My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 759 ความสามารถของตราผู้พิชิต
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 759 ความสามารถของตราผู้พิชิต
ฉิงเฟิงไม่ยอมให้ทีมเขี้ยวหมาป่าเข้าไปในห้องของหลินเสวี่ยดังนั้นพวกเขาจึงวางกระเช้าผลไม้และดอกไม้ไว้ที่ประตู ถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะเข้าไปเยี่ยมหลินเสวี่ยก็ตาม พวกเขายังคงต้องฟังคำสั่งบอส
“บอสครับช่วงที่บอสไม่อยู่มีหลายกลุ่มทีเดียวที่พยายามจะลอบสังหารพี่สะใภ้หลินเสวี่ย แต่พวกเราก็สามารถหยุดพวกมันไว้ได้” ลู่ซวนจี๋กล่าวด้วยความกังวลและขมวดคิ้ว
ถึงแม้ว่าทีมเขี้ยวหมาป่าจะฆ่าทุกคนที่พยายามจะลอบสังหารหลินเสวี่ยแต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยเพราะมือสังหารเหล่านั้นต่างก็ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
“ซวนจี๋,นักฆ่าพวกนั้นเป็นใคร ” ฉิงเฟิงถาม เขาต้องการที่จะทราบที่มาของศัตรูและตอบโต้กลับ
“บอสครับจากแหล่งข่าวของเราพวกมันมาจากตระกูลเทควันโดเกาหลี, ตระกูลกาโตร์จากทวีปเสือและบางส่วนก็มาจากสมาคมมือสังหาร” ลู่ซวนจี๋กล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ใบหน้าของฉิงเฟิงก็มืดครึ้มดวงตาคมกริบ เขาได้ฆ่าราชาเทควันโดและกาโตร์คิงไปในระหว่างการประลองในอารีน่าของทวีปเสือซึ่งเห็นได้ชัดว่าคนในตระกูลเหล่านั้นต่างก็โกรธแค้นฉิงเฟิง แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะมาแก้แค้นคนธรรมดาอย่างหลินเสวี่ย
ส่วนสมาคมมือสังหารนั้นความเกลียดชังของพวกเขาที่มีต่อฉิงเฟิงยิ่งลึกล้ำกว่าฉิงเฟิงเคยฆ่าหัวหน้าสมาคมโครงกระดูกและพันธมิตรนรกไปเมื่อไม่นานมานี้ ภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนเขาเพาะสร้างศัตรูไว้เป็นจำนวนมาก
“อ่อจริงด้วยบอสคะ นอกจากกองกำลังเหล่านี้แล้ว พวกเราก็เพิ่งสังเกตุเห็นนินจาหลายคนซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ที่นี่ พวกมันดูเหมือนว่ามีเป้าหมายที่หลินเสวี่ยเช่นกัน”
อลิซกล่าวเสริม แม้ความสามารถในด้านการต่อสู้ของเธอนั้นจะอ่อนแอแต่หากเป็นในด้านการตรวจจับและการรวบรวมข้อมูลอลิซนั้นคือที่สุดในกลุ่ม เธอสามารถค้นพบเหล่านินจาที่กำลังซ่อนตัวอย่างมิดชิดอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เมื่อได้ยินที่อลิซพูดถึงเหล่านินจาหัวใจของฉิงเฟิงก็สั่นไหว เขาได้ฆ่าราชานินจาในเมืองเทียนจิงและช่วงชิงตราแห่งผู้พิชิตกลับคืนมา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาฆ่าอิซุ โยชิจิโร่ ราชาดาบที่ 7 แห่งเกาะแปซิฟิกอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าฉิงเฟิงเต็มไปด้วยศัตรูจำนวนมากและพวกมันทุกกลุ่มต่างก็ทรงอำนาจ
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงใสๆดังขึ้น
“วูฟคิงในที่สุดพวกเราก็พบคุณ”
สิ้นเสียงนั้นลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อก็เดินเข้ามาพวกเธอไม่สามารถติดต่อฉิงเฟิงได้ดังนั้นพวกเธอจึงเดินทางมายังเมืองตงไห่เพื่อตามหาเขาด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เมืองตงไห่นั้นกว้างใหญ่เกินไปพวกเธอไม่สามารถตามหาตัวเขาได้หลังจากมาถึงที่เมืองนี้ ดังนั้นพวกเธอจึงใช้อิทธิพลและเส้นสายของตระกูลจนสุดท้ายก็ทราบข่าวว่าฉิงเฟิงอยู่ที่นี่
