My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 800 สายเลือดที่วิวัฒนาการสู่ขั้นที่ 2
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 800 สายเลือดที่วิวัฒนาการสู่ขั้นที่ 2
“ท่านจ้าวนิกายเตี๋ยกายาของหลี่ฉิงเฟิงแกร่งเกินไป พวกเราต้องเล็งที่ศีรษะของมัน”
เจียงเชียนเต๋ากล่าวเตือนเตี๋ยจงเทียนในขณะที่ขมวดคิ้ว
เตี๋ยจงเทียนพยักหน้าและกล่าวตอบอย่างเย็นชาว่า“ท่านพูดถูกแล้ว, หัวหน้าตระกูลเจียง ให้ข้ายืมดาบยาวของท่านหน่อย ข้าจะใช้มันเพื่อฆ่าหลี่ฉิงเฟิง”
เตี๋ยจงเทียนตระหนักว่าไม่ว่าเขาจะโจมตีฉิงเฟิงไปสักกี่ครั้งก็ไม่มีผลอะไรนอกจากทำได้แค่เพียงจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาไว้ภายในเขตแดนแรงโน้มถ่วงของเขา
เจียงเชียนเต๋าพยักหน้าในขณะที่ส่งดาบของเขาไปให้เตี๋ยจงเทียนเพื่อใช้ฆ่าฉิงเฟิงเนื่องจากเขาก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้เช่นกัน
มีเพียงเฉพาะผู้ที่ใช้เขตแดนเท่านั้นจึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้ ภายในเขตแดนแรงโน้มถ่วงร่างกายของฉิงเฟิงกำลังพัฒนา เขตแดนแรงโน้มถ่วงก็เหมือนกับอุกกาบาตยักษ์ที่กำลังกบทับและถ่วงน้ำหนักตัวเขาเอาไว้
โชคดีที่ฉิงเฟิงในตอนนี้มีพลังในระดับแกรนด์มาสเตอร์หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปเช่น จางเสี่ยวเยวี่ยก็คงจะแหลกเป็นเนื้อบดภายในเขตแดนแรงโน้มถ่วงนี้ไปแล้ว
จู่ๆความงามของจางเสี่ยวเยวี่ยก็แวบผ่านเข้ามาในหัวของฉิงเฟิงทันทีด้วยร่องรอยแห่งความโหยหา หลังจากจบเรื่องที่นี่ฉิงเฟิงตัดสินใจจะกลับเมืองตงไห่เพื่อไปหาเธอ
เมื่อไม่นานมานี้ฉิงเฟิงได้ดื่มโลหิตมังกรเข้าไปถึงแม้ว่าโลหิตมังกรจะอยู่ภายในร่างกายของเขา แต่เขาก็ดูดซับได้เพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นและส่วนที่เหลือยังคงมีอยู่
ขณะนี้ด้วยแรงกดทับจากเขตแดนแรงโน้มถ่วงของเตี๋ยจงเทียน โลหิตมังกรส่วนที่เหลือที่ซ่อนไว้ก็ตื่นขึ้น
มังกรมีร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไม่ใช่มนุษย์ ก้อนหินหรืออุกกาบาต แต่เป็นมังกร พวกมันเป็นสัตว์ในตำนานที่มีร่างกายที่ทนทานที่สุดและยังมีพลังงานที่ทรงพลัง
โลหิตมังกรกำลังเดือดพล่านอยู่ภายในร่างของฉิงเฟิงด้วยเสียงพึมพำของบทสวดมังกรโบราณ พลังสุดยอดที่ซ่อนเร้นอยู่ในโลหิตมังกรก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ในขณะเดียวกัน โลหิตภายในกายของฉิงเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีฟ้า
ใช่แล้วมันเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีฟ้า สายเลือดกำลังวิวัฒนาการเช่นเดียวกับโลหิตภายในร่าง
สายเลือดขั้นแรกคือสายเลือดที่ต่ำที่สุดและสายเลือดขั้นที่ 9 ก็คือระดับสูงสุด ยิ่งระดับขั้นของสายเลือดสูงมากเท่าใด คนผู้นั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น !
เช่นเดียวกันโลหิตก็เหมือนสายเลือด มันสามารถถูกปลุกขึ้นและวิวัฒนาการได้
โลหิตในขั้นที่1 จะมีสีแดง ขั้นที่สองเป็นสีฟ้า ขั้นที่สามจะเป็นสีส้ม และขั้นที่เก้า โลหิตจะกลายเป็นสีเหลืองทองอร่าม
อย่างไรก็ตามสายเลือดที่เป็นสีเงินจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ สายเลือดขั้นจักรพรรดิ สายเลือดสีทองและเหลืองทองอร่ามนั้นเรียกว่า สายเลือดขั้นปราชญ์และสายเลือดขั้นอมตะตามลำดับ ซึ่งพวกมันได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว
สายเลือดของฉิงเฟิงได้ตื่นขึ้นมาแล้วก็จริงแต่ทว่ามีเพียงแค่ 1 % ของสายเลือดบรรพกาลของเขาที่ตื่นขึ้น โลหิตสีแดงในกายของเขาคือสายเลือดขั้นต่ำที่สุด และต่ำมากจนไม่ได้ใกล้เคียงกับสายเลือดขั้นที่สองแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงไม่เพียงแค่ฉิงเฟิงแต่รวมไปถึงคนส่วนใหญ่ด้วยที่ปลุกพลังสายเลือดขึ้นมาได้เพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นเท่านั้น และก็คือสายเลือดขั้นที่ต่ำที่สุดที่มีโลหิตเป็นสีแดง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ด้วยแรงกดดันภายใต้เขตแดนแรงโน้มถ่วง สายเลือดของฉิงเฟิงได้วิวัฒนาการไปสู่ขั้นที่ 2 โลหิตสีฟ้า ตูม!!
