My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 828 คำท้าทายของเย่หยุนซัน
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 828 คำท้าทายของเย่หยุนซัน
เขตแดนแห่งแรงโน้มถ่วงเป็นสิ่งที่จ้าวนิกายหมัดเหล็กได้บรรลุรู้แจ้งภายในเขตแดนนี้แรงโน้มถ่วงจะมากขึ้น 5 ถึง 10 เท่าที่จะกดทับร่างกายคู่ต่อสู้
จากพลังเขตแดนทั้งหมดเขตแดนแรงโน้มถ่วงนั้นค่อนข้างพิเศษ มันเกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงของโลก
เมื่อตอนที่ฉิงเฟิงถูกกักอยู่ในเขตแดนแห่งแรงโน้มถ่วงและถูกจำกัดการเคลื่อนที่เขาก็เข้าใจถึงพลังที่แข็งแกร่งนี้ แน่นอนว่าเขาต้องการฝึกฝนพลังนี้แต่ติดตรงที่เขาไม่ค่อยมีเวลา
ฉิงเฟิงเริ่มฝึกฝนเขตแดนแรงโน้มถ่วงแต่เดิมเขาเชี่ยวชาญในเขตแดนของแกรนด์มาสเตอร์และรู้แจ้งในเขตแดนเพลิงพินาศ ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าใจเกี่ยวกับเขตแดนแรงโน้มถ่วงได้อย่างรวดเร็ว
จุดสำคัญของเขตแดนแรงโน้มถ่วงก็คือแรงโน้มถ่วงตราบใดที่เขาเข้าใจถึงกฏของแรงโน้มถ่วงเขาก็สามารถควบคุมเขตแดนนี้ได้
ฉิงเฟิงเริ่มฝึกตามวิธีที่อธิบายไว้เขาใช้พลังงานแท้เพื่อรับรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังและแรงโน้มถ่วง เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงแรงดึงดูดของโลกมีต่อเขา
ทุกอย่างมีแรงดึงดูดตามกฎของฟิสิกส์และแรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงมนุษย์ลงสู่พื้นผิวมิฉะนั้นมนุษย์คงลอยออกสู่อวกาศ
ฉิงเฟิงมีพรสวรรค์และชาญฉลาดมากเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งคืนเพื่อเข้าใจวิธีการของเขตแดนแรงโน้มถ่วง
“ไหนลองสักหน่อยซิ”ฉิงเฟิงชักนำแรงดึงดูดด้วยพลังวิญญาณของเขาและห่อหุ้มพื้นที่โดยรอบสิบฟุตด้วยแสงสีดำ
แสงสีดำคือเขตแดนแห่งแรงโน้มถ่วงสีนั้นตรงกันข้ามกับสีแดงของเขตแดนเพลิงพินาศ อดพูดไม่ได้ว่าสนามพลังนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง การปลดปล่อยพลังงานของเขาดูดแจกันและโคมไฟระย้าจนตกลงมาบนพื้นและแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เขตแดนถูกจัดระดับขั้นตั้งแต่ขั้นที่1 ไปจนถึง 9 จากต่ำไปสูง
เขตแดนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเมตรนั้นจัดเป็นเขตแดนขั้นที่1 ทั้งเขตแดนแรงโน้มถ่วงและเขตแดนเพลิงพินาศที่ฉิงเฟิงครอบครองนั้นก็ยังจัดอยู่ในขั้นที่ 1 ด้วยความแข็งแกร่งที่พัฒนาขึ้นของผู้ใช้ ระดับขั้น รัศมีพลังและพลังทำลายก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเป็นเงาตามตัว
ตอนนี้ฉิงเฟิงเต็มไปด้วยแรงขับและฝึกฝนอย่างมีแรงจูงใจเมื่อได้รับรู้ว่ายังมีขอบเขตพลังที่เหนือกว่าแกรนด์มาสเตอร์อีกมากมาย เขาต้องฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง
………….
