My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 735 อาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 735 อาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์
หลังจากที่ฉิงเฟิงลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อได้ผ่านกับดักที่สองไปอย่างง่ายดายแล้ว คนอื่นๆต่างก็ใช้วิธีการเดียวกันกับพวกเขาเพื่อผ่านด่านนี้เช่นกัน
หลังจากที่ทุกคนผ่านกับดักที่สองมาได้ครบพวกเขาก็มองฉิงเฟิงเป็นเหมือนแสงแห่งความหวัง
ถ้าหากการที่เขาผ่านด่านแรกที่ประตูศิลามาได้นั้นเป็นเพราะโชคด่านที่สองนั้นย่อมไม่ใช่แน่นอน มันคือความสามารถและความรอบรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งกับดักซึ่งไม่สามารถใช้โชคผ่านไปได้
ผลจากเรื่องนี้ทำให้แม้แต่ศัตรูก็ยังมองเขาในอีกมุมมองหนึ่ง
ถูกต้องพวกเขาต่างก็ต้องการที่จะแก้แค้นฉิงเฟิงจนอยากสับเขาเป็นชิ้นๆ แต่สมบัติภายในสุสานแกรนด์มาสเตอร์แห่งนี้น่าสนใจมากกว่า พวกเขาจะไม่พยายามฆ่าฉิงเฟิงในช่วงเวลานี้อย่างแน่นอนจนกว่าจะสำรวจสุสานจนครบทุกซอกทุกมุม ทำให้ฉิงเฟิงน่าจะปลอดภัยจากการถูกกรุ้มรุมไปอีกระยะหนึ่ง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเขาแน่วแน่มากในการฆ่าฉิงเฟิงเนื่องจากคนผู้นี้เจิดจรัสเกินไปในสายตาของศัตรูทุกคน ไม่ว่าจะด้านความแข็งแกร่งหรือความรู้ความสามารถ ระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนน่าใจหายและคุกคามพวกเขาทุกคน
เมื่อได้เห็นคนเหล่านั้นตามมาฉิงเฟิงก็ยิ้มเล็กน้อย เขามีศัตรูมากเกินกว่าจะฆ่าทีละคน ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะอาศัยกับดักในสุสานแห่งนี้เก็บพวกเขาทีละคน
เขามั่นใจว่าในสุสานแห่งนี้ต้องเต็มไปด้วยอันตรายและกับดักที่ทรงพลังมากมายซึ่งจะกลายเป็นอาวุธในการเก็บพวกเขา
เหล่าศัตรูมองฉิงเฟิงเป็นเหมือนเหยื่อที่ใช้งานแล้วทิ้งพวกเขาตั้งใจจะฆ่าฉิงเฟิงหลังจากสำรวจสุสานสมบูรณ์ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉิงเฟิงก็มีแผนการแบบเดียวกัน แม้ว่าเดินทางไปพร้อมกันแต่พวกเขาก็แอบวางแผนกันอย่างลับๆ
ในเมื่อฉิงเฟิงรู้ศาสตร์ของกับดักเขาจึงกลายเป็นผู้เดินนำไปโดยปริยาย พร้อมกับลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อที่เดินขนาบข้าง ตามหลังด้วยคนอื่นๆ
หลังจากผ่านอุโมงค์ไป100 เมตร ก็ปรากฏหินอ่อนสีดำขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณ 2 เมตร บนนั้นมีกระบี่ยาวสีเงินซึ่งมีลวดลายดวงดาวสลักไว้อยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่กระบี่ธรรมดา
“นั่นมันกระบี่จันทร์วารี! อาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ !” ฉินเซียนจื่ออุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างควบคุมไม่อยู่
อาวุธของผู้ฝึกยุทธ์ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับรวมถึงอาวุธระดับใต้สวรรค์,เหนือสวรรค์และอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ ยิ่งอาวุธระดับสูงเท่าใดก็ยิ่งทรงพลังอำนาจมากขึ้น และกระบี่จันทร์วารีนี้ก็คืออาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์นั่นเอง เมื่อทุกคนได้ยินคำอุทานของฉินเซียนจื่อพวกเขาก็จ้องไปตามทิศทางสายตาของเธอ และได้เห็นกระบี่จันทร์วารี ในบรรดาพวกเขาทั้งหมดต่างก็ครอบครองเพียงแค่อาวุธระดับเหนือสวรรค์เท่านั้น ไม่มีใครมีอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์แม้แต่คนเดียว
