My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 727 เข้าสู่สุสานยอดยุทธ์แกรนด์มาสเตอร์
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 727 เข้าสู่สุสานยอดยุทธ์แกรนด์มาสเตอร์
ฉิงเฟิงตามลั่วหนี่ชิงกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลลั่วแน่นอนว่าระหว่างทางมีแต่คนที่ไม่พอใจเขา แต่เนื่องจากอิทธิพลของลั่วหนี่ชิงทำให้พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ลั่วหนี่ชิงเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลลั่วหนึ่งในสี่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเทียนจิง ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลหรือความแข็งแกร่งของตระกูลเธอ ต่างก็ทำให้คนทั่วไปต้องหวาดหวั่น ผู้คนทั่วไปมักจะเคารพและยำเกรงเธอ พวกเขาเหล่านั้นจึงต้องข่มตัวเองจากการหาเรื่องฉิงเฟิง
หลังจากกลับมาที่ตระกูลลั่วลั่วหนี่ชิงก็จัดเตรียมห้องที่ดีที่สุดให้เขาและบอกให้เขาพักผ่อนมากๆเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับวันสำคัญพรุ่งนี้
ห้องนี้หรูหรามากและทำด้วยทองคำทั้งหมดมันเหมือนห้องชุดในโรงแรมที่ไว้รับรองประธานาธิบดีเลยทีเดียว มีทั้งห้องครัว ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ ฯลฯ อีกทั้งยังมีการตกแต่งที่หรูหรามาก
ฉิงเฟิงไม่สามารถข่มตาหลับนอนในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและโทรหาเหมียวซิยี้
“นายท่านมีอะไรหรือคะ ” เมื่อเห็นฉิงเฟิงโทรมา เหมียวซิยี้รับสายแทบจะทันทีและกล่าวด้วยความเคารพ
“ซิยี้หลินเสวี่ยเป็นไงบ้างตอนนี้ ” เสียงของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความกังวล
“นายท่านพี่สาวเสวี่ยยังอยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติ แต่ประธานซูได้ดูแลเธอเป็นอย่างดีและให้สารอาหารที่ดีที่สุดแก่เธอ สีหน้าเธอไม่ซีดเซียวอีกแล้วและดูดีขึ้นเล็กน้อย”
“ซิยี้แล้วมีใครบุกเข้ามาหาเรื่องในโรงพยาบาลมั้ย ” “นายท่านหลังจากที่คุณจากไปก็มีบุคลลึกลับหลายคนพยายามจะลักพาตัวพี่สาวเสวี่ย แต่ทีมเขี้ยวหมาป่าก็ฆ่าทิ้งหมดแล้ว”
“ดีมากหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น มันต้องเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อยในการปกป้องหลินเสวี่ย เธอไปบอกทีมเขี้ยวหมาป่าทุกคน หากมีใครจ้องจะทำร้ายหลินเสวี่ยให้ฆ่าได้เลยไม่ต้องปรานี !” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
ในตอนนี้ฉิงเฟิงกำลังจะต้องเดินทางเข้าไปในสุสานแกรนด์มาสเตอร์เพื่อตามหาเถาวัลย์อีกาดำเขาไม่อาจอยู่เคียงข้างคอยดูแลหลินเสวี่ยได้ ศัตรูของเขามุ่งเป้าไปที่หลินเสวี่ยอย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้ทำให้ฉิงเฟิงโกรธเกรี้ยวมาก เขาตั้งใจว่าหลังจากได้ของที่ต้องการครบแล้ว เขาจะล้างบางพวกมันทั้งหมด !
