My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 719 สองเงื่อนไข
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 719 สองเงื่อนไข
“ไอ้เด็กบ้า! ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นประธานของสมาคมแพทย์แล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังคงมีฝีมือ แกกล้าดียังไงมาดูถูกฝีมือฉัน !” จางหยุนเหอมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความโกรธ
เขาโกรธมากน้องชายเขาพาใครมา ไม่รู้รึไงว่าเขาเป็นใคร ? เขาเป็นหนึ่งในแพทย์ที่เก่งที่สุดของหัวเซี่ย
ถ้าทักษะทางการแพทย์ของจางหยุนเหอไม่ดีแล้วใครหน้าไหนในหัวเซี่ยจะกล้าเคลมตัวเองว่าเป็นแพทย์ที่มีฝีมือ
ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวว่า“คุณบอกว่าคุณมีความสามารถทางการแพทย์ใช่มั้ย ดี ผมมีผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่ง ถ้าคุณสามารถรักษาเธอได้ ผมจะขอขมาและยอมรับว่าคุณเป็นมีฝีมือ”
ฉิงเฟิงฉลาดมากเพื่อที่จะช่วยหลินเสวี่ย เขาแกล้งพูดหาเรื่องให้จางหยุนเหอออกมาจากห้องจนได้ ชายชราผู้นี้ติดกับเขาด้วยอีโก้ของตัวเอง
ฉิงเฟิงรู้ว่าเขาหาเรื่องกับจางหยุนเหอเข้าให้แล้วถ้าหากจางหยุนเหอรู้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไร แต่เพื่อช่วยเหลินเสวี่ย เขาไม่มีทางเลือก
“แกกล้าดียังไงมาดูถูกฉัน ไหนว่าอาการมาซิ โรคเกี่ยวกับจิตเวชไม่มีอะไรที่ฉันรักษาไม่ได้ !”
“ผู้ป่วยเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเธอหลับลึกไม่ได้สติเพราะรู้สึกผิดหวังและเศร้าเสียใจมาก คุณสามารถทำให้เธอตื่นขึ้นมาได้หรือเปล่า ”
“เหอะ! สะกดจิตตัวเองไม่ให้ตื่นละสิ มันเป็นโรคที่เป็นปัญหาระดับโลกในสาขาจิตเวช อาการก็คล้ายๆกับคนที่อยู่ในสภาพนอนเป็นผัก แม้ว่ามันยากที่จะรักษา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉัน ฉันรู้วิธีรักษาอยู่แล้ว” จางหยุนเหอยิ้มอย่างหยิ่งยโส
เกี่ยวกับการสะกดจิตตัวเองมันเป็นโรคที่รักษายากมากทั้งในทางการแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตก มันค่อนข้างซับซ้อนเหมือนโรคมะเร็ง
ถ้าเป็นหมอคนอื่นแน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาการสะกดจิตตัวเองได้ แต่จางหยุนเหอมีทางแก้ เพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช
ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากหลังจากได้ยินที่จางหยุนเหอพูดเขากล่าวว่า “คะ คุณ … คุณสามารถรักษาคนที่สะกดจิตตัวเองได้จริงๆหรือ !”
ใบหน้าของฉิงเฟิงแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นร่างกายของเขาสั่นสะท้านและพูดตะกุกตะกัก
คิ้วของจางหยุนเหอขมวดแน่นหลังจากได้เห็นความตื่นเต้นของฉิงเฟิงถึงแม้เขาจะชราแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้โง่ ในฐานะหมอระดับประเทศ เขาก็ฉลาดไม่น้อย
“เหอะดูท่าว่าผู้ป่วยรายนี้ที่แกอยากช่วยจะเป็นคนสำคัญของแกละสิเจ้าหนุ่ม ฉันพูดถูกไหม อย่าตื่นเต้นเกินไปนัก” จางหยุนเหอกล่าวชัดถ้อยชัดคำและมองไปที่ฉิงเฟิง ฉิงเฟิงรู้ตัวว่าซวยแล้วหลังจากเห็นสีหน้าที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยของจางหยุนเหอเนื่องจากการแสดงออกที่ดูตื่นเต้นมากเกินไปของเขา
“เจ้าหนุ่มถือว่าแกฉลาดไม่น้อยที่ยั่วให้ฉันโกรธจนต้องออกมาพบแก บอกตรงๆฉันรู้วิธีรักษาการสะกดจิตตัวเอง แต่แล้วยังไง ทำไมฉันต้องช่วยแก ?”