ทันทีที่สมาชิกในทีมเขี้ยวหมาป่าเห็นเทพธิดาทั้งสองคนมาหาฉิงเฟิงถึงที่พวกเขาก็หันไปมองหน้าและขยิบตาให้กันและมองไปที่บอสของพวกเขาด้วยสายตาที่ชื่นชม
บอสของพวกเขาช่างเป็นสุดยอดบอสจริงๆไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะมีสาวงามตามพัวพันเสมอ
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่สนุกสนานกับเสน่ห์ของฉิงเฟิงทันทีที่อลิซเห็นลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อ เธอก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“พวกคุณสองคนมาที่นี่ทำไม” ฉิงเฟิงขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
หลังจากฉิงเฟิงหลบหนีออกมาจากสุสานราชายาทิพย์เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในหนองน้ำและมุ่งหน้ากลับมายังเมืองตงไห่ทันที เขาไม่ได้ส่งข่าวหรือติดต่อกับสหายทั้งสองคนนี้และไม่คาดคิดว่าพวกเธอจะมาปรากฏตัวที่เมืองตงไห่
“วูฟคิงพวกเรามาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวร้ายต่อคุณ เจียงไป่เต๋าทำตัวเป็นนกรู้ เขาคาบข่าวไปบอกแก่ตระกูลกู่และผู้อาวุโสตระกูลลั่วว่าคุณเป็นคนฆ่ากู่เจี้ยนหลงและลั่วเทียนเฮา หัวหน้าตระกูลต่างโกรธเกรี้ยวมากจนส่งยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งมาเพื่อฆ่าคุณ”
ลั่วหนี่ชิงกล่าวด้วยความร้อนใจ
ในขณะที่เธอพูดการแสดงออกของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเพราะนักฆ่าที่กำลังจะตามล่าฉิงเฟิงนั้นเป็นของคนตระกูลเธอนั่นเอง ถึงแม้ว่าลั่วหนี่ชิงจะเป็นลูกสาวของหัวหน้าตระกูลลั่วคนปัจจุบัน แต่บางอย่างเธอก็ไม่สามารถห้ามปรามเหล่าอาวุโสได้
ฉิงเฟิงพยักหน้าเป็นการเข้าใจเขาไม่ได้ตำหนิหรือกล่าวโทษลั่วหนี่ชิงแม้แต่น้อย เขารู้ดีถึงผลที่จะต้องตามมาหลังจากการฆ่าลั่วเทียนเฮา คนในตระกูลลั่วจะต้องหาทางแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน
และเขาก็ไม่ได้เดาผิดอาวุโสอันดับหนึ่งของตระกูลลั่วเป็นยอดฝีมือผู้ทรงพลังมาก เขามีอำนาจเหนือกว่าหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันเสียอีก และพยายามจะเทคโอเวอร์ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลลั่วอยู่เป็นประจำ
ฉินเซียนจื่อเผยอริมฝีปากกล่าวเสริมว่า“วูฟคิง ถังหยุนก็ได้เดินทางไปยังนิกายหมัดเหล็กเช่นกัน เธอแจ้งต่อหัวหน้านิกายว่าท่านเป็นผู้สังหารเตี๋ยชุ่ยหลัน พวกเขากำลังส่งยอดฝีมือมาตามล่าท่านเช่นกัน”
นิกายหมัดเหล็ก
เมื่อได้ยินชื่อนี้ใบหน้าของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นเขาไม่ชอบนิกายโบราณแห่งนี้แม้แต่น้อย
เหล่าสมาชิกทีมเขี้ยวหมาป่าต่างก็หันไปมองบอสของพวกเขาด้วยสีหน้าที่โง่งมโฮลี่ชิท ! บอสไปอาละวาดอะไรไว้เนี่ย ? ทำไมกองกำลังที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างก็ตามล่าเขา ? ซึ่งในตอนนี้ฉิงเฟิงมีพลังในระดับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์แล้วเขาไม่กลัวคนเหล่านี้ สิ่งที่เขาเป็นห่วงจริงๆก็คือหลินเสวี่ยและหลิวหรูหยาน เขามีศัตรูมากเกินไป ถ้าหากศัตรูเหล่านี้ตัดสินใจเบนเป้าหมายไปทำร้ายผู้หญิงของเขา เขาคงไม่อาจแยกร่างไปจัดการกับสถานการณ์นั้นได้