ด้วยการวิวัฒนาการของสายเลือดฉิงเฟิงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมหาศาล เขาทะลวงไปถึงระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นกลางในทันที !
ไม่เพียงแค่นั้นเลือด, กล้ามเนื้อและกระดูกของฉิงเฟิงก็ได้รับการขัดเกลา มันกลายเป็นสีฟ้าเปล่งประกาย
“
ช่างเป็นพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งนัก
!
“
ฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความสุขเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังภายในร่างกายของเขา
ตอนนี้เขาได้ดูดซับโลหิตมังกรไป20 % แล้ว และสายเลือดของเขาก็ได้พัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกหนึ่งขั้น
“ อา….ถ้าไอ้เขตแดนบ้านี่มันแข็งแกร่งกว่านี้ก็คงจะดี
!
“
ฉิงเฟิงถอนหายใจด้วยความขมขื่นและเสียดายเล็กน้อย
เขารู้สึกว่าเตี๋ยจงเทียนอ่อนแอเกินไปจนพลังเขตแดนของเขามีจำกัดซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพัฒนาไปได้แค่เพียงแกรนด์มาสเตอร์ขั้นกลางและสายเลือดขั้นสีฟ้า
แต่สิ่งที่ฉิงเฟิงไม่รู้ก็คือคนส่วนใหญ่นั้นไม่แม้แต่จะสามารถวิวัฒนาการสายเลือดได้และอยู่ในขั้นสีแดงจนชั่วชีวิตก็มี การวิวัฒนาการของสายเลือดของเขานั้นเป็นผลมาจากปัจจัยหลายๆด้าน
การวิวัฒนาการของเขาจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยถ้าหากเขาไม่ได้ดื่มโลหิตมังกรและครอบครองพลังสายเลือดราชันหมาป่าบรรพกาลรวมไปถึงแรงกดดันจากเขตแดนของเตี๋ยจงเทียน
ฉิงเฟิงลองขยับมือเล็กน้อยและตระหนักว่าเขาสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว
หลังจากที่ได้พัฒนาไปสู่สายเลือดขั้นที่สองแล้วเขตแดนแรงโน้มถ่วงของเตี๋ยจงเทียนก็ไม่มีผลต่อฉิงเฟิงอีกต่อไป
เตี๋ยจงเทียนที่น่าสงสารเขาไม่ได้รับรู้ถึงวิวัฒนาการสายเลือดของฉิงเฟิงและไม่รู้ว่าเขาหลุดจากการถูกควบคุมไปแล้ว
“หลี่ฉิงเฟิงข้าจะตัดหัวแกเอาไปเป็นอาหารหมา ตายซะเถอะ !”
เตี๋ยจงเทียนกล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยเจตนาฆ่าในขณะที่ยืนอยู่หน้าฉิงเฟิง
ร่างกายของเตี๋ยจงเทียนสั่นเทาเพราะความตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าเขากำลังจะได้ล้างแค้นให้ลูกๆแล้ว
ฉิงเฟิงยังคงแกล้งทำเป็นว่าขยับตัวไม่ได้และกล่าวเรียบเฉยว่า“เตี๋ยจงเทียน ฉันแนะนำให้แกรีบหนีไป นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแก” “หนี ฮ่า ๆ ๆ น่าขัน แกติดอยู่ในเขตแดนของแรงโน้มถ่วงของข้า แม้แต่ขยับตัวยังทำไม่ได้เลย แกยังมีหน้ามาบอกให้ข้าหนีไปอีกงั้นหรือ ? สมองแกมีปัญหาหรือเปล่า”
“โง่เง่าเอ้ยหัวแกจะหลุดจากบ่าในไม่ช้า” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“หลี่ฉิงเฟิงจะตายอยู่รอมร่อแกยังมาปากดี ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้ละ !”
เตี๋ยจงเทียนตัดสินใจเลิกต่อปากต่อคำและฆ่าฉิงเฟิงทันที
เขาเหวี่ยงดาบยาวฟันผ่านอากาศและเล็งไปที่ศีรษะของฉิงเฟิงโดยตรง
ใบหน้าที่งดงามของฉินเซียนจื่อซีดเผือดไปด้วยความวุ่นวายและกระวนกระวายเธอวางมือไว้เหนือหน้าอกเพื่อเตรียมที่จะปลดผนึกพลังลับของเธอออกมา
ในฐานะคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้แท้ที่จริงแล้วฉินเซียนจื่อมีระดับพลังเหนือกว่าขั้นเหนือสวรรค์ มีพลังบางอย่างที่ถูกผนึกไว้ในร่างกายของเธอที่รอวันปลดผนึก
ฉินเซียนจื่อเตรียมที่จะปลดปล่อยพลังนั้นมาออกมาเมื่อได้เห็นว่าฉิงเฟิงกำลังตกอยู่ในอันตราย
อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงกลับหายตัวไปเฉยๆ !
ใช่แล้วเขาหายตัวไป ไม่เพียงแค่ฉินเซียนจื่อเท่านั้นแต่เตี๋ยจงเทียนก็ตระหนักด้วยว่าฉิงเฟิงหายตัวไปจากคลองจักษุในเขตแดนแรงโน้มถ่วงของเขา
ที่จริงแล้วเมื่อตอนที่เตี๋ยจงเทียนเหวี่ยงดาบ ฉิงเฟิงก็หายตัวไปจากตรงนั้นแล้ว