My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 724 ชายหนุ่มผู้ตามจีบลั่วหนี่ชิง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 724 ชายหนุ่มผู้ตามจีบลั่วหนี่ชิง
มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีขาวยืนอยู่ด้านหลังของเจียงไป่เต๋าเขามีหน้าตาหล่อเหลาและยืนหลังตรงมาก คิ้วคมดั่งกระบี่ ดวงตาเป็นประกายแวววาว เมื่อยามที่เขาได้เห็นลั่วหนี่ชิง ดวงตาของเขาก็ราวกับมีเปลวเพลิงแผดเผาไปด้วยความลุ่มหลงงมงาย
“หนี่ชิงไม่ได้พบกันเสียนาน ! คิดถึงผมไหม ” ชายหนุ่มชุดขาวเดินตรงดิ่งเข้าไปหาลั่วหนี่ชิงและกล่าวด้วยท่าทางงามสง่า
*แก้ไขบางตอน eng พิมว่า Luo nishang (ลั่วหนี่ซาง) บางตอนก็ Luo niching (ลั่วหนี่ชิง) ผมแปลตามมันตอนล่าสุดเลยก็แล้วกันนะ ลั่วหนี่ชิง*
ชายหนุ่มผู้นี้น่าดึงดูดใจเป็นอย่างมากเขาไม่เพียงแค่หล่อเหลาแต่ยังมีท่าทีสุภาพบุรุษมาก หากเป็นผู้หญิงทั่วไปย่อมไม่มีทางรอดจากเสน่ห์ของเขาเป็นแน่ แต่ลั่วหนี่ชิงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เสน่ห์ดึงดูดใจที่เหลือล้นของชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ไม่มีผลต่อเธอ
“กู่เจี้ยนหลงชั้นชื่อ ลั่วหนี่ชิง ไม่ใช่หนี่ชิง คุณยังไร้มารยาทเหมือนเดิม ชั้นจะคิดถึงคุณได้อย่างไรกัน ” ลั่วหนี่ชิงกล่าวด้วยความรังเกียจ สามารถบอกได้เลยว่าเธอไม่ชอบชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ น้ำเสียงของเธอดูเย็นชาไร้ใจมาก
สีหน้าของกู่เจี้ยนหลงแปรเปลี่ยนไปเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าลั่วหนี่ชิงจะกล้าตำหนิเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เธอได้รับฉายาว่า “กุหลาบมีหนามแห่งเมืองเทียนจิง” แต่สิ่งนี้กลับทำให้ตัณหาของกู่เจี้ยนหลงยิ่งคุกรุ่นมากขึ้น เขามีความต้องการจะพิชิตกุหลาบมีหนามนางนี้
กู่เจี้ยนหลงเป็นนายน้อยของหนึ่งในสี่ตระกูลหลักของเมืองเทียนจิงเขาย่อมเคยผ่านหญิงสาวผู้งดงามมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครที่สวยเท่าลั่วหนี่ชิง เขาหลงเสน่ห์เธอเข้าอย่างจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยอารมณ์ที่ร้อนแรงเธอ ยิ่งเธอเฉยชาต่อเขา เขาก็ยิ่งตื่นเต้นเวลาได้ครอบครองเธอมากขึ้น
ในเวลานี้กู่เจี้ยนหลงได้สังเกคเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆลั่วหนี่ชิง ซึ่งก็คือฉิงเฟิงนั่นเอง เขากล่าวว่า “เด็กน้อย นายเป็นใคร นายกล้าดียังไงมายืนข้างๆลั่วหนี่ชิง ?”
