My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 725 สาดหน้าบางคนด้วยไวน์แดง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 725 สาดหน้าบางคนด้วยไวน์แดง
ลั่วหนี่ชิงในฐานะที่เป็นสาวงามระดับสุดยอดและหนึ่งในสมาชิกของสี่ตระกูลใหญ่ เธอเป็นจุดเด่นในงานเลี้ยงเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็เบียดเสียดกันมาทักทายและอยากจะใกล้ชิดกับเธอ
แต่เมื่อทุกคนได้เห็นหลี่ฉิงเฟิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับลั่วหนี่ชิงใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เนื่องจากลั่วหนี่ชิงมีฉายาว่า ‘กุหลาบมีหนาม’ เธอไม่เคยมีแฟนมาก่อนและไม่เคยมีใครเห็นเธอไปไหนมาไหนกับผู้ชาย ฉิงเฟิงถือเป็นคนแรก
เขาคือชายคนแรกที่ออกงานพร้อมกับสาวงามคนนี้ซึ่งสร้างความริษยาให้แก่ผู้ชายมากมายในงานเลี้ยง
ควรต้องรู้ด้วยว่าแม้กระทั่งนายน้อยของหนึ่งในสี่ตระกูลผู้ฝึกยุทธ์,กู่เจี้ยนหลง ก็ยังไม่เคยได้เดินเคียงข้างลั่วหนี่ชิงแม้แต่ครั้งเดียว เห็นได้ชัดว่าลั่วหนี่ชิงพิถีพิถันเรื่องผู้ชายขนาดไหน
ฉิงเฟิงถือเป็นผู้ชายคนเดียวและคนแรกที่ได้อยู่เคียงข้างลั่วหนี่ชิงดึงดูดความสนใจมากที่สุดในฝูงชนส่วนใหญ่ ดวงตาของพวกเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและเป็นปรปักษ์
ในฐานะสาวงามคนหนึ่งลั่วหนี่ชิงเป็นสิ่งที่ทุกคนหมายปอง เธอเป็นดั่งเทพธิดาของพวกเขา แม้จะไม่ได้ครอบครองแต่พวกเขาก็ไม่อยากให้ผู้อื่นได้เธอไปเช่นกัน ด้วยการปรากฏตัวของฉิงเฟิง ชายคนแรกที่เดินเคียงข้างเธอ คนจำนวนมากตัดสินใจที่จะกำจัดเขาให้พ้นทาง
ผู้ชายมักจะมุ่งเป้าไปที่สาวงามโดยเฉพาะลั่วหนี่ชิง สาวงามระดับท็อบของเมืองเทียนจิง เธอย่อมเป็นศูนย์กลางความสนใจเป็นธรรมดา
ฉิงเฟิงสัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์จากผู้คนรอบด้านและเขาก็รู้ว่าเพราะอะไร เขาไม่ได้สนใจสายตาของคนเหล่านี้ เขามาเป็นเพื่อนเธอเพราะต้องการเข้าร่วมสำรวจสุสานแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้นเอง
ฉิงเฟิงหยิบแก้วไวน์และเดินออกไปเขาไม่ได้สนใจเหล่าบุคลชั้นสูงในงานเลี้ยงนี้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีชื่อเสียงมากในเมืองเทียนจิง, มีทรัพย์สินหลายพันล้านหรือแม้แต่ล้านล้าน แต่สำหรับฉิงเฟิง เรื่องพวกนี้ไร้ซึ่งความหมาย
เงินตรานั้นไร้ค่าสำหรับเขาเขาจะหามันเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนเรื่องความแข็งแกร่ง เป็นที่แน่นอนว่าเขาไร้เทียมทานยกเว้นว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับแกรนด์มาสเตอร์ ดังที่กล่าวมาทั้งหมด ในความคิดของเขา เขาไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจคนเหล่านี้มากนัก
แต่ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะไม่อยากมีปัญหาแต่ก็ยังมีคนมาหาเรื่องเขา ชายหนุ่มผมสั้นเกรียนสวมแหวนหยกและใส่นาฟิกา Patek Philippe เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับใบหน้าที่เย่อหยิ่ง
“เด็กน้อยแกเป็นอะไรกับลั่วหนี่ชิงวะ ” ชายหนุ่มผมสั้นเกรียนมีน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เสียงของเขาให้ความรู้สึกราวกับว่าทุกคนเป็นขยะเมื่อเทียบกับเขา ซึ่งทำให้ฉิงเฟิงรำคาญไม่น้อย
ฉิงเฟิงยังคงยืนเฉยๆและจิบไวน์แดงในเมื่อโดยไม่แยแสชายคนนี้
เมื่อชายหนุ่มผมสั้นเกรียนเห็นว่าฉิงเฟิงไม่สนใจเขาก็โกรธมาก เขารู้สึกราวกับว่าศักดิ์ศรีของตนเองกำลังถูกท้าทาย สำหรับเขานี่เป็นการยั่วยุ เลือดลมเขาสูบฉีดมากขึ้นและในใจเต็มไปด้วยความโกรธ
“ไอ้เด็กน้อยฉันกำลังพูดกับแกอยู่นะ หูหนวกรึไงวะ !” ชายไม่ได้มีท่าทางหยิ่งยโสอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาตะโกนถามออกมาเสียงดังจนกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนภายในงาน
เหล่าคนที่ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธเคืองก็หันไปให้ความสนใจทั้งสองคนนี้ด้วยแววตาที่ไม่พอใจนัก
ในงานเลี้ยงค็อกเทลการทะเลาะกันเพื่อแย่งหญิงเกิดขึ้นเป็นบางครั้ง คนเหล่านี้ก็พอใจและชอบที่จะยืนชมดราม่า มันเหมือนเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง จึงไม่มีใครออกไปห้ามปราม
“โว้ว! ดูนั่นสิ เป็นนายน้อยตระกูลใหญ่อันดับสิบของเมืองเทียนจิง”
“ใช่นายน้อยจางตงแอบชอบลั่วหนี่ชิงมาตลอด หมอนั่นซวยแล้วไง”
“พูดไปแล้วฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อหลี่ฉิงเฟิงมาก่อนเขาใหญ่โตมาจากไหนถึงมาอยู่เคียงข้างลั่วหนี่ชิงได้ วอนโดนตีนชัดๆ”
“เหอะข้ากล้าพูดได้เลยว่านายน้อยจางตงจะต้องเอาเรื่องหลี่ฉิงเฟิงอย่างแน่นอน”
คนรอบๆกำลังคุยกันดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
กู่เจี้ยนหลงที่อยู่มุมหนึ่งก็มองมาที่ฉิงเฟิงด้วยรอยยิ้มเขาต้องการจะสั่งสอนฉิงเฟิงเป็นการส่วนตัว แต่ในเมื่อตอนนี้มีคนทำหน้าที่แทนแล้ว เขาก็ยินดีที่จะรอดูชม
ไม่ไกลนักลั่วหนี่ชิงกำลังดื่มไวน์และคุยกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งอยู่
เธอมีใบหน้าที่มีเสน่ห์ผิวขาว จมูกโด่ง ดวงตาเป็นประกาย กล่าวได้ว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง เธอสวมชุดเดรสสีขาวซึ่งหอบหุ้มเรือนร่างที่สง่างามของเธอให้ดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
“ลั่วหนี่ชิงชายหนุ่มที่เธอพามาด้วยกำลังมีปัญหาแล้วนะ ไม่เข้าไปช่วยเขาหน่อยเหรอ ” ผู้หญิงในชุดเดรสสีขาวกล่าวพร้อมหัวเราะเล็กน้อย
ลั่วหนี่ชิงส่ายหัวและกล่าวว่า“เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกถังหยุน จางตงก็เป็นเพียงแค่ตัวตลกคนหนึ่ง ชั้นมั่นใจว่าหลี่ฉิงเฟิงจะแก้ปัญหาเองได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหนี่ชิงถังหยุนก็มีรอยยิ้ม ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ถังหยุนสุสานแกรนด์มาสเตอร์จะเปิดในวันพรุ่งนี้แล้ว มาร่วมทีมกันเถอะ”
ลั่วหนี่ชิงกล่าวกับถังหยุน สถานะของถังหยุนนั้นไม่ใช่ธรรมดาเธอก็เป็นลูกหลานคนหนึ่งของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนจิง เธอเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลถังเช่นเดียวกับลั่วหนี่ชิง ในเมื่อพวกเธอทั้งสองต่างก็เป็นผู้หญิง ลั่วหนี่ชิงจึงอยากร่วมมือกับเธอ
สุสานของแกรนด์มาสเตอร์มีสมบัติมากมายแต่ก็มีเหล่าผู้แข็งแกร่งหลายคนหมายปอง เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ไร้เทียมทาน ดังนั้นการหาผู้ร่วมทีมจะเพิ่มโอกาสในความสำเร็จมากขึ้น
“ลั่วหนี่ชิงเธอต้องการร่วมมือกับฉัน แล้วเราจะแบ่งสมบัติกันอย่างไร ?”
“ง่ายมาก50-50 เธอคิดว่าไง ”
“ดีมากงั้นฉันจะร่วมมือกับเธอ” ถังหยุนยิ้มและตอบรับที่จะร่วมมือกับลั่วหนี่ชิง
หลังจากตกลงกันเสร็จสายตาของผู้หญิงทั้งสองคนก็จ้องไปที่ฉิงเฟิง ลั่วหนี่ชิงอยากรู้ว่าฉิงเฟิงจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ส่วนถังหยุนก็จับจ้องมองฉิงเฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเนื่องจากการที่ได้อยู่เคียงข้างลั่วหนี่ชิงนั้นแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ไอ้เด็กน้อยฉันขอเตือนแกไว้ก่อนนะ ไสหัวไปให้ไกลๆจากลั่วหนี่ชิงซะ ไม่งั้นฉันจะทำให้แกตายอย่างแน่นอน” จางตงข่มขู่ฉิงเฟิงด้วยรอยยิ้มที่หนาวเย็นในขณะที่ถือไวน์แดง
ข่มขู่ฉัน
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยแววตาเย็นยะเยือกเขาไม่เคยรู้จักจางตงมาก่อน และเรื่องต้องห้ามที่สำคัญของฉิงเฟิงก็คือการข่มขู่ เขาเกลียดการถูกข่มขู่มาก
“ไสหัวไปไกลๆซะรกหูรกตา !” ฉิงเฟิงสบถออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดุร้าย
หลังจากได้ยินที่ฉิงเฟิงกล่าวผู้คนในงานเลี้ยงต่างก็เต็มไปด้วยความช็อค ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
จางตงเป็นใคร เขาคือนายน้อยของหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ในเมืองเทียนจิง ตระกูลนี้ร่ำรวยและมีทรัพย์สินมากกว่าหลายพันล้านหยวน เขาคือทายาทรุ่นที่สองของตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจ
ในเมืองเทียนจิงนี้มีเพียงตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสี่เท่านั้นที่เขาไม่กล่าวล่วงเกิน นอกนั้นไม่เคยมีใครกล้ามาหาเรื่องเขา แต่หลี่ฉิงเฟิงคนนี้กลับกล้าด่าทอเขาต่อหน้าสาธารณะ
ต้องบอกว่าความกล้าหาญของฉิงเฟิงทำให้ทุกคนตกใจใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ไอ้เด็กบัดซบแกกล้าด่าฉัน !”
“แล้วไง ไปไกลๆซะ”
“ไอ้เด็กน้อยแกมันปากหมานัก !” ใบหน้าของจางตงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาถือแก้วไวน์แดงขึ้นและเตรียมจะสาดไวน์ใส่หน้าฉิงเฟิงเพื่อทำให้เขาขายหน้า
ในขณะที่ฉิงเฟิงมองไปที่แก้วไวน์ที่จางตงกำลังจะสาดใส่เขาเขาก็ขยับตัวทันทีและหลบมัน
วูบ!
ฉิงเฟิงหยิบแก้วไวน์ที่ลอยมาหาเขาและใช้แก้วไวน์ในมือตัวเองสาดใส่หน้าของจางตงแทนเป็นผลทำให้จางตงเปียกโชกไปทั้งตัวราวกับลูกไก่ตกน้ำ