“มิสลั่ว,คุณหนูฉิน ฉันมีเรื่องขอร้องพวกคุณ” ฉิงเฟิงกล่าวกับพวกเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
“พูดมาเถอะคุณคือผู้มีพระคุณของพวกเรา ปัญหาของคุณก็คือปัญหาของเรา”
ลั่วหนี่ชิงกล่าว
“ฉันขอให้พวกคุณทั้งสองอาศัยอยู่ในเมืองตงไห่นี้สักระยะเพื่อช่วยปกป้องหลิวหรูหยานให้หน่อยได้ไหม” ฉิงเฟิงได้ถ่ายทอดความคิดของเขาออกมาดังๆ
เดิมทีแล้วเขาวางแผนจะให้ลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อคอยปกป้องหลินเสวี่ยแต่เขานึกขึ้นได้ว่าตอนนี้หลินเสวี่ยอารมณ์ไม่ค่อยดี เขาไม่อยากทำให้อารมณ์ของเธอแย่ลงอีกด้วยการให้สาวงามสองคนไปอยู่ใกล้ๆเธอ
ลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อต่างก็พยักหน้าตกลง
จากนั้นฉิงเฟิงก็บอกให้อลิซพาลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อไปที่วิลล่าของหลิวหรูหยานส่วนสมาชิกทีมเขี้ยวหมาป่าคนที่เหลือก็ให้เฝ้าระวังอยู่นอกโรงพยาบาลเพื่อคอยปกป้องหลินเสวี่ย
ฉิงเฟิงรู้ดีว่าความสามารถในตอนนี้ของสมาชิกทีมเขี้ยวหมาป่านั้นไม่เพียงพอที่จะปกป้องหลินเสวี่ยและรับมือกับเหล่ามือสังหารเพราะศัตรูเหล่านั้นต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณแทบทั้งสิ้น
“ซวนจี๋ขอยืมโทรศัพท์ของนายหน่อยสิ” ฉิงเฟิงขอยืมโทรศัพท์มือถือของลู่ซวนจี๋และโทรหาราชาอสูรเทียนหมิงที่อยู่บนเขาชะตาฟ้าทันที
ฉิงเฟิงรู้ว่าราชาอสูรผู้นี้อยู่ในขั้นสูงสุดเหนือสวรรค์อีกทั้งเคยเป็นถึงยอดยุทธ์ระดับแกรนด์มาสเตอร์มาก่อน หากให้เขามาคุ้มครองหลินเสวี่ยย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ราชาอสูรเทียนหมิงรับสายอย่างรวดเร็วฉิงเฟิงบอกทางโทรศัพท์ทันทีว่า “คุณมาที่เมืองตงไห่เดี๋ยวนี้ ฉันต้องการให้คุณคอยปกป้องและดูแลความปลอดภัยของหลินเสวี่ยหน่อย”
“ขอรับนายน้อยข้าน้อยจะไปทันที” ราชาอสูรเทียนหมิงกล่าวด้วยความเคารพ
หลังจากสองชั่วโมงผ่านไปเขาก็มาถึงโรงพยาบาลแต่เขามาเพียงลำพัง เขาไม่ได้พาหลานทั้งสองมาด้วย
เมื่อฉิงเฟิงเห็นราชาอสูรเทียนหมิงมาถึงเขาก็อธิบายถึงสถานการณ์อันตรายที่กำลังประสบอยู่ในตอนนี้
เนื่องจากราชาอสูรผู้นี้มีชีวิตอยู่มาหลายสิบปีและผ่านศึกสงครามมานับไม่ถ้วนเขาเป็นผู้มีประสบการณ์สูงล้ำ บางทีเขาอาจจะมีคำแนะนำดีๆให้แก่ฉิงเฟิง แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดหลังจากราชาอสูรเทียนหมิงได้ยินการอธิบายสถานการณ์ทั้งหมด เขาก็ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวขึ้นว่า
“นายน้อยขอรับไม่ทราบว่าท่านอาจารย์ของนายน้อย, ราชาอสูรมีดวายุ เคยบอกอะไรนายน้อยเกี่ยวกับพลังที่แท้จริงของตราผู้พิชิตหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วนอกเหนือจากการใช้เรียกพวกเราทั้งสิบ มันยังสามารถปลุกพลังสายเลือดของพวกเราได้อีกด้วย !”
ฉิงเฟิงส่ายหัวและกล่าวว่า“ก่อนหน้านี้ตราผู้พิชิตหายสาบสูญไป ท่านอาจารย์ของฉันก็ไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย”