My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 827 ขอบเขตแห่งผู้ฝึกตน
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 827 ขอบเขตแห่งผู้ฝึกตน
“ผู้อาวุโสผมเห็นด้วยกับเงื่อนไขของท่าน” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งฉิงเฟิงก็เห็นด้วยกับเงื่อนไขของจักรพรรดิราตรี
ในตอนแรกฉิงเฟิงตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ฝึกตนแต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วเขาก็ตระหนักได้ว่ามันอาจจะเป็นจริง ท้ายที่สุดแล้วผู้ฝึกยุทธ์โบราณก็มีตัวตนจริง ดังนั้นการที่จะมีมนุษย์ที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นกลายเป็นผู้ฝึกตนได้ก็ต้องมีเช่นกัน
หัวเซี่ยเป็นดินแดนแห่งเสือหลบมังกรซ่อนและมีพื้นที่ลึกลับต้องห้ามมากมายไม่ว่าจะเป็นดินแดนต้องห้ามที่ภูเขาคุนหลุน, พื้นที่รกร้างของเสินหนงและสถานที่อื่นๆที่ซุกซ่อนความลับเอาไว้อีกมากมาย
ฉิงเฟิงสงสัยมาตลอดว่ามันมีขอบเขตที่เหนือล้ำและสูงส่งกว่าขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์อีกหรือไม่หลังจากได้ยินคำกล่าวจากจักรพรรดิราตรี ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าหลังจากข้ามผ่านแกรนด์มาสเตอร์ไปแล้วจะกลายเป็นผู้ฝึกตน
อย่างไรก็ตามผู้ฝึกตนนั้นปิดบังตนเองและแทบจะไม่เคยปรากฏตัวในโลกปุถุชน แต่ถึงพวกเขาเหล่านั้นคิดจะปรากฏกาย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครสัมผัสตัวตนของพวกเขาได้
“ดีดีมาก เห็นแก่ที่เจ้ายอมรับเงื่อนไขของข้า ข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักโลกของผู้ฝึกตนโดยสังเขป โลกแห่งผู้ฝึกตนนั้นอยู่สูงส่งกว่าโลกของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณ มันเหมือนกับความเชื่อปรัมปราและตำนานๆหนึ่ง ผู้ฝึกตนสามารถเหาะเหินได้ ใช้เวทย์มนต์คาถา มีอุปกรณ์จิตวิญญาณ ใช้ข่ายอาคม หลอมกลั่นโอสถและฝึกอสูรหรือสัตว์เทวะได้
“ผู้ฝึกตนมีอายุอย่างน้อย300 ปี ด้วยการฝึกฝนพวกเขาจะสามารถมีช่วงชีวิตที่ยืนยาวกว่านั้น พวกเขาไม่ค่อยปรากฏตัวบนโลกของคนธรรมดาเพราะพวกเขาจำต้องฝึกฝนบ่มเพาะพลังและเข้าสู่ความสันโดษ พวกเขาบางคนปิดประตูบ่มเพาะนานหลายสิบปีหรือแม้แต่ร้อยปี”
“ขอบเขตของผู้บ่มเพาะคือจิตวิญญาณแท้จริง, จิตวิญญาณปฐพี, จิตวิญญาณนภา, สร้างรากฐาน, แก่นทองคำ, วิญญาณแรกเริ่ม”
จักรพรรดิราตรีเคยอยู่ในโลกแห่งการฝึกตนและเข้าใจสิ่งเหล่านั้นอย่างทะลุปรุโปร่งซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาสามารถอธิบายให้ฉิงเฟิงฟังได้โดยละเอียด
ฉิงเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเขารู้สึกว่าการฝึกตนนั้นคล้ายคลึงกับการฝึกฝนในนิทานพื้นบ้าน มันถูกบันทึกไว้ในหนังสือคร่าวๆ แต่มันก็ถูกมองว่าเป็นแค่ตำนาน
“ผู้อาวุโสแล้วท่านจะสอนอะไรผม ร่ายเวทย์มนต์ ? หรืออะไร ?” ฉิงเฟิงถาม
ความสามารถในการรับรู้ของฉิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากเขาเข้าใจว่าตนจะต้องฝึกฝนอย่างหนักในโลกแห่งการฝึกตน เพราะความรู้สึกของเขาแจ้งเตือนว่า มีแนวโน้มสูงที่ผู้ฝึกตนจะปรากฏกายในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเขาไม่แข็งแกร่งพอเขาก็จะเป็นเนื้อบด จักรพรรดิราตรียิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า“ข้าไม่ได้สอนเวทมนตร์คาถาอะไรเถือกนั้นให้เจ้าหรอก สิ่งที่ข้าจะสอนเจ้าก็คือการบ่มเพาะกายา”
บ่มเพาะกายา
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยววิชานี้ มันทำให้เขาเต็มไปด้วยคำถาม
“บนโลกนี้มีวิชาในการบ่มเพาะกายามากมายพวกมันคือ กายาปุถุชน, กายาจิตวิญญาณ, กายาราชัน, กายาจักรพรรดิ, กายาราชันจักรพรรดิ, กายานักบุญ ซึ่งกายาที่แกร่งที่สุดก็คือกายาอมตะ”
“ผู้อาวุโสท่านกำลังจะสอนการบ่มเพาะกายาอมตะให้ผมงั้นหรือ ”
“เจ้าเด็กเหลือขอเจ้ามันโลภนัก ! ข้าไม่มีหรอกเคล็ดบ่มเพาะกายาอมตะ ข้ามีเพียงเคล็ดบ่มเพาะกายามนุษย์เท่านั้น ถ้าข้ามีข้าจะตายห่าเป็นวิญญาณแบบนี้หรือไง ”
จักรพรรดิราตรีเป็นครูที่ยอดเยี่ยมมากเขาอธิบายเคล็ดบ่มเพาะกายาแต่ละประเภทอย่างละเอียด
ฉิงเฟิงคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่จักรพรรดิราตรีเพิ่งพูดไปเขาคิดว่าจักรพรรดินั้นราตรีนั้นแข็งแกร่ง แต่วิชาที่เขาฝึกฝนนั้นกลับเป็นวิชาระดับต่ำที่สุดในโลกแห่งผู้ฝึกตน
“เด็กน้อยเจ้าจงพอใจกับสิ่งที่เจ้ามีเถอะ เคล็ดอมตะนั้นเป็นเคล็ดในครอบครองของตัวตนผู้อมตะเท่านั้น เป็นที่แน่นอนว่าข้าย่อมไม่มีมัน แต่ทว่าเคล็ดกายามนุษย์นั้นสามารถพัฒนาได้ มันจะทำให้เจ้าเลื่อนไปสู่เคล็ดอมตะและเปลี่ยนเจ้าให้เป็นผู้อมตะได้”
“ผู้อาวุโสผมขอถามหน่อย กายาของท่านอยู่ในระดับไหนแล้ว ”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น… ข้า… ข้ายังอยู่ในระดับกายามนุษย์… ” จักรพรรดิราตรีกล่าวอย่างงุ่มง่าม
เขานึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเมื่อปีนั้นตอนที่เขาเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกตนเป็นครั้งแรกเขาได้ช่วยนักพรตชราผู้บ้าคลั่งคนหนึ่งไว้ นักพรตชราผู้นั้นได้มอบเคล็ดกายามนุษย์ให้แก่เขาและบอกเขาว่ามันจะสามารถทำให้กลายเป็นอมตะได้
ยามนั้นจักรพรรดิราตรีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขอย่างไรก็ตามหลังจากฝึกฝนไปเขาก็พบว่าไม่ว่าจะฝึกอย่างไรเขายังคงติดอยู่ขั้นกายามนุษย์
การบ่มเพาะกายามีหลายระดับขั้นกายามนุษย์, กายาจิตวิญญาณ, กายาราชัน, กายาจักรพรรดิ, กายาราชันจักรพรรดิ, กายานักบุญและกายาอมตะ
กายามนุษย์อยู่ในระดับต่ำสุดซึ่งทำให้ฉิงเฟิงผิดหวังเขานึกสงสัยว่าจักรพรรดิราตรีกำลังต้มเขาหรือเปล่า เพราะตาแก่คนนี้ต้องการให้เขาสร้างกายหยาบขึ้นมาให้ใหม่และให้ช่วยล้างแค้น แต่กลับจะสอนเคล็ดบ่มเพาะกายาระดับต่ำที่สุดให้ซะงั้น
“เด็กน้อยทำไมเจ้าถึงมองข้าแบบนี้ สิ่งที่ข้าจะสอนเจ้าถึงแม้ชื่อมันจะเป็นระดับมนุษย์ก็ตาม แต่มันจะช่วยให้เจ้าสะกดข่มได้กระทั่งขุมนรก, กลายเป็นตัวตนที่ไร้ต้านทานในโลกของผู้ฝึกยุทธ์โบราณ หรือแม้กระทั่งสามารถป่นดาราให้กลายเป็นผุยผงได้ด้วยหมัดเดียว !”
“สะกดนรก..ป่นดารา.. ตกลง ผมจะฝึกมัน”
“ดีมากในที่สุดเจ้าก็เข้าใจรับมันไปซะและฝึกฝนมันให้ดี” จักรพรรดิราตรีหัวเราะและมอบม้วนตำราหยกให้ฉิงเฟิง
ม้วนตำราหยกนี้โบราณและแข็งแรงมากเป็นเพราะมันทำมาจากเปลือกของเต่า มันมีสีเขียวอ่อนและเปล่งแสงสีเขียวเล็ดลอดออกมา
ฉิงเฟิงเฉือนนิ้วตนเองและหยดเลือดลงไปในม้วนตำราปรากฏแสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตำราและพุ่งเข้าใส่จิตใจของเขา
ฉิงเฟิงยืนนิ่งและรู้สึกได้ว่าข้อมูลมากมายกำลังหลั่งใหลเข้าสู่หัวของเขา จากข้อมูลในหัวทำให้เขารู้ว่าเคล็ดบ่มเพาะกายามนุษย์นี้สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องจนทำให้ผู้ฝึกกลายเป็นตัวตนอมตะอย่างไรก็ตาม เขาพบว่ามันยากมากและเวอร์วังเกินกว่าที่จะฝึกฝนได้ เพียงแค่ขั้นตอนแรกก็ต้องให้ฝึกฝนด้วยการต้านรับสายฟ้าแล้ว !
บัดซบนี่ฉันต้องทำร้ายตัวเองด้วยสายฟ้า
!
ฉิงเฟิงกลอกตาของเขาเขารู้สึกเหมือนถูกตาแก่จักรพรรดิราตรีผู้นี้ต้มตุ๋น เมื่อมองไปที่สีหน้าที่ดูบันเทิงของเขา ฉิงเฟิงก็อยากจะเอาตำราบ่มเพาะปาใส่หน้าเขาทันที แต่เมื่อคิดได้ว่าตาแก่คนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน เขาจึงต้องข่มความโกรธไว้ในใจ
ในที่สุดฉิงเฟิงก็เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิราตรีถึงติดอยู่ในขั้นกายามนุษย์ก็เนื่องจากเขาเป็นเพียงร่างวิญญาณและไม่อาจถูกฟ้าผ่าได้(ทำร้ายตนเองด้วยสายฟ้า)
มันจึงแตกต่างกับฉิงเฟิงที่มีกายหยาบแต่การจะให้สายฟ้าฟาดใส่ เขาก็เป็นกังวลไม่น้อย
“ผู้อาวุโสในเมื่อไม่มีฟ้าผ่าหรือสายฟ้า แล้วผมจะฝึกมันอย่างไร ”
“อย่ากังวลไปเจ้าจำวิธีฝึกไว้ในหัวก่อน และเมื่อใดที่พบสายฟ้าก็ค่อยลงมือฝึกจริง”
“เข้าใจแล้วผมจะฝึกมันทีหลัง” ฉิงเฟิงพยักหน้าและรู้ว่าควรจะทำอย่างไร
การฝึกฝนนั้นโหดร้ายป่าเถื่อนมากขั้นแรกต้องชำระกายด้วยสายฟ้า ขั้นที่สองต้องหลอมร่างกายตนเองด้วยลาวา และขั้นที่สาม ผู้ฝึกต้องเผาตนเองด้วยไฟสวรรค์
ฉิงเฟิงเหงื่อไหลเต็มหน้าผากนี่มันโคตรยาก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครสามารถฝึกจนพัฒนาไปถึงขั้นตัวตนอมตะได้ เพราะการฝึกนี้ไม่ใช่การฝึกของมนุษย์แล้ว !
สุดท้ายฉิงเฟิงก็เข้าใจแล้วว่าถ้าหากเขาฝึกสำเร็จมันก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะสามารถสะกดนรกป่นดารา
อย่างไรก็ตามในเมื่อไม่มีฟ้าผ่าหรือสายฟ้าฉิงเฟิงก็ยังไม่อาจฝึกฝนได้ เขาจึงหยิบตำราอีกม้วนหนึ่งออกมาและเริ่มอ่านมัน
แม้นฉิงเฟิงจะฝึกฝนลมปราณธาตุไฟและบรรลุเขตแดนเพลิงพินาศแต่เขาก็สนใจเกี่ยวกับเขตแดนแรงโน้มถ่วงไม่น้อย