ฉิงเฟิงกลอกตาและรู้สึกหมดคำพูดเขาเพียงแค่เดินตามลั่วหนี่ชิงและเข้าร่วมงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเธอ แต่จู่ๆก็มีผู้ชายมาหาเรื่องเขา กู่เจี้ยนหลงผู้นี้คิดว่าเขาเป็นพวกไก่อ่อนหรือไง
“ไม่ว่าฉันจะยืนข้างลั่วหนี่ชิงหรือไม่ก็ตามมันไม่ใช่ธุระของนาย” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพียงตอกกลับแค่ประโยคเดียวก็ทำให้กู่เจี้ยนหลงไปไม่ถูก
เป็นอย่างที่คาดไว้ใบหน้ากู่เจี้ยนหลงเขียวคล้ำและเปลี่ยนไป การถูกลั่วหนี่ชิงตำหนินั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การถูกฉิงเฟิงตำหนิเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะถึงแม้ว่าลั่วหนี่ชิงจะด่าเขาแต่เขาก็รู้สึกสนุกกับการได้เกี้ยวพาราสีเธอ แต่การถูกฉิงเฟิงตำหนิมันทำให้เขาหงุดหงิดมาก
“ไอ้เด็กน้อยท่าทางนายจะเปรี้ยวมากจนอยากโดนทุบตีสินะ” กู่เจี้ยนหลงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็น เขาก้าวมาข้างหน้าและพร้อมจะลงมือสั่งสอนฉิงเฟิง
ทันใดนั้นลั่วหนี่ชิงก็ก้าวเข้ามาขวางเธอขมวดคิ้วและกล่าวว่า “กู่เจี้ยนหลง วันนี้เป็นวันชุมนุมเหล่านายน้อยนายหญิงของเมืองเทียนจิง ห้ามมีการต่อสู้ แล้วคุณกำลังทำอะไร ”
เมื่อเห็นลั่วหนี่ชิงมายืนบังฉิงเฟิงใบหน้าของกู่เจี้ยนหลงก็เปลี่ยนไป ปรากฏเปลวไฟแห่งความริษยาและโกรธแค้นในดวงตาของเขา เขาจิกสายตาไปมองฉิงเฟิงอย่างเยือกเย็นและเดินเชิดหน้าเข้าตึกระฟ้าเทียนจิงไป
เจียงไป่เต๋าก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มองฉิงเฟิงอย่างเย็นชาจากนั้นก็เดินตามหลังกู่เจี้ยนหลงเข้าไปในตึก
“มิสลั่วหมอนั่นตามจีบคุณอยู่หรือ ” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับดวงตาที่กระพริบ ลั่วหนี่ชิงพยักหน้าและกล่าวว่า“กู่เจี้ยนหลงเป็นนายน้อยของตระกูลกู่ และตระกูลกู่ก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักของเมืองเทียนจิง ความแข็งแกร่งของเขาไม่อาจคาดเดาได้ ชายผู้นี้ต้องเก็บงำพลังที่แท้จริงเอาไว้อย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ได้ติดอันดับรายชื่อยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์
ฉิงเฟิงพยักหน้าและเห็นด้วยเมื่อสักครู่เขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่แข็งกร้าวแผ่ซ่านออกมาจากตัวของกู่เจี้ยนหลง และสัมผัสที่เขาได้รับรู้นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเจียงไป่เต๋าเลยแม้แต่น้อย !
รายชื่อจัดอันดับยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์นั้นเป็นการจัดอันดับพลังและความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วโลกแต่ก็มียอดยุทธ์บางคนที่ไม่อยากเด่นดังและเลือกที่จะเร้นกายเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ ดังนั้นการที่ไม่ได้มีชื่อติดอันดับก็ไม่ได้หมายความว่าคนผู้นั้นจะอ่อนแอ
เมืองเทียนจิงเป็นหนึ่งในสี่เมืองยักษ์ใหญ่ของหัวเซี่ยมีตระกูลของยอดฝีมือและผู้เชี่ยวชาญมากมาย โดยเฉพาะตระกูลของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณ พวกเขาแต่ละตระกูลนั้นต่างก็ยิ่งใหญ่และทรงพลังมาก
ถึงแม้ว่าตระกูลโบราณทั้งสี่นั้นจะทรงอำนาจมากแต่ฉิงเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้มาหาเรื่อง ฉิงเฟิงก็จะไม่ทำอะไร แต่ถ้าวันใดพวกเขามาเหยียบเท้าฉิงเฟิงเข้า เขาก็พร้อมจะถล่มโดยไม่ลังเล !
