My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 749 ครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ผู้ทรงพลัง !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 749 ครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ผู้ทรงพลัง !
“เหอะแกเป็นแค่บุรุษหนุ่มไร้ชื่อ ของั้นเหรอ อย่าฝันเฟื่องไป ข้าจะเสพสุขกับเธอต่อหน้าแก จากนั้นก็ดูดเลือดเธอจนตาย” เซียะเย่หยางจือแสยะยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน81 ซาตานนอกรีต เซียะเย่หยางจือไม่เพียงแค่ชั่วร้ายอมหิต แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย คำขอของฉิงเฟิงนั้นไร้ราคาต่อหน้าเขา ถ้าหากฉิงเฟิงเป็นแกรนด์มาสเตอร์ บางทีเซียะเย่หยางจืออาจจะตกลงเพราะเห็นแก่หน้าเขา แต่ความจริงที่ว่าชายหนุ่มที่ร้องขอต่อเขาผู้นี้บรรลุเพียงแค่ขอบเขตเหนือสวรรค์ขั้นกลางเซียะเย่หยางจือจึงไม่แยแสต่อคำพูดของฉิงเฟิงแม้แต่น้อย ในโลกของเหล่ายอดยุทธ์นั้นใช้กฏแห่งป่าผู้ใดแข็งแกร่งกว่าก็มีอำนาจมากกว่า ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณแข็งแกร่งพอคุณก็จะได้รับความเคารพ
ใบหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปดวงตามีประกายแห่งความโกรธ คำพูดของเซียะเย่หยางจือนั้นดูถูกเขาเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่าฉิงเฟิงเป็นคนไร้ราคา
“เซียะเย่หยางจือแกปฏิเสธโอกาสที่จะรักษาหน้าของแกแล้วนะ แกอยากจะลงมือต่อคุณหนูฉินใช่ไหม ถามกระบี่ในมือของฉันรึยัง ?”
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มในเมื่อการศึกหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จำเป็นต้องสู้
“โอ้ ฮ่าๆๆๆ ไอ้หนู แกช่างกล้าจริงๆ แกกล้ามีปากเสียงกับข้า เยี่ยม ! งั้นข้าจะดูดเลือดแกให้กลายเป็นมัมมี่คนก่อนเป็นคนแรก !”
เซียะเย่หยางจือเดินไปหาฉิงเฟิงด้วยท่าทางดุร้ายบนใบหน้าของเขาเขาต้องการฆ่าเจ้าเด็กปากมอมคนนี้
เมื่อเห็นเหตุการณ์ลงเอยเช่นนี้ใบหน้าของฉินเซียนจื่อก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมากเธอร่ำร้องออกมาว่า “หลี่ฉิงเฟิง ท่านรีบหนีไป ไม่ต้องห่วงข้า”
แตกต่างจากคนอื่นๆที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังของเซียะเย่หยางจือฉินเซียนจื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้ในฐานะที่เป็นคุณหนูแห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ เซียะเย่หยางจือเป็นยอดฝีมือในระดับสุดยอด มีเพียงแกรนด์มาสเตอร์อย่างพ่อของเธอเท่านั้นที่สามารถรับมือเขาได้ ระดับพลังของฉิงเฟิงในตอนนี้ไม่มีทางทำอะไรเขาได้อย่างแน่นอน
“คุณหนูฉินฉันจไม่ทิ้งเธอหรอก” ฉิงเฟิงส่ายหัวและกล่าวอย่างอ่อนโยน เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดหรือเป็นผู้ชายที่หนีการต่อสู้ ถึงยามจำเป็นต้องสู้เขาก็จะสู้ ไม่ว่าเซียะเย่อย่างจือจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม
“คนโง่….”
ฉินเซียนจื่อพึมพำออกมาพร้อมกับมีรอยน้ำตาในดวงตาคู่งามของเธอเธอรู้สึกประทับใจต่อพฤติกรรมของฉิงเฟิงเป็นอย่างมาก ในขณะนี้ เธอเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆต่อเขา เธอเข้าใจดีว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะเอาชีวิตของตนเองเข้าเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือเธอ
“เป็นฉากที่น่าซาบซึ้งมาก! วีรบุรุษช่วยหญิงงาม ไอ้พวกฝ่ายธรรมะชอบเล่นเป็นฮีโร่แบบนี้แหละ แต่ข้าเกรงว่าแกจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งซะเปล่าๆ จะโทษก็โทษความบ้าบิ่นและไม่รู้จักประมาณตนเองเถอะ” เซียะเย่หยางจือหัวเราะเย้ยหยันด้วยหน้าตาที่โหดเหี้ยมและกระหายเลือด
“มันก็ยังไม่แน่ว่าใครจะตายอาจจะเป็นแกก็ได้” ฉิงเฟิงแสยะยิ้มออกมาด้วยความเย่อหยิ่งและอหังการ
เคร้ง
!