จางหยุนเหอมองฉิงเฟิงและแสยะยิ้มออกมา
จางหยุนเหอรู้สึกโมโหจากคำด่าของฉิงเฟิงกล่าวอีกนัยหนึ่ง วิธีที่ฉิงเฟิงบีบบังคับให้เขาออกมานั้นทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง เขารู้สึกขายหน้ามากที่ชายหนุ่มคนหนึ่งมาใช้เล่ห์กลหลอกล่อเขาเช่นนี้
ทำไมเขาจะต้องช่วยฉัน
การแสดงออกของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเพราะเขารู้ว่าจางหยุนเหอกำลังโกรธ
หลังจากที่ฉิงเฟิงคำตามที่เขาพูดก็รู้ว่าเขาไม่ได้กล่าวผิด ถูกต้องที่เขาต้องการให้จางหยุนเหอช่วยหลินเสวี่ยภรรยาของเขา แต่แล้วทำไมเขาต้องช่วย
ประการแรกพวกเขาไม่ได้รู้จักกันประการที่สองพวกเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ประการที่สาม ฉิงเฟิงเพิ่งจะพูดอยู่ว่าจางหยุนเหอห่วยแตก ถึงแม้ว่าจะพูดไปเพื่อบังคับให้เขาออกมาก็เถอะ สรุปได้ว่าพวกเขาไม่รู้จักกันและไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ทำไมเขาต้องช่วย
“ศาสตราจารย์จางผมต้องขออภัยด้วยที่พูดจาไม่ดีต่อคุณ ผมทำเพื่อหลอกให้คุณยอมออกมาพบผม บอกตามตรงผมรู้ว่าคุณมีฝืมือทางการแพทย์มากแค่ไหน”
“เฮอะ! ไม่ต้องมาทำพูดดี ฉันไม่สนแล้วว่าแกจะขอโทษหรือจะปากหวานเลียแข้งแข้งขาฉัน ไอ้เด็กผี ก็อย่างที่บอกไป ฉันไม่รู้จักแก ฉันไม่เสียเวลาช่วยแกหรอก”
“ศาสตราจารย์จางผู้ป่วยเป็นภรรยาของผมเอง ผมรักเธอมาก หวังว่าคุณจะช่วยปลุกเธอขึ้นมาได้ ตราบเท่าที่คุณตกลงช่วยรักษาผมสัญญาว่าจะยอมทำทุกอย่างตามที่คุณขอ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความจริงจัง
จางหยุนเหอเงียบไปพักหนึ่งและพูดว่า“ฉันไม่รู้จักแกและไม่ได้รู้จักมักจี่กับภรรยาของแก พวกเราไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน ฉันไม่ช่วยหรอก”
หลังจากพูดจบจางหยุนเหอก็หันกลับไปและกำลังจะกลับเข้าไปในห้องของเขา
ในขณะเดียวกันจางเหมียวชุนก็กล่าวขึ้นมาว่า“พี่ใหญ่ เด็กหนุ่มคนนี้มีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์แผนจีนมาก แต่เขาไม่ได้ชำนาญด้านจิตเวชแบบพี่ โปรดช่วยเขาหน่อยเถอะ”
หลังจากได้ยินน้องชายของเขากล่าวจางหยุนเหอก็เริ่มลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ยังคงส่ายหัวและปฏิเสธเช่นเดิม
“ศาสตราจารย์จางผมจะพูดอีกครั้ง ตราบเท่าที่คุณสามารถทำให้ภรรยาของผมฟื้นขึ้นมาได้ ผมจะทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการ” “อย่ามางี่เง่าหน่อยเลยเจ้าเด็กน้อยทุกอย่างเรอะ แกทำได้ทุกอย่างจริงๆ ?”