“เข้าไปกันเถอะชั้นจะแนะนำตัวตนระดับสูงของเมืองเทียนจิงให้คุณรู้จัก”
ลั่วหนี่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเธอควงแขนของฉิงเฟิงและเดินเข้าไปในตึกระฟ้าเทียนจิง
สถานที่จัดงานจัดขึ้นที่ชั้น138 ของตึกระฟ้าเมืองเทียนจิง มันอยู่ในชั้นสูงที่สุดราวกับอยู่บนก้อนเมฆ เมื่อมองออกไปข้างนอกคุณจะเห็นหมู่เมฆมากมายราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์
การตกแต่งภายในห้องโถงนั้นสวยงามมากทุกอย่างทำจากคริสตัลสีขาว
“มิสลั่วพรุ่งนี้พวกเราจะต้องเข้าสุสานแกรนด์มาสเตอร์กันแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเราควรจะต้องเตรียมตัวกันหรอกหรือ ทำไมถึงต้องมาร่วมงานเลี้ยงด้วยละ ”
ฉิงเฟิงกล่าวถามลั่วหนี่ชิงด้วยความสงสัย
ลั่วหนี่ชิงอย่างนุ่มนวลและกล่าวว่า“วูฟคิง ดูท่าทางคุณจะยังไม่รู้ ข้อมูลเกี่ยวกับสุสานแกรนด์มาสเตอร์ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว คราวนี้ตระกูลผู้ฝึกยุทธ์โบราณทั่วทั้งเมืองเทียนจิงและตระกูลซ่อนเร้นทั้งหลายต่างก็มารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นการเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ก็คือการมาหาข้อมูลและทำให้ทีมของพวกเราแข็งแกร่งขึ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหนี่ชิงฉิงเฟิงก็ตกใจมาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ข่าวเรื่องสุสานแกรนด์มาสเตอร์รั่วไหล ทุกคนในงานเลี้ยงอาหารค่ำรู้เรื่องเกี่ยวกับสุสานนี้แล้ว
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อยเดิมทีเขาหมายจะเข้าสุสานนี้เพื่อตามหาเถาวัลย์อีกาดำ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าสุสานแกรนด์มาสเตอร์นี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เหล่ายอดฝีมือและผู้เชี่ยวชาญมากมายจะต้องเข้าไปเสี่ยงโชคด้วยแน่ การแข่งขันและการต่อสู้จะต้องหนักหน่วงมาก
ในเมื่อมีคู่แข่งจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็เป็นศัตรู ดังนั้นเขาต้องทำความคุ้นเคยกับศัตรูเหล่านี้ให้มาก
เมื่อมองออกไปเขาก็เห็นบางคนที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่ง ส่วนใหญ่จะเป็นนายน้อย นายหญิงของตระกูลใหญ่ๆในเมืองเทียนจิง ดังเช่น กู่เจี้ยนหลงที่กำลังดื่มกับเจียงไป่เต๋า ทั้งสองคนนี้กำลังสนทนากันอย่างสนิทสนม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกลงบางอย่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“กู่เจี้ยนหลงสุสานแกรนด์มาสเตอร์จะเปิดขึ้นพรุ่งนี้ เจ้าร่วมทีมกับข้าเป็นไง ”