วันต่อมา
ดวงอาทิตย์ขึ้นและแผ่รังสีอันอบอุ่นลงสู่พื้นดินเป็นสัญญาณของวันใหม่
วันนี้อากาศดีมากแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องกระทบร่างกายทำให้ผู้คนรู้สึกสบายและอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง
ฉิงเฟิงยืดเส้นยืดสายและเดินออกจากห้องของเขา
เขาฝึกฝนตลอดทั้งคืนและเรียนรู้เกี่ยวกับเขตแดนแรงโน้มถ่วงทั้งหมดเรียบร้อยแล้วตอนนี้เขาเป็นผู้ครอบครองสองเขตแดน
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นอาจไม่เชื่อว่าบุคคลคนเดียวจะสามารถควบคุมสองเขตแดนได้แต่นี่เป็นเพราะฉิงเฟิงมีพรสวรรค์และไหวพริบในเชิงยุทธ์สูง มิฉะนั้นจักรพรรดิราตรีคงจะไม่ปรากฏกายจากกระบี่เพลิงคะนองออกมาสอนสั่งเขาเป็นการส่วนตัว
ต้องทราบว่าเนี่ยอู่ซวงราชันกระบี่หัวเซี่ยก็เป็นผู้มีความสามารถมากเช่นกันอย่างไรก็ตามจักรพรรดิราตรีไม่แม้แต่จะพูดคุยกับเขา แต่เลือกฉิงเฟิงแทน “คิงคองฉันจะกลับละนะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาแล้วกัน”
ฉิงเฟิงยิ้มเขาโบกมือและหันหลังจากไป
ฉิงเฟิงกลับถึงวิลล่า13 หลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อเขากลับมาถึงก็พบว่าพ่อแม่ของหลินเสวี่ยได้กลับไปแล้วเหลือเพียงหลินเสวี่ยกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เพียงลำพัง
ปุ!
หลินเสวี่ยกำลังอ่านอะไรบางอย่างและออกอาการโกรธจัดเธอโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะเสียงดัง
ฉิงเฟิงเพิ่งกลับเข้ามาและเห็นอาการของเธอจึงถามออกไปว่า“ใครทำให้คุณโกรธหรือ ”
หลินเสวี่ยส่งหนังสือพิมพ์ไปให้ฉิงเฟิงและพูดด้วยความโกรธว่า“คุณอ่านดูสิ”
ฉิงเฟิงเอียงคอเล็กน้อยในขณะที่มองไปที่หลินเสวี่ยด้วยความสงสัย เขาเห็นพาดหัวของหนังสือพิมพ์ว่าประธานสมาคมแพทย์แห่งประเทศเย่หยุนซัน ประกาศท้าทายหลี่ฉิงเฟิง เขาบอกว่าหลี่ฉิงเฟิงเป็นพวกต้มตุ๋นที่ทำร้ายลูกชายของเขา เขาต้องการคำขอโทษ
หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์จบฉิงเฟิงก็โกรธมากเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเย่หยุนซันจะกล่าวหาเขาเป็นพวกต้มตุ๋น
เขารู้ว่าเย่หยุนซันเป็นลูกศิษย์ที่เลวบัดซบของจางหยุนเหอเขายังไม่ทันได้ทำอะไรคนๆนี้เลย แต่ชายคนนี้กลับมาท้าทายและกล่าวหาเขาอย่างเปิดเผย
เขาเชื่อว่ามันไม่ใช่การท้าทายแต่เป็นการดูถูก เขาประกาศออกสื่อว่าฉิงเฟิงเป็นนักต้มตุ๋นระดับประเทศและอยากให้ไปขอขมา แต่แน่นอน ฉิงเฟิงไม่มีทางยอม
ฉิงเฟิงติดหนี้บุญคุณจางหยุนเหอที่ช่วยชีวิตหลินเสวี่ยเอาไว้เขาต้องตอบแทนและทำตามสัญญาโดยการเอาชนะศิษย์ทรยศเย่หยุนซัน ซึ่งการที่เย่หยุนซันเอ่ยปากท้าทายก่อนทำให้เขาประหยัดเวลาไปได้โข