ฉิงเฟิงพลิกข้อมือของเขาดึงกระบี่แดงเพลิงคะนองออกมาทันที เขาพาดมันไว้เหนือหน้าอก ทั่วทั้งร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงออกมา “
คลื่นเพลิงโหมกระหน่ำ
!!
“
ฉิงเฟิงคำรามลั่นเขาส่งผ่านปราณแท้เข้าสู่ตัวกระบี่และใช้ออกด้วยกระบวนท่าที่สามของวิชากระบี่แดงเพลิงคะนองในทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับยอดยุทธ์ในระดับสูงเช่นนี้ฉิงเฟิงไม่กล้าประมาท เขาใช้พลังทั้งหมดที่เขามีอยู่ในทันที อีกทั้งยังใช้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
หากเป็นศัตรูทั่วไปตามหลักแล้วฉิงเฟิงจะปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือก่อน แต่สำหรับเซียะเย่หยางจือผู้นี้ฉิงเฟิงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชิงลงมือก่อน เขาจะไม่ปล่อยให้คนผู้นี้มีโอกาสได้ตั้งตัว ครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์นั้นแข็งแกร่งเกินไป ฉิงเฟิงมีความวิตกกังวลอย่างมาก
ฉัวะ! กระบี่แดงเพลิงคะนองฉีกผ่านอากาศและทิ้งรอยแตกเอาไว้ตลอดทางเต็มไปด้วยคลื่นเปลวเพลิงมหึมาที่เต็มไปด้วยรังสีกระบี่ ฟาดฟันหักโหมเข้าใส่เซียะเย่หยางจือ
กระบวนท่าที่สามของวิชากระบี่แดงเพลิงคะนองมีความแข็งแกร่งมากฉิงเฟิงใช้มันทำลายอาวุธของสาวกทุกคนของตระกูลกู่และตำหนักโกสคิง เขาเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถทำร้ายเซียะเย่หยางจือได้ด้วยวิชากระบี่ที่สุดยอดนี้
เซียะเย่หยางจือเห็นกระบวนท่าที่ดุดันนี้ก็ดวงตาเป็นประกายเขากล่าวชมว่า
“เคล็ดวิชาเยี่ยมกระบี่ชั้นยอด แต่น่าเสียดาย ตัวแกที่เป็นจุดอ่อน ระดับพลังลมปราณของแกมันอ่อนด้อยเกินไป”
เขาแสยะยิ้มอย่างไม่แยแสเมื่อลำคอของเขากำลังจะถูกกระบี่ของฉิงเฟิงแทงทะลุ เซียะเย่หยางจือก็สะบัดมือขวาเล็กน้อย ปราณแท้กลั่นตัวและเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงเลือด เขาแสยะยิ้มออกมาและชกหมัดขวาออกไปปะทะกับกระบี่ของฉิงเฟิงในทันที
เมื่อได้เห็นเซียะเย่หยางจือต่อกรกับอาวุธของอีกฝ่ายด้วยหมัดลุ่นๆใบหน้าของผู้คนรอบข้างก็แปรเปลี่ยนไป ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากการรับรู้ของพวกเขา กระบี่ของฉิงเฟิงนั้นทรงพลังมาก ในฐานะที่เป็นอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์และสังหารผู้คนไปมากมาย พวกเขาต่างก็หวาดกลัวต่อกระบี่นี้
ในขณะนี้นอกเหนือจากเหลิงเสวี่ยแล้วคนอื่นๆต่างก็ปรารถนาให้ฉิงเฟิงเอาชนะเซียะเย่หยางจือให้ได้รวมไปถึงศัตรูของเขาไม่ว่าจะเป็นเจียงไป่เต๋า ถังหยุน ต่างก็มองด้วยความหวัง พวกเขารู้ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามฉิงเฟิงนับได้ว่ายังเป็นผู้ฝึกยุทธ์สายดั้งเดิม เขายืนอยู่บนเส้นทางเดียวกัน แต่ถ้าหากฉิงเฟิงพ่าย เซียะเย่หยางจือไม่เพียงแต่จะฆ่าเขา ยังรวมถึงทุกคนที่อยู่ที่นี่อีกด้วย ตอนนี้ฉิงเฟิงเป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของทุกคน
ความฝันของพวกเขานั้นดูดีสวยหรูแต่ความเป็นจริงมักจะโหดร้ายเสมอ
เปรี้ยง
!!
หมัดของเซียะเย่หยางจือชกเข้าปะทะกับกระบี่แดงเพลิงคะนองตามมาด้วยเสียงอันดังผลที่ออกมากลับกลายเป็นว่าตัวของฉิงเฟิงและกระบี่แดงเพลิงคะนองลอยละลิ่วปลิวกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง เขากระเด็นถอยไปหลายสิบเมตรกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงและจบลงด้วยการล้มลงกับพื้นดังโครม !
พรวด
!
ฉิงเฟิงอ้าปากกระอักเลือดคำโตออกมาใบหน้าของเขาซีดลงด้วยความช็อคอย่างใหญ่หลวง
“
แกร่งเกินไป…ต่างกันเกินไป แม้จะเป็นวิชาและกระบี่ระดับแกรนด์มาสเตอร์ก็ไม่อาจต้านรับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว… บ้าชิบ
!”
ฉิงเฟิงคิดในใจอย่างเจ็บแค้น
ฉิงเฟิงเคยได้เห็นพลังของแกรนด์มาสเตอร์อัลบรอนตอนที่อยู่ในทวีปเสือมาแล้วดังนั้นเขารู้ดีว่าแกรนด์มาสเตอร์แข็งแกร่งแค่ไหน เขารู้ตัวว่าตนเองยังไม่ใช่คู่มือของยอดยุทธ์ระดับแกรนด์มาสเตอร์ แต่กึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์น่าจะมีความเป็นไปได้ ซึ่งนี่เป็นความคิดในตอนแรก
แต่ทว่าผลที่ออกมาจากการปะทะกันครั้งแรกก็ทำให้ฉิงเฟิงรู้ว่าเขานั้นประเมินฝีมือของตัวเองสูงเกินไปไม่สิ ต้องพูดว่าเขาประเมินครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ต่ำไปต่างหากถึงต้องพ่ายหมดรูปตั้งแต่กระบวนท่าแรกเช่นนี้
จากที่กล่าวมาทั้งหมดขอบเขตครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์นั้นหมายถึงการที่ยอดยุทธ์ผู้หนึ่งเหยียบเท้าเข้าสู่ขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ไปแล้วข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างนั้นยังอยู่นอกขอบเขต พูดให้ชัดเจนก็คือขอบเขตเหนือสวรรค์ไม่มีทางต่อกรได้แม้แต่ครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ก็ตาม
“อะ…อะไรกัน หลี่ฉิงเฟิงพ่าย ?” เมื่อได้เห็นกระบี่ที่ทรงพลังของฉิงเฟิงพ่ายแพ้ด้วยหมัดเดียว ทุกคนต่างก็ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ฉิงเฟิงเพิ่งฆ่ากู่เจี้ยนหลง,ตูลูธและศิษย์สาวกนับไม่ถ้วนทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกประทับใจกับความแข็งแกร่งอหังการของเขา จากเหตุผลนี้พวกเขาทุกคนต่างก็คาดหวังอย่างมากว่าฉิงเฟิงจะสร้างปาฏิหาริย์เอาชนะเซียะเย่หยางจือได้อีกครั้ง แต่ฝันของพวกเขาต่างก็พังทลายเมื่อเห็นฉิงเฟิงพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวแถมยังได้รับบาดเจ็บ
ในขณะนี้หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเนื่องจากพวกเขารู้ว่าความล้มเหลวของฉิงเฟิงก็หมายถึงความตายและทำให้ชะตากรรมของพวกเขาก็น่าสังเวชไม่แพ้กันพวกเขาทุกคนจะต้องถูกเซียะเย่หยางจือดูดเลือดจนกลายเป็นมัมมี่และเป็นฝีเฝ้าสุสาน
“นะนะ นายท่านเซียะเย่หยางจือ ผม ผมยังไม่อยากตายได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ !”
ลั่วเทียนเฮาคลานอย่างอ่อนล้าไปคุกเข่าโขกศีรษะขอชีวิตต่อเซียะเย่หยางจือเขาร้องไห้อย่างน่าอดสูเพื่อขอความเมตตา เขากลัวความตายมาก เขามีเงินมหาศาลที่เมืองเทียนจิงและมีสาวๆสวยๆอ้าขารออยู่ที่วิลล่ามากมาย เขาจึงยังไม่อยากตาย เขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปและกลับไปเสพสุขอย่างราชา
เมื่อได้เห็นว่านายน้อยจากตระกูลลั่วมาคุกเข่าร้องขอชีวิตเขาเซียะเย่หยางจือก็แสยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เขากล่าวว่า “เฮอะ เศษขยะไร้ศักดิ์ศรีเอ้ย ข้าจะปล่อยแกไปก็ได้ เอาละ ไปข่มขืนคุณหนูของแกซะ แล้วข้าจะยอมไว้ชีวิตแก”
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเซียะเย่หยางจือนั้นชั่วร้ายอย่างสุดขั้วเขาแม้แต่ออกคำสั่งให้ลั่วเทียนเฮาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับลั่วหนี่ชิงไปข่มขืนเธอต่อหน้าสาธารณะชน
“เล่นกับไฟ!”
เมื่อได้เห็นฉากนี้ใบหน้าของฉิงเฟิงก็มืดครึ้มลงและรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างมากในใจ
ฉิงเฟิงเหลือเพียงไพ่ใบสุดท้ายพลังแห่งสายเลือด เขาตัดสินใจที่จะปลดผนึกพลังแห่งสายเลือดเข้าต่อกรกับเซียะเย่หยางจือ นี่เป็นทางเลือกเดียว เขาต้องใช้ความได้เปรียบจากพลังสายเลือดเท่านั้น