เจียงไป่เต๋ากล่าวพร้อมกับมือแก้วไวน์ไว้ในมือ ใบหน้าที่หล่อเหลาของกู่เจี้ยนหลงมีรอยยิ้มบางๆเขากล่าวว่า “เจียงไป่เต๋า ท่านเป็นถึงอันดับหนึ่งในรายชื่อยอดยุทธ์ขั้นเหนือสวรรค์ ท่านเหนือกว่าทุกคนในที่นี้ ทำไมถึงอยากมาร่วมมือกับฉันซะละ ”
เจียงไป่เต๋าส่ายหัวเขาวางแก้วลงและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ก็เพราะชายหนุ่มที่เจ้าเพิ่งจะมีเรื่องเมื่อสักครู่ไงละ, หลี่ฉิงเฟิง ชายคนนั้นอยู่ทีมเดียวกับลั่วหนี่ชิง อย่าประมาทมันเกินไปนัก มันทรงพลังมากและอยู่เหนือกว่าที่เจ้าคาดคิดแน่นอน”
“โห เจียงไป่เต๋า สมองท่านมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เจ้าหลี่ฉิงเฟิงนั่น ฉันตรวจสอบระดับพลังของมันแล้ว มันก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งที่อยู่เพียงขั้นแรกเหนือสวรรค์ ฉันแค่สะบัดมือมันก็ตายเป็นสิบครั้งแล้ว” กู่เจี้ยนหลงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูหมิ่น
ความแข็งแกร่งของกู่เจี้ยนหลงนั้นไม่อาจคาดเดาเขาอยู่ในขั้นสูงสุดเหนือสวรรค์ อีกเพียงไม่นานเขาก็จะตัดผ่านเข้าสู่ระดับแกรนด์มาสเตอร์ ทุกวันนี้แทบจะไม่มีผู้ใดในเมืองเทียนจิงที่สามารถรับมือกับเขาได้ ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินที่เจียงไป่เต๋ากล่าวว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งอย่างมาก เขาจึงไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้และรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าขัน
“กู่เจี้ยนหลงข้าแค่พูดเตือนเจ้าในฐานะสหาย พลังที่แท้จริงของหมอนั่นนั้นแตกต่างจากที่เจ้าเห็นภายนอก มันไม่ธรรมดาอย่างที่เจ้าคิด อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก” เจียงไป่เต๋ากล่าวเตือนกู่เจี้ยนหลง ถึงแม้ว่ากู่เจี้ยนหลงจะไม่เชื่อ แต่เขาก็ยังคงกล่าวเตือนย้ำด้วยความหวังดี
“เหอะเจียงไปเต๋า ดูเหมือนว่าไข่ของท่านจะเล็กลงทุกวันๆแล้วนะ ฉันไม่ชอบขี่ช้างจับตั๊กแตน ฉันไม่ร่วมทีมกับท่านหรอก” กู่เจี้ยนหลงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาและเดินจากไป
เขาคือนายน้อยของตระกูลโบราณผู้ฝึกยุทธ์ทรงพลังและอหังการ ถ้าหากหลี่ฉิงเฟิงมีระดับพลังพอๆกับเหลิงเซียะ บางทีเขาอาจจะยอมร่วมทีมกับเจียงไป่เต๋า
“
โง่เง่าอีกคนถ้าแกประเมินหลี่ฉิงเฟิงต่ำไป จุดจบแกก็คงเหมือนเจ้าไป๋หวู่ชางนั่นแหละ
”
เจียงไป่เต๋าสบถออกมาในขณะที่มองเงาหลังที่หยิ่งยโสของกู่เจี้ยนหลง
ความจริงแล้วเจียงไป่เต๋ากำลังจะบอกว่าเหลิงเซียะยอดยุทธ์อันดับหนึ่งในรายชื่อขั้นเหนือสวรรค์ก็ยังพ่ายแพ้ต่อหลี่ฉิงเฟิงอย่างหมดรูปแต่เมื่อเจียงไป่เต๋าเห็นท่าทีที่โอ้อวดโอหังของกู่เจี้ยนหลง เขาก็เปลี่ยนความคิด
��