“ถูกต้องศาสตราจารย์จาง ไม่ว่าคุณต้องการให้ผมทำอะไร ตราบเท่าที่ผมทำได้ผมจะทำให้คุณ”
“ย่อมได้งั้นลองมาดูกันว่าเก่งอย่างปากหรือเปล่า ฉันมีสองเงื่อนไข ตราบเท่าที่แกสามารถทำมันได้ฉันจะช่วยภรรยาของแก อย่างแรก รักษาขาที่พิการของฉันก่อน อย่างที่สอง เอาชนะลูกศิษย์ของฉัน เย่หยุนซัน ทำได้หรือเปล่าละ ”
จางหยุนเหอแสยะยิ้มและพูดออกมา
แต่ก่อนที่ฉิงเฟิงจะได้ตอบอะไรออกมาจางเหมียวชุนก็กล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “พี่ใหญ่ ! นี่พี่กำลังแกล้งหลี่ฉิงเฟิงชัดๆ ! เขาจะรักษาขาที่พิการมานานของพี่ได้อย่างไร อีกเรื่อง พี่ยังให้เขาเอาชนะเย่หยุนซันอีก ชายคนนั้นเป็นประธานสมาคมแพทย์ของหัวเซี่ยในตอนนี้ เขาเอาชนะเย่หยุนซันไม่ได้หรอก”
จางเหมียวชุนรู้สึกแย่มากหลังจากที่ได้ฟังเงื่อนไขของพี่ชายของตนในฐานะอาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยแพทย์และพี่ชายของเขา, จางหยุนเหอ ทั้งสองต่างนับได้ว่าเป็นหมอที่เก่งกาจมากในวงการแพทย์ทั้งประเทศ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถรักษาขาของจางหยุนเหอได้ ฉิงเฟิงจะทำได้อย่างไร
เกี่ยวกับเย่หยุนซันในตอนนี้เขาเป็นบุคลที่มีอำนาจมากในประเทศ ฉิงเฟิงจะสามารถเอาชนะเขาได้อย่างไร
สำหรับคำขอที่ดูเป็นไปไม่ได้ของจางหยุนเหอฉิงเฟิงกลับพยักหน้าและพูดว่า “ศาสตราจารย์จาง ผมยอมรับเงื่อนไขของคุณ”
อะไรนะ
เขายอมรับเงื่อนไขของฉัน
ใบหน้าจางหยุนเหอเปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยความตกใจความต้องการสองข้อที่เขากล่าวนั้นเป็นเรื่องยากมาก แล้วชายหนุ่มคนนี้จะทำสำเร็จได้อย่างไร “เจ้าหนุ่มแค่พูดใครๆก็พูดได้ แต่มันต้องดูว่ามีความสามารถพอจะทำได้จริงไหม ขอบอกไว้ก่อนนะ ในประเทศนี้ไม่มีใครสามารถรักษาขาของฉันได้ แกแน่ใจนะว่าทำได้ หืม ”
จางหยุนเหอส่ายหัวเพราะเขาคิดว่าฉิงเฟิงกำลังโอ้อวดและรับปากส่งๆ
“ศาสตราจารย์จางอย่างน้อยก็ลองให้ผมได้ดูอาการก่อนแล้วผมจะให้คำตอบ”
ฉิงเฟิงยิ้มและเดินมาหาจางหยุนเหอเขาสัมผัสขาที่หักของจางหยุนเหอและเริ่มตรวจสอบอาการ