My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 770 หลินเสวี่ยยอมปริปาก
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 770 หลินเสวี่ยยอมปริปาก
“เย่จวินตกลงตามนี้ แต่ถ้าคุณแพ้คุณต้องคืนตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้แก่เจียวซูและคุกเข่าขอขมาศาสตราจารย์จางหยุนเหอ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่เคยมีความเมตตาต่อศัตรูในเมื่ออีกฝ่ายต้องการให้คุกเข่าขอขมาถ้าแพ้ ดังนั้นเขาก็ต้องให้เย่จวินคุกเข่าขอโทษต่อจางหยุนเหอด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถท้าทายเย่หยุนซันได้แต่อย่างน้อยได้จัดการกับลูกสมุนของมันก็ถือว่าไม่เลว
“ฮ่าๆๆแกกำลังล้อฉันเล่นเรอะ คนอย่างฉันเนี่ยนะจะแพ้แก ? ฉันคนนี้เป็นถึงประธานสมาคมแพทย์แห่งเมืองตงไห่เชียวนะ” เย่จวินหัวเราะและเยาะเย้ยฉิงเฟิง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่จวินนั้นถือเป็นหนึ่งในหมอที่ดีที่สุดในเมืองตงไห่มิฉะนั้นเขาคงจะไม่ผ่านการทดสอบจากสมาคมการแพทย์ “คุณกลัวเกินกว่าที่จะยอมรับคำท้าของฉันหรือไง,เย่จวิน ”
“เหอะน่าขันนัก เอาซี่ การแข่งขันของพวกเราจะออกอากาศวันพรุ่งนี้เช้าที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาลประชาชนตอน 9.00 น. แกกล้ามาหรือเปล่า ”
“แน่นอนฉันต้องไปที่นั่นเพื่อเห็นคุณคุกเข่าขอขมาศาสตราจารย์จางหยุนเหอ”
ฉิงเฟิงหัวเราะเยาะจากนั้นเขาก็หันกลับไปจับมือมู่เสี่ยวหยุนและเดินกลับไปที่แผนกผู้ป่วยใน
มู่เสี่ยวหยุนที่กำลังเฝ้าดูพวกเขาทะเลาะกันมือเล็กๆของเธอถูกฉิงเฟิงกุมเอาไว้ในทันทีและทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้นด้วยความอาย (เฮ้ย….)
“ฉิงเฟิงชั้นเป็นแม่ยายของเธอนะ ทำไมเธอถึงมาจับมือชั้นแบบนี้ ” มู่เสี่ยวหยุนหน้าแดงและกล่าวอย่างเอียงอาย
“อ่าแม่ ผมขอโทษครับ ผมคิดว่าคุณเป็นหลินเสวี่ย” ฉิงเฟิงก็หน้าแดงเช่นกันและปล่อยมือเธอ
ฉิงเฟิงประกาศท้าทายเย่จวินด้วยความโมโหดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตว่ากำลังจับมือใครอยู่ ซึ่งปกติเขาจับมือหลินเสวี่ยเป็นประจำและมู่เสี่ยวหยุนมองผ่านๆก็คล้ายกับหลินเสวี่ยไม่น้อย เขาจึงลืมตัว
มู่เสี่ยวหยุนจ้องไปที่ฉิงเฟิงและเดินกลับไปที่ตึกผู้ป่วยในความสัมพันธ์ของพวกเขาดูดีขึ้น เธอไม่ได้โกรธฉิงเฟิงอย่างเมื่อก่อน
ฉิงเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาจางหยุนเหอในระหว่างเดินในไม่ช้าอีกฝ่ายก็รับสาย
เขาบอกจางหยุนเหอเกี่ยวกับการท้าทายเย่จวินประธานสมาคมแพทย์ตงไห่และขอให้จางหยุนเหอมาร่วมงานด้วยในวันพรุ่งนี้ เมื่อจางหยุนเหอได้ยินเช่นนั้นเขาก็ดีใจมาก เพราะถ้าเย่จวินแพ้เขาจะได้เห็นชายคนนั้นคุกเข่าขอขมาต่อเขา
ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจางหยุนเหอก็คือการกำจัดลูกศิษย์ทรยศ,เย่หยุนซัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปเนื่องจากถูกเตะออกจากสมาคมไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องอาศัยฉิงเฟิงให้ทำแทน
จางหยุนเหอรู้สึกตื่นเต้นดีใจมากเขาคิดว่าเลือกคนถูกแล้ว และได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องในการรักษาหลินเสวี่ย หลี่ฉิงเฟิงคนนี้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ
พวกเขานัดหมายเวลากันและวางสายอย่างรวดเร็วเนื่องจากฉิงเฟิงมาถึงที่หน้าห้องของหลินเสวี่ยแล้ว
การท้าทายระหว่างหลี่ฉิงเฟิงและเย่จวินนั้นดังมากเพราะพวกเขาพูดกันกลางโรงพยาบาลซึ่งทำให้ทุกคนได้ยิน ทั้งหมอและพยาบาลทั้งหมดต่างมองเขาอย่างแปลกประหลาด