ฉิงเฟิงมีความเมตตามากเกินไปเขาปล่อยศัตรูไปและไม่ขุดรากถอนโคน เขารู้ว่าต้องฆ่าพวกมันให้สิ้น มีเพียงคนตายเท่านั้นที่ไม่อาจมาล้างแค้นและก่อกวนเขาได้ หลังจากได้คุยกับเหมียวซิยี้ทางโทรศัพท์เขาก็ได้ทราบเกี่ยวกับสภาพร่างกายของหลินเสวี่ย ทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
ฉิงเฟิงนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานและไม่สามารถหลับได้เขานอนคิดถึงหลินเสวี่ยไปเรื่อยเปื่อย
โดยที่ไม่รู้ตัวสุดท้ายเขาก็หลับไป
ในความฝันเขาฝันว่าตนเองและหลินเสวี่ยจัดงานแต่งงานกันและมีผู้คนทั่วโลกมาร่วมแสดงความยินดี เขาได้จัดงานแต่งงานระดับโลกให้เธอได้สำเร็จ
ความฝันของเขาสั้นมากในขณะที่ถึงขั้นตอนสุดท้าย เขากำลังจะสวมแหวนให้หลินเสวี่ย เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยเสียงเคาะประตูที่ดังสนั่น
ฉิงเฟิงลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิดในฝันเขาเกือบจะสวมแหวนให้หลินเสวี่ยและเสร็จพิธีแต่งงานอย่างมีความสุข แต่ดันมีคนมาขัดจังหวะ ปังๆๆๆ
!
“เฮ้ยตื่นโว้ย!”
ฉิงเฟิงเดินไปเปิดประตูอย่างไม่เต็มใจใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ เวลานี้ลั่วเทียนเฮากำลังยืนอยู่ข้างนอกห้องฉิงเฟิง
“นายมีธุระอะไรแต่เช้าขนาดนี้ อย่ามารบกวนความฝันอันสวยงามของคนอื่นสิ !”
ฉิงเฟิงเหลือบมองลั่วเทียนเฮาและกล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
ลั่วเทียนเฮายิ้มอย่างเย่อหยิ่งและพูดว่า“ลูกพี่ลูกน้องของฉันให้มาปลุกนาย ทีมของเขาพร้อมที่จะออกเดินทางไปสุสานกันแล้ว นายลืมรึไง ”
หลังจากพูดจบลั่วเทียนเฮาก็หันหลังเดินจากไปทันที เขาเป็นคนที่หยิ่งยโสและไม่เห็นฉิงเฟิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“เฮ้อ..ไอ้หมอนี่ ทำไมทำตัวยโสนักนะ ”ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจในแววตา
เขาถอนหายใจและเดินกลับไปแต่งตัวเตรียมของภายในห้องจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบ
เมื่อฉิงเฟิงมาถึงก็เห็นลั่วหนี่ชิงกำลังยืนรออยู่พร้อมกับยอดยุทธ์อีกหลายคนที่อยู่ข้างหลังเธอเมื่อรวมเขาเข้าไปก็เป็นสิบคนพอดี
คนเหล่านี้คือสมาชิกตระกูลลั่วพวกเขาเตรียมอุปกรณ์ไว้ครบครันไม่ว่าจะเป็นไฟฉาย เครื่องขุดเจาะ เชือก กระบี่ ดาบยาวและปืน
สองมือของพวกเขาทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยสิ่งของมีเพียงฉิงเฟิงเท่านั้นที่เดินตัวปลิว ไม่สิ เขาก็มีบางอย่างพกติดตัว แต่มันไม่ใช่อุปกรณ์ในการสำรวจหรือเครื่องขุดเจาะ มันคือกระบี่เล่มหนึ่ง, กระบี่เพลิงแดงของเขา มันอยู่คู่กายเขาเสมอนับตั้งแต่ที่ได้รับสืบทอดมาจากราชันกระบี่หัวเซี่ย เนี่ยอู๋ซวง
“วูฟคิงนี่เป็นอาหารสำหรับสามวันของคุณ หลังจากเข้าสู่สุสานแกรนด์มาสเตอร์แล้วพวกเราจะไม่มีของกิน จึงต้องพกเสบียงไว้”ลั่วหนี่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน เธอส่งกระเป๋าเป้สะพายหลังให้กับฉิงเฟิง