“คุณคะถึงแม้ว่าเย่หยุนซันจะไร้ยางอาย แต่ทักษะทางการแพทย์ของเขานั้นก็ยอดเยี่ยมมาก คุณจะยอมรับคำท้าทายของเขางั้นหรือ ” หลินเสวี่ยขมวดคิ้วและถาม
“แน่นอนอยู่แล้วว่าผมจะรับคำท้าในเมื่อเขากล้ากล่าวหาว่าผมเป็นนักต้มตุ๋น ผมก็จะให้โอกาสเขาได้ลองเปิดโปงผมดู หึหึ” ฉิงเฟิงรู้ว่าเย่หยุนซันคิดจะทำอะไร เขาหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น
การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในวันรุ่งขึ้นตอนเที่ยงที่เมืองเทียนจิงซึ่งในเวลานั้นจะมีผู้เชี่ยวชาญทุกคนในประเทศจะเข้าร่วม
ในฐานะประธานสมาคมแพทย์ของประเทศเย่หยุนซันมีชื่อเสียงมาก และตอนนี้คำท้าที่ออกสื่อของเขาก็ทำให้ทุกคนในหัวเซี่ยได้รับรู้ทั้งสิ้น
ไม่นานนักจางหยุนเหอก็โทรหาฉิงเฟิงทันทีและตื่นเต้นมากเขากล่าวว่าจะไปที่เมืองเทียนจิงพร้อมกับฉิงเฟิงเพื่อดูความพ่ายแพ้ของอดีตลูกศิษย์ ฉิงเฟิงย่อมตอบตกลง
เนื่องจากการแข่งขันจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ฉิงเงและหลินเสวี่ยจึงพักผ่อนอยู่ที่บ้านแทนที่จะเข้าบริษัท
กริ๊งงงง…
ในขณนั้นโทรศัพท์ของฉิงเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมองดูเขาก็พบว่าคนที่โทรมาก็คือลั่วหนี่ชิง
“สวัสดีมิสลั่วโทรหาผมมีธุระอะไรหรือ” ฉิงเฟิงรับโทรศัพท์และถาม
“วูฟคิงชั้นเพิ่งทราบข่าวเรื่องคำท้าของเย่หยุนซัน ในวันนั้นจะมีผู้ฝึกยุทธ์โบราณที่ทรงพลังจะเข้าร่วมงานด้วย ชั้นเกรงว่าพวกเขาจะมีเจตนาไม่ดี พวกเขาอาจจะทำร้ายคุณได้” ลั่วหนี่ชิงกล่าวด้วยความกังวล
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและถามว่า“มิสลั่ว, เย่หยุนซันเป็นประธานสมาคมแพทย์ของประเทศ เขาจะไปเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธ์โบราณได้อย่างไร” “ลูกชายของเย่หยุนซันเป็นศิษย์ของนิกายชั้นหนึ่ง,นิกายเจ็ดลึกล้ำ การที่คุณไปทำร้ายลูกชายของเขาก็เหมือนไปหาเรื่องกับนิกายเจ็ดลึกล้ำ นอกจากนี้พวกเขายังร่วมมือกับขั้วอำนาจอื่นๆเช่นตระกูลถัง ตระกูลกู่อีกด้วย” ลั่วหนี่ชิงกล่าว เห็นได้ชัดว่าเธอรู้เรื่องนี้อย่างละเอียด
“โห ขนาดนั้นเลย ดูท่าตระกูลถังกับตระกูลกู่แกว่งเท้าหาเสี้ยนสินะ งั้นคราวนี้ฉันคงต้องสั่งสอนบทเรียนให้พวกมันสักหน่อย ขอบคุณมากนะมิสลั่ว”
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแสจากนั้นเขาก็วางสายไปทันที
ครั้งหนึ่งที่งานแลกเปลี่ยนของชาวยุทธ์มีสองสามขั้วอำนาจที่ร่วมมือกันโจมตีฉิงเฟิง ในครั้งนั้นเขายังไม่แข็งแกร่งพอจึงไม่อาจฆ่าพวกมันได้ แต่ตอนนี้ในเมื่อคนเหล่านั้นกลับมาหาเรื่องเขาอีกครั้ง ฉิงเฟิงก็ไม่รังเกียจที่จะลงมือเก็บกวาดของเหลือจากวันนั้น