าวจากด้านข้าง
ฉิงเฟิงพยักหน้าและนำหลินเสวี่ยไปที่เตียง ฉิงเฟิงต้องการห้องพักฟื้นที่ดีที่สุดและบริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับหลินเสวี่ยเห็นได้ชัดว่าห้อง VIP 1 นั้นดีที่สุดแล้ว
โดยไม่มีการพูดจาฉิงเฟิงพาหลินเสวี่ยเข้าไปในห้องและวางเธอลงบนเตียง
หวังชุยไม่พอใจเธอหมายตาห้องพักผู้ป่วยที่ดีที่สุดในโรงพยาบาล และย่อมไม่มีทางอนุญาตให้คนอื่นแย่งไป
“คนไร้มารยาทเอาผู้หญิงของนายออกไป” หวังชุยกล่าวเสียงดังด้วยรอยยิ้มที่หนาวเย็น
“หุบปาก! ภรรยาของฉันต้องการพักผ่อน ถ้าเธอกล้าพูดแม้แต่คำเดียว ฉันจะฉีกปากเธอออกเป็นชิ้นๆ !” ทันใดนั้นฉิงเฟิงก็หันหน้าไปจ้องมองหวังชุยอย่างหนาวเย็น ร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกออกมา
เมื่อสัมผัสได้ถึงความก้าวร้าวรุนแรงและดวงตาสีแดงของฉิงเฟิงการแสดงออกของหวังชุยก็เปลี่ยนไป ประกายแห่งความหวาดกลัวพาดผ่านดวงตาของเขา หวังชุยรู้สึกผวาต่อชายหนุ่มตรงหน้าในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เธอไม่เคยเห็นใครที่มีกลิ่นอายที่ดุร้ายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
หวังชุยไม่กล้าหาเรื่องกับฉิงเฟิงอีกแต่เธอสามารถทำให้เจียวซูต้องลำบากใจได้ เธอกล่าวว่า “เจียวซู ชั้นพูดแล้วนะว่าต้องการห้องนี้ ในเมื่อคุณทำแบบนี้ก็คอยดูแล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น !”
“หวังชุยฉันยังคงถือว่าเป็นประธานของโรงพยาบาลนี้อยู่ คุณออกไปซะ ห้องนี้มีเพียงคุณหลี่ที่เข้าใช้ได้” เจียวซูกล่าวพร้อมกับไล่ให้หวังชุยออกไปจากห้อง
มันเป็นความจริงที่เจียวซูถูกบอร์ดบริหารพิจารณาให้ออกจากตำแหน่งและสามีของหวังชุยจะเข้ามารับตำแหน่งแทนในไม่ช้า แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว
ตราบเท่าที่เจียวซูยังคงเป็นประธานเขามีอำนาจเต็มและมีสิทธิที่จะตัดสินใจได้ว่าจะให้ใครเข้าพัก
“เจียวซูคุณกล้าที่จะปฏิบัติต่อชั้นเช่นนี้ได้อย่างไร คอยดูเถอะ เมื่อสามีชั้นเป็นประธาน คุณจะเป็นคนแรกที่ถูกไล่ออก !” หวังชุยจ้องมองไปที่เจียวซูอย่างดุร้ายและจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องสามีเธอแน่นอน จากนั้นเธอก็เดินออกไป
ฉิงเฟิงกล่าวว่า“ประธานซู ผมขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้”
“ไม่เป็นไรครับคุณพักให้สบายเถอะผมจะจัดเตรียมการรักษาดูแลที่ดีที่สุดให้ภรรยาของคุณ ตราบเท่าที่ผมยังคงเป็นประธานของโรงพยาบาลนี้” เจียวซูตบหน้าอกตัวเองและกล่าวอย่างหนักแน่น
“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของคุณ ” เจียวซูถาม
ฉิงเฟิงไม่ได้ปิดบังใดๆกับเจียวซูและกล่าวว่า“เธอได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจที่รุนแรง เธอสะกดจิตตัวเองและไม่เต็มใจที่จะตื่นขึ้น”
อะไรนะ กระทบกระเทือนจิตใจ ? สะกดจิตตัวเอง ? การแสดงออกของเจียวซูเปลี่ยนไปความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ในฐานะประธานของโรงพยาบาล,เจียวซูมีความรู้ทางการแพทย์สูงและจบจากมหาลัยแพทย์ตงไห่ เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่มีความสามารถและได้อันดับหนึ่งอยู่เสมอ
ในบรรดาโรคทั้งหมดนั้นมีสองโรคที่รักษายากที่สุดหนึ่งคือโรคมะเร็งที่ผู้คนรู้จักกันดี มะเร็งในระยะนั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ร้ายแรงและรักษายากในระยะสุดท้าย ส่วนใหญ่จะเสียชีวิต
นอกจากโรคมะเร็งแล้วอีกโรคหนึ่งที่รักษาได้ยากก็คือโรคทางจิต ซึ่งต้องส่งเข้าบำบัดที่โรงพยาบาลโรคประสาทและยังไม่มีวิธีรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
พูดถึงโรคทางจิตเกี่ยวกับการสะกดจิตตัวเองเจียวซูเคยได้ยินอาจารย์ของเขาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อสมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาแพทย์ มันเป็นโรคที่หายากและลึกลับระดับโลกซึ่งทำให้ผู้ป่วยหลับลึกและไม่มีตื่น เว้นเสียแต่ว่าผู้ป่วยสามารถคลายปมในใจด้วยตนเองได้ มิฉะนั้นผู้ป่วยจะไม่มีวันตื่นขึ้นหรือตื่นขึ้นมาด้วยสติที่ไม่สมประกอบ
“คุณหลี่…เกี่ยวกับโรคนี้ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถึงแม้ผมจะเป็นประธานของโรงพยาบาล แต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิตเช่นนี้ได้หรอกครับ”
เจียวซูส่ายหัวพร้อมกับกล่าวขอโทษ
ฉิงเฟิงโบกมือและกล่าวว่า“อย่าโทษตัวเองเลย อาการป่วยทางจิตเป็นโรคที่รักษายาก แม้แต่ผมเองซึ่งเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมก็ไม่สามารถรักษาได้เช่นกัน”
หลังจากได้เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากอาจารย์ของเขาแล้วฉิงเฟิงก็เป็นแพทย์คนหนึ่งที่สามารถรักษาโรคร้ายแรงและอาการบาดเจ็บบางอย่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับโรคทางจิตซึ่งเกี่ยวข้องกับส่วนที่เปราะบางที่สุดในร่างกายมนุษย์ได้ เมื่อได้ยินว่าเจียวซูไม่สามารถหาแนวทางรักษาหลินเสวี่ยได้ใบหน้าของมู่เสี่ยวหยุนก็เปลี่ยน น้ำตาไหลลงมาจากแก้มของเธอ
“เสวี่ยน้อยเด็กน้อยที่น่าสงสารของแม่ ! ลูกจะนอนหลับลึกเช่นนี้ได้อย่างไร งานแต่งงานของลูกใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะ” มู่เสี่ยวหยุนโผเข้ากอดหลินเสวี่ยด้วยน้ำตานองหน้า
ฉิงเฟิงยืนอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อเขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อจนมีเลือดออก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย
“ประธานซูคุณไปหาสารอาหารและกลูโคสมาให้เธอทางเส้นเลือด เธอไม่ได้กินอะไรมานานแล้วผมกลัวว่าสุขภาพเธอจะย่ำแย่” ฉิงเฟิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
เจียวซูพยักหน้าและกล่าวว่า“ได้เลย ผมจะรีบไปเตรียมมาให้”
ทันใดนั้นเจียวซูก็นึกถึงเรื่องบางอย่างได้และกล่าวว่า“โอ้ ใช่สิ ! คุณหลี่ สมัยผมเป็นนักศึกษาผมจำได้ว่าอาจารย์ของผมเคยกล่าวถึงวิธีการรักษาโรคทางจิต อย่างการสะกดจิตตัวเอง”
อะไรนะ
!
มีวิธีรักษาด้วย
แสงแห่งความปิติยินดีปรากฏในดวงตาของฉิงเฟิงเขาพุ่งปราดไปคว้าแขนของเจียวซูอย่างแน่นหนา และถามด้วยความกระหายว่า “ศาสตราจารย์คนนั้นคือใคร ! เขาชื่ออะไร ? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน !?”
“ชื่อของเขาคือจางหยุนเหอท่านเป็นศาสตราจารย์อาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ตงไห่ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางจิตระดับประเทศ เขามีฝีมือมากทางด้านโรคทางจิต”
ฉิงเฟิงพยักหน้ากล่าวว่า“งั้นผมจะไปที่มหาวิทยาลัยแพทย์ตงไห่และไปตามหาจางหยุนเหอเดี๋ยวนี้”