นี่เป็นกระเป๋าเป้สะพายหลังของทหารมันมีขนาดเล็ก แต่ก็อเนกประสงค์ ด้านในเต็มไปด้วยขนมปัง เนื้อ น้ำดื่มและอื่น ๆ
อาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีพลังงานสูงอย่างแรกเลยพวกมันให้พลังงานที่เพียงพอ สองพวกมันมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสำหรับร่างกาย
มนุษย์ทุกคนต่างก็ต้องกินและมันจะเป็นหายนะแน่นอนถ้าหากไม่มีอาหารเพียงพอในสถานการณ์ที่ต้องอยู่รอด ดังนั้น อาหารเหล่านี้จำเป็นมากสำหรับการเดินทางและเข้าไปสำรวจในสุสาน
หลังจากนั้นพวกเขาทุกคนก็กินอาหารเช้าแบบง่ายๆและขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปที่สุสานแกรนด์มาสเตอร์
ลั่วหนี่ชิงให้ทุกคนขึ้นเครื่องไปและให้ฉิงเฟิงนั่งข้างๆเธอเรื่องนี้ทำให้ทุกคนในทีมต่างเต็มไปด้วยอิจฉา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลั่วเทียนเฮา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความริษยา เขามองฉิงเฟิงอย่างเคียดแค้นชิงชัง
ถึงแม้ว่าลั่วเทียนเฮาจะเป็นญาติของลั่วหนี่ชิงแต่เขาก็ความคิดสกปรกต่อเธอ ในหัวเขาเต็มไปด้วยจินตนาการที่ได้ขึ้นค่อมเธอ เขาต้องการครอบครองผู้หญิงคนนี้มาก
จากแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์ของสุสานของแกรนด์มาสเตอร์ระบุว่าสุสานนั้นตั้งอยู่ในเทือกเขาขนาดมหึมาทางตอนเหนือของเมืองเทียนจิงเทือกเขามหึมานี้เป็นภูเขาที่ล้อมรอบเมืองเทียนจิง มันทอดยาวออกไปนับพันกิโลเมตร และสูงถึงสามกิโลเมตรทีเดียว มันเต็มไปด้วยโขดหินที่ปกคลุม มีทั้งพืชพรรณนาๆชนิดและเต็มไปด้วยสัตว์ป่าจำนวนมาก
*เขาใช้คำว่าVast Mountain ไม่ใช่ Mountain ธรรมดา ดูรูปประกอบละกันว่า vast mountain เป็นแบบไหน*
ภูเขาใหญ่มีอันตรายที่ซ่อนอยู่มากมายแต่ยังมีโอกาสมากมาย ความเสี่ยงและโอกาสมักจะอยู่ร่วมกัน ถ้าคุณต้องการได้รับสมบัติธรรมชาติคุณจะต้องเสี่ยง
ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์นั้นเร็วมากหนึ่งชั่วโมงต่อมาก็พาพวกเขาทุกคนมาถึงตีนเขา
ฉิงเฟิงลั่วหนี่ชิง ลั่วเทียนเฮาและสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลลั่ว ต่างก็หยิบเป้ของตนเองและอุปกรณ์ จากนั้นก็ลงจากเครื่องทีละคน หลังจากที่ทุกคนลงไปหมดแล้วนักบินก็บินไปจอดในบริเวณโล่งที่อยู่ไม่ไกล
“มีคนมากันไม่น้อยเลยทีเดียว”ทันทีที่ฉิงเฟิงและคนอื่นๆมาถึงตีนเขาของเทือกเขาใหญ่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเนื่องจากจำนวนคนที่มารวมตัวกันที่เชิงเขา จากการประมาณการคร่าวๆแล้วร่วมร้อยคนเลยทีเดียว
ประเด็นสำคัญคือผู้คนมากกว่า100 คนที่มารวมกันนั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือ ไม่มีคนธรรมดาแม้แต่คนเดียว ! พวกเขาทุกคนต่างเปล่งประกายออร่าที่แข็งกร้าวออกมา
แววตาของฉิงเฟิงกลายเป็นคมกริบเพราะในหมู่คนเหล่านั้นเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากมาย แน่นอน ใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้นไม่ใช่ใบหน้าของสหายฉิงเฟิง แต่เป็นศัตรูแทบทั้งสิ้น !