“ฉิงเฟิงเธอเอาจริงหรือ ถึงแม้ว่าเย่จวินจะไม่ใช่คนดีแต่เขาก็เป็นหมอที่เก่งกาจมากนะ” จางเหมียวชุนขวางฉิงเฟิงที่ประตูและถามเขาด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเป็นประธานสมาคมแพทย์แผนจีนและเป็นสมาชิกคนสำคัญของสมาคมแพทย์คนหนึ่งดังนั้นเขาจึงรู้ดีถึงความสามารถของเย่จวิน เขาจึงเตือนฉิงเฟิงด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงครับผมค่อนข้างมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของผม ไม่มีใครสามารถเอาชนะผมได้ยกเว้นเรื่องของโรคทางจิตประสาท” ฉิงเฟิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ในฐานะแพทย์ที่มีทักษะสูงและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนฉิงเฟิงรู้สึกภาคภูมิใจและมั่นใจในทักษะของเขา เขาเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างมาแทบทั้งหมดแล้วยกเว้นโรคทางจิตเท่านั้น
เขาปลอบจางเหมียวชุนและผลักประตูเข้าไปข้างในห้อง
ฉิงเฟิงคิดถึงหลินเสวี่ยมากเขาแทบทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เห็นหน้าเธอ การได้เห็นหน้าเธอนั้นทำให้เขามีความสุขถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยอมพูดกับเขาก็ตาม
“ที่รักคุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ” ฉิงเฟิงกล่าวถามด้วยความห่วงใย
“ฮึ!” หลินเสวี่ยบุ้ยปากที่งดงามได้รูปของเธอและหันหน้าหนีฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงรู้ว่าหลินเสวี่ยยังคงโกรธเขาอยู่แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นบ้างแล้วเพราะถึงเธอจะโกรธแต่เธอก็ยังแคร์เขาอยู่
“ที่รักคุณขอให้แม่ของคุณไปไล่ยัยป้าที่มารังแกผมใช่ไหม นี่แสดงว่าคุณยังแคร์ผมอยู่สินะ ผมประทับใจและซาบซึ้งมากเลย” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม
เขาตัดสินใจที่จะใช้ประโยชน์จากความหน้าด้านและพยายามพูดคุยกับเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่จะได้รับการให้อภัยจากเธอ
ในที่สุดหลินเสวี่ยก็พูดออกมาว่า“คุณมันคิดไปเอง ชั้นไม่ได้ช่วยคุณ ผู้หญิงคนนั้นเสียงดังรบกวนชั้นต่างหาก”
เธอพูดแล้ว
! หลินเสวี่ยพูดกับฉันแล้ว
!
ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมากกับช่วงเวลานี้จนเขาเกือบจะร้องไห้ออกมา
ในความเป็นจริงหลินเสวี่ยไม่เคยพูดกับฉิงเฟิงแม้แต่คำเดียวนับตั้งแต่ที่เธอตื่นขึ้นมาทำให้ฉิงเฟิงรู้สึกเศร้าเสียใจมาก
ในเมื่อตอนนี้เธอยอมปริปากพูดแล้วเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร
ฉิงเฟิงไม่สนใจคำพูดของเธอที่พูดว่าไม่ได้ช่วยเขาเพราะเขารู้จากปากของมู่เสี่ยวหยุนแล้วว่าหลินเสวี่ยโมโหที่จางหม่านหลีมาตะโกนโหวกเหวกด่าทอเขาในโรงพยาบาล ดังนั้นเธอจึงบอกให้มู่เสี่ยวหยุนมาไล่ไป
หลินเสวี่ยไม่ได้เป็นคนหน้าหนาเหมือนฉิงเฟิงซึ่งเธอจะไม่มีทางยอมรับความจริงในใจของเธอแน่นอน แต่ฉิงเฟิงเข้าใจเธอ
“
จางหม่านหลีเธอมันอีนังบ้า แต่ก็ขอบคุณนะที่มาด่าฉันวันนี้ หลินเสวี่ยคงจะไม่ยอมคุยกับฉันอีกนานเลยถ้าเธอไม่มาสร้างความรำคาญ”
ฉิงเฟิงแอบด่าทอจางหม่านหลีแต่ก็ขอบคุณเธอเช่นกัน
ถ้าหากจางหม่านหลีรู้ว่าฉิงเฟิงกำลังขอบคุณเธอเธอคงโมโหจนตัวสั่นแน่ คนบัดซบอย่างแกตบหน้าชั้นหลายสิบครั้งจนมีสภาพเหมือนหัวหมู แต่ตอนนี้มาขอบคุณชั้นงั้นเหรอ นี่มันเหมือนแมวร้องไห้ต่อหน้าศพหนูยังไงยังงั้น
“ที่รักเสียงของคุณช่างไพเราะราวกับนางฟ้าเลย ผมยอมฟังเสียงคุณได้ทั้งวันโดยไม่กินข้าวกินปลาได้เลยนะ ไหนพูดอีกสิครับ” ฉิงเฟิงนั่งอยู่บนหัวเตียงของหลินเสวี่ยและกล่าวคำหวานออกมาอย่างไม่อายชาวบ้านแม้แต่น้อย
เหล่าพยาบาลในห้องเกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาผู้ชายคนนี้ตลกจัง เขาพยายามทุกอย่างเอาใจภรรยาของเขา หลินเสวี่ยรู้สึกอับอายเกี่ยวกับการเกี้ยวพาราสีของสามีเธอมากเธอกลอกตาไปที่เขาเพื่อแสดงความไม่พอใจออกมา