ไม่สิมีผู้หนึ่งที่ครอบครองอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ คนผู้นั้นก็คือหลี่ฉิงเฟิงนั่นเอง กระบี่แดงเพลิงของเขาเป็นศัตราวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ เพียงแต่เขายังไม่ได้เปิดเผยมันออกมา
เหล่าคนที่มาสุสานในครั้งนี้ต่างก็มาจากตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลใหญ่ๆในหัวเซี่ยทั้งสิ้นนอกจากความแข็งแกร่งของระดับพลังแล้ว พวกเขายังมีทั้งความรู้เรื่องอาวุธและทำให้ทราบว่าอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์นั้นมีค่าแค่ไหน
ใต้แท่นหินอ่อนมีตัวอักษรเล็กๆสลักไว้ว่า
“ขอแสดงความยินดีในการผ่านกับดักที่2 กระบี่จันทร์วารีคือรางวัลของท่าน” เมื่อได้เห็นคำที่แกะสลักไว้ดวงตาของทุกคนก็แดงก่ำไปด้วยความโลภ กระบี่จันทร์วารีเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงในหัวเซี่ย มันเคยเป็นของแกรนด์มาสเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเมื่อห้าสิบปีก่อน
“วูฟคิงพวกเราต้องได้กระบี่จันทร์วารีนี้” ใบหน้าของฉินเซียนจื่อแดงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอฉิงเฟิงกลับส่ายหัวและกล่าวว่า “ฉันไม่สนใจ ถ้าคุณอยากได้ก็ตามสบายเถอะ”
มันเป็นอาวุธที่มีพลังมากแต่กระบี่จันทร์วารีนี้ไม่มีประโยชน์อะไรต่อฉิงเฟิงแม้แต่น้อย เพราะเขามีกระบี่ระดับแกรนด์มาสเตอร์อยู่แล้ว นอกจากนี้ เขาก็ฝึกเคล็ดวิชากระบี่สายไฟในขณะที่กระบี่จันทร์วารีนั้นเพียงฟังแค่ชื่อก็สามารถคาดเดาได้ว่าต้องเป็นกระบี่ที่คู่กับเคล็ดวิชาสายน้ำ ต่อให้ได้มันมาก็ไร้ค่าสำหรับเขา
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือมีผู้คนมากมายที่ต้องการครอบครองอาวุธชิ้นนี้การต่อสู้แย่งชิงที่ดุเดือดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และย่อมต้องมีการบาดเจ็บล้มตายที่นี่ จากทั้งหมดที่กล่าวมา อาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์นั้นล้ำค่าเกินกว่าจะมองผ่านสำหรับพวกเขาเหล่านี้
คนส่วนใหญ่ที่นี่ต่างก็เป็นศัตรูของฉิงเฟิงเขาจึงต้องการจะทำให้ศัตรูสู้กันเองเพื่อแย่งชิงกระบี่จันทร์วารีเล่มนี้
เป้าหมายของเขาไม่ใช่อาวุธแต่มันคือเถาวัลย์อีกาดำซึ่งฉิงเฟิงจะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ได้มันมา มันคือสิ่งสำคัญในการช่วยหลินเสวี่ย
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาฉินเซียนจื่อและลั่วหนี่ชิงก็กระพริบตาคู่งามด้วยความประหลาดใจ เขายอมแพ้ในการแย่งชิงกระบี่เล่มนี้ทั้งๆที่มันคืออาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ที่เคยถูกใช้โดยแกรนด์มาสเตอร์ที่โด่งดังผู้หนึ่งของหัวเซี่ย
“ศิษย์น้องในเมื่อหมอนี่ไม่อยากได้มัน งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ” ฉินตงเหลือบมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความเหยียดหยาม เขาคิดว่าฉิงเฟิงเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้าออกไปสู้แย่งชิงกระบี่เล่มนี้
ลั่วเทียนเฮาก็อยู่ไม่สุขเช่นกันเขาร่ำร้องว่า “ลูกพี่ลูกน้อง พวกเราต้องเคลื่อนไหวแล้วนะไม่งั้นคนอื่นๆจะแย่งมันไปก่อน !”
ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามที่อยู่ใกล้ฉิงเฟิงที่สุดฉินเซียนจื่อ ลั่วหนี่ต่างก็อยู่ใกล้กับกระบี่เล่มนี้มากกว่าคนอื่นๆ พวกเธอพุ่งออกไปทันที
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นพวกเธอพุ่งเข้าหากระบี่พวกเขาก็กลัวจะเสียโอกาสและพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุดเช่นกัน
ฆ่า!
ฆ่า!
ฆ่า!
เมื่อมีสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่เช่นอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์พวกเขาก็เริ่มที่จะต่อสู้กันต่อหน้าของกระบี่จันทร์วารี โดยมีกลุ่มของกู่เจี้ยนหลงและเตี๋ยชุ่ยหลันกลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่สองเป็นถังหยุนและเจียงไป่เต๋า เฮลคิงกับเหลิงเสวี่ยเป็นกลุ่มที่สาม สมาคมนักฆ่าของตูลูธเป็นกลุ่มที่สี่ และลั่วหนี่ชิงกับฉินเซียนจื่อที่เป็นพันธมิตรชั่วคราวเป็นกลุ่มที่ห้า แต่ละกลุ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ฉิงเฟิงหลบฉากไปข้างๆและยืนกอดอกชมดูการต่อสู้เงียบๆ
“เฮ้! ไอ้หมาป่าหัวเน่า ทำไมนายไม่ไปชิงกระบี่จันทร์วารีกับพวกเขาละวะ ”
กัวซื่อเว่ยเดินไปหาฉิงเฟิงและถามด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะสหายสนิทของวูฟคิงกัวซื่อเว่ยรู้นิสัยของเขาดี เมื่อก่อนฉิงเฟิงนำทีมเขี้ยวหมาป่าและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติล้ำค่าทุกชิ้นที่เขาเห็น แต่ตอนนี้เขากลับยืนดูอยู่เฉยๆโดยไม่มีท่าทีสนใจอาวุธชิ้นนี้แม้แต่น้อย
ฉิงเฟิงยิ้มบางๆและกล่าวว่า“ไอ้อ้วน ในหัวฉันตอนนี้แต่เรื่องเถาวัลย์อีกาดำเท่านั้น ปล่อยพวกมันสู้กันไปเถอะ ฉันไม่สนใจ”
อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉิงเฟิงไม่ไปร่วมวงเพราะเขาต้องการสำรองพลังเอาไว้เพื่อแย่งชิงเถาวัลย์อีกาดำนั่นเอง
“บ๊ะ! ไอ้หมาหัวเน่า ข้าล่ะชื่นชมแกจากใจเลย สำหรับแกหลินเสวี่ยมีค่ามากกว่าอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์” กัวซื่อเว่ยยิ้ม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อฉิงเฟิง
ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลที่ฉิงเฟิงมาที่นี่นอกจากกัวซื่อเว่ยเขามาเพื่อตามหาเถาวัลย์อีกาดำเท่านั้น
ในบรรดาผู้ที่สามารถเข้ามาในสุสานต่างก็เป็นยอดฝีมือขั้นเหนือสวรรค์และลูกน้องที่นำมาการต่อสู้ของพวกเขาจึงดุเดือดรุนแรงมาก
ในช่วงเวลาสั้นๆผู้ติดตามของเหล่าตระกูลใหญ่และกองกำลังทั้งหลายต่างก็เริ่มล้มตายเลือดของพวกเขาสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งอุโมงค์
จากที่ฉิงเฟิงเห็นสมาชิกบางส่วนของตระกูลกู่, เจียง, และตระกูลถังต่างก็ล้มตายลง ในขณะที่คนของตระกูลลั่วและตำหนักโห่วเย่อหวงตี้นั้นยังปลอดภัยดี มีบางส่วนเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
“หลี่ฉิงเฟิงแกมากับตระกูลลั่ว รีบมาช่วยพวกเราสิโว้ย !” ลั่วเทียนเฮาจ้องฉิงเฟิงเขม็งและตะโกนออกมา