My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 734 กับดักในสุสาน
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 734 กับดักในสุสาน
สีหน้าของทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นเจียงไป่เต๋าถูกลูกศรปักเข้าที่ร่างพวกเขารู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของเจียงไป่เต๋าเป็นอย่างดีเนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในสามสุดยอดของยอดยุทธ์รายชื่อขั้นเหนือสวรรค์
แต่จากที่ได้เห็นแม้กระทั่งหนึ่งในสามสุดยอดยังถูกลูกศรปักร่าง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังทำลายของกับดักเหล่านี้ และแน่นอนว่ามันย่อมมีอีกมากมายภายใน พายุลูกศรนับไม่ถ้วนเหล่านี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น !
อาการบาดเจ็บจากลูกศรของเจียงไป่เต๋านั้นไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตสมาชิกคนอื่นของตระกูลเจียงรีบวิ่งไปหาเขาและพาตัวไปรับการรักษาทันที
มันถือเป็นโชคดีสำหรับเขาที่ลูกศรไม่มีพิษมิฉะนั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
หลังจากใช้ความพยายามอย่างมากในการเปิดกำแพงศิลาพวกเขาก็ไม่คิดว่าจะถูกขวางอีกครั้ง
มีหลุมเล็กๆอยู่สองข้างทางของอุโมงค์ข้างหน้าซึ่งลูกศรถูกยิงออกมาจากภายในนั้นนั่นเอง
“ให้ฉันลองหน่อยสิ”กู่เจี้ยนหลงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆและเดินไปข้างหน้าเพื่อทดสอบพลังของกับดัก
“เจี้ยนหลงระวังด้วย !” เตี๋ยชุ่นหลันร้องทักจากด้านหลัง แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมระหว่างพวกเขา
กู่เจี้ยนหลงตอบรับเธอด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยเขาเดินด้วยความระมัดระวังในขณะที่คนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างมองตาไม่กระพริบ
ฟิ้วๆๆๆ!!
กู่เจี้ยนหลงเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีลูกศรนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากกำแพงทั้งสองฝั่งมันราวกับลูกศรน้ำตกกำลังพุ่งเข้าใส่กู่เจี้ยนหลง
เคร้ง!! กู่เจี้ยนหลงชักกระบี่ออกมาและเหวี่ยงควงเป็นวงกลมด้วยแสงกระบี่ปัดป้องลูกศรทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา
“ลูกศรเหล่านี้มีมากมายนักเกินกว่าที่พวกเราจะฝืนเข้าไปได้” กู่เจี้ยนหลงถอยกลับมาด้วยใบหน้าขาวซีด
อุโมงค์ที่อยู่ข้างหน้าทอดยาวกว่า100 เมตร แต่ลูกศรที่พุ่งออกมามีนับร้อยภายในครั้งเดียวทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านไปโดยไม่มีรอยขีดข่วน
กู่เจี้ยนหลงอาจจะฝืนฝ่าเข้าไปได้หากยอมกัดฟันฝ่าดงลูกศรเหล่านี้แต่ถ้าหากมันยังมีกับดักซ่อนอีกชั้นมันจะเป็นอันตรายอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงอยากให้ไปพร้อมๆกัน
หลังจากกู่เจี้ยนหลงเตี๋ยชุ่ยหลน เฮลคิง เหลิงเสวี่ย ตูลูธต่างก็เดินเข้าไปทดสอบเช่นกันแต่พวกเขาก็ถูกบีบให้ต้องถอยกลับมา
รวมถึงลั่วหนี่ชิงฉินเซียนจื่อ ฉินตงและลั่วเทียนเฮา ต่างก็ลองเสี่ยงโชคลุยฝ่าไปเช่นกัน แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนกัน ลูกศรมากมายเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดทันทีที่ผู้ใดก็ตามเข้ามาใกล้อุโมงค์ กำแพงหนาที่เต็มไปด้วยลูกศรก็จะยิงออกมาไม่หยุดยั้ง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
ในเวลานี้เหล่ารุ่นเยาว์อัจฉริยะต่างก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองจากความพ่ายแพ้ พวกเขาต่างก็เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลัง แต่ยังไม่สามารถเอาชนะกับดักในสุสานได้
ตอนนี้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงความสามารถที่ยิ่งใหญ่ของแกรนด์มาสเตอร์แล้วเจ้าของสุสานผู้นี้สามารถขัดขวางพวกเขาทั้งหลายได้ แม้ในยามที่เขาจะตายไปแล้วก็ตาม
แกรนด์มาสเตอร์คืออะไร เขาคือผู้ที่สามารถก้าวไปถึงขีดจำกัดของขอบเขตในศาสตร์นั้นๆแล้ว นักมวยระดับแกรนด์มาสเตอร์คือผู้ที่ถึงเข้าศาสตร์สูงสุดแห่งเชิงมวย และมือกระบี่ระดับแกรนด์มาสเตอร์ก็คือผู้ที่เหยียบย่างไปถึงจุดสูงสุดแห่งวิถีกระบี่ ในเมื่อสถานที่นี้ต่างเต็มไปด้วยกับดักมากมายเป็นไปได้หรือไม่ว่าแกรนด์มาสเตอร์ผู้นี้จะเป็นปรมาจารย์ในศาสตร์แห่งกับดัก ?
ทุกคนต่างก็เบนสายตาจ้องมองไปที่ฉิงเฟิงเป็นจุดเดียวกันจนเจ้าตัวต้องขมวดคิ้วและกล่าวว่า“เฮ้ ! ทำไมพวกนายทุกคนถึงจ้องฉันแบบนี้ ไม่ได้มีอะไรติดหน้าฉันสักหน่อย”
ฉิงเฟิงรู้สึกขนลุกกับสายตาจำนวนมากที่จ้องมองมาของคนเหล่านี้และรู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อยเนื่องจากถ้าหากคนเหล่านี้พร้อมใจกันลงมือต่อเขา แน่นอนว่าเขาจะกลายเป็นเนื้อบดภายในพริบตา !
แต่ตามหลักเหตุผลแล้วเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าเขาจะมีศัตรูจำนวนมากแต่เขาก็ยังมีสหายด้วยเช่นกัน ลั่วหนี่ชิง ฉินเซียนจื่อและกัวซื่อเว่ย
“ฉิงเฟิงคุณหาทางผ่านกับดักนี้ได้ไหม ” ลั่วหนี่ชิงถามขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าศัตรูของเขาย่อมไม่มีทางถามคำถามนี้แน่นอนลั่วหนี่ชิงเป็นสหายที่ดีของเขา เธอจึงกล่าวถาม ฉิงเฟิงกล่าวว่า“ฉันจะลองดูก็แล้วกัน”
เมื่อตอนที่เขายังเด็กฉิงเฟิงเคยเรียนรู้ศาสตร์เกี่ยวกับกับดักจากอาจารย์ของเขามาเช่นกัน ดังนั้นกับดักพวกนี้ไม่ได้แปลกใหม่อะไรสำหรับเขา
เขาไม่ได้มุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนผู้อื่นเนื่องจากอุโมงค์นั้นได้รับการคุ้มกันโดยลูกศรที่ยิงออกมานับไม่ถ้วนเขามองไปที่ผนังด้านข้างของอุโมงค์แทน
ที่ผนังทั้งสองข้างถูกแกะสลักไปด้วยภาพนานาชนิดรวมไปถึงทั้งสัตว์ สัตว์ดุร้ายและมนุษย์
ตลอดทิศทางที่สายตาของฉิงเฟิงมองไปคนอื่นๆก็เพิ่งตระหนักได้ถึงรูปแกะสลักที่เต็มไปที่ผนัง
พวกเขาพบว่าภาพแกะสลักเหล่านั้นค่อนข้างฉูดฉาดทีเดียวแต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ฉิงเฟิงมองต่างจากคนอื่นเขาจมอยู่กับภาพและทำความเข้าใจกับภาพพวกนั้นในหัวเป็นฉากๆ ซึ่งจากรูปแกะสลักเหล่านั้น เขาเรียบเรียงออกมาในหัวสมองได้เป็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังล่ากระต่ายที่กำลังวิ่งหนีอยู่ด้วยลูกศรของพวกเขา แต่กระต่ายสามารถวิ่งหนีลูกศรนับไม่ถ้วนเหล่านั้นได้สำเร็จ
ดวงตาของฉิงเฟิงสว่างวาบขึ้นในทันทีเนื่องจากเขาได้ค้นพบว่าวิธีที่กระต่ายกระโจนหลบลูกศรตามภาพแกะสลักนั้นคือเส้นทางที่ปลอดภัย !
“มิสลั่วคุณหนูฉิน พวกคุณทั้งสองเดินตามฉันมา !” ฉิงเฟิงยิ้มด้วยความมั่นใจเพราะเขาได้ค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่ในกับดักนี้แล้ว
แม้จะสับสนเล็กน้อยแต่ลั่วหนีชิงและฉินเซียนจื่อต่างก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเพราะพวกเธอทั้งคู่เชื่อใจเขา
ตามเส้นทางหลบของกระต่ายฉิงเฟิงก็เริ่มกระโดดไปข้างหน้าในอุโมงค์ เขากระโดดด้วยเท้าทั้งสองแทนที่จะเดินหรือวิ่งตามปกติ
บนพื้นอุโมงค์ที่ทอดยาวมีหินทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งอยู่ในรูปแบบ33 เส้น ตราบเท่าที่เขาเดินตามเส้นทางที่ถูกต้องและกระโจนลงบนพื้นหินสี่เหลี่ยมจัตุรัสเหล่านั้น พวกเขาจะผ่านไปได้แน่นอน
“หนึ่งไปสามสองกลับไปที่สี่… ห้าไปที่เจ็ด หกกลับไปที่แปด แปดไปที่เก้า….”
ฉิงเฟิงพึมพำเบาๆกับตัวเองและเลียนแบบตามเส้นทางหนีของกระต่ายสุดท้ายเขาก็ไปถึงปลายอุโมงค์
ในขณะที่เขากระโดดตามวิธีนี้ไม่มีลูกศรออกจากผนังมาโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว เขาผ่านมันมาได้สำเร็จ !
ลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อก็ทำตามเขาและผ่านมาได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน
หลังจากที่ผ่านกับดักทั้งสองมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่รอยขีดข่วนใบหน้าของลั่วหนี่ชิงก็สว่างขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจต่อความสามารถของฉิงเฟิง ชายคนนี้น่าอัศจรรย์นักเขาคือผู้สร้างปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาสามารถผ่านกับดักทั้งสองเอาชนะยอดฝีมือทั้งหมดได้
ในขณะที่แววตาของลั่วหนี่ชิงเปล่งประกายไปด้วยความชื่นชมต่อฉิงเฟิงฉินเซียนจื่อก็ใช้แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความงดงามมองเขาเช่นกัน ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้นในดวงตาคู่งามของเธอ
เมื่อได้เห็นฉิงเฟิงถูกจ้องมองอย่างชื่นชมจากสาวงามทั้งสองลั่วเทียนเฮาและฉินตงก็แทบจะควันออกหูด้วยความไม่พอใจ