My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 840 พลังอำนาจแห่งศาลากระบี่
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 840 พลังอำนาจแห่งศาลากระบี่
“วูฟคิงในเมื่อเจ้าดูเหมือนจะไม่รู้เกี่ยวกับอำนาจของกองกำลังชั้นยอด งั้นข้าจะบอกให้ ในบรรดาแกรนด์มาสเตอร์สิบอันดับแรกมีอยู่สามคนที่เป็นคนของศาลากระบี่ ปรมาจารย์กระบี่จาวเกอี้ก็มาจากศาลากระบี่เช่นกัน” ลั่วอี้ซานกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและถามว่า“ท่านหัวหน้าตระกูล แล้วสามคนนั้นแข็งแกร่งไหม ”
ลั่วอี้ซานพยักหน้า“ถูกต้อง แข็งแกร่งยิ่ง แกรนด์มาสเตอร์สิบอันดับแรกของโลกต่างก็มีพลังในขอบเขตแกรน์มาสเตอร์ขั้นสูงสุด ว่ากันว่าสามอันดับแรกนั้นทะลวงขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว พวกเขาเหนือกว่าแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุด”
“วูฟคิงถ้าข้าเดาไม่ผิด กระบี่ที่เจ้าใช้ออกเมื่อครู่นั้นคือกระบี่จิตวิญญาณใช่ไหม ข้ารู้ว่ามันทรงพลังแค่ไหน แต่ข้าอยากจะบอกเจ้าว่ายอดฝีมือในศาลากระบี่ก็มีอาวุธวิญญาณเช่นกัน”
“อุปกรณ์จิตวิญญาณสามารถเพิ่มพลังโจมตีและความเร็วของเจ้าได้เป็นสามเท่าและทำให้เจ้าฆ่ากู่เจิ้นเทียนและลั่วเตียวได้อย่างง่ายดายแต่เจ้าคิดว่ามันจะสามารถทำอันตรายยอดฝีมือจากศาลากระบี่ที่มีอาวุธวิญญาณเช่นกันได้หรือ ”
“วูฟคิงข้าไม่ได้กล่าวเกินจริง พลังของศาลากระบี่นั้นอยู่เหนือจินตนาการของเจ้า”
เห็นได้ชัดว่าลั่วอี้ซานรอบรู้กว้างขวางเขามีข้อมูลเกี่ยวกับศาลากระบี่และอธิบายให้ฉิงเฟิงฟังอย่างละเอียด
ถูกต้องหลี่ฉิงเฟิงนั้นทรงพลังมาก เขามีพลังมากกว่าลั่วอี้ซานและสามารถฆ่าลั่วเตียวได้ด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง แต่คนที่เขาฆ่าไปก็เป็นเพียงกองกำลังชั้นหนึ่ง มีความแตกต่างกันอีกระดับหนึ่งระหว่างพวกเขาและกองกำลังชั้นยอดเช่นศาลากระบี่ที่กำลังกล่าวถึง
ศาลากระบี่ก็มีอุปกรณ์วิญญาณ ในตอนแรกที่พูดคุยกันฉิงเฟิงยังดูภาคภูมิใจเพราะเขาไม่รู้ว่าศาลากระบี่ก็มีอุปกรณ์วิญญาณอันทรงพลังเช่นกัน
เขายังคงรู้สึกงงงันเรื่องอุปกรณ์วิญญาณไม่น้อยแต่คำพูดต่อไปลั่วอี้ซานก็ทำให้เขาต้องสั่นสะท้าน
“วูฟคิงยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกเจ้า เนี่ยอู่ซวงราชันกระบี่หัวเซี่ยเมื่อ 15 ปีก่อนก็ยังเป็นหนึ่งในสาวกของศาลากระบี่ด้วยซ้ำ”
“อะไรนะ คุณบอกว่าราชันกระบี่เนี่ยอู่ซวงเป็นศิษย์สาวกของศาลากระบี่งั้นหรือ ?”
“ถูกต้องแต่เขาถูกขับไล่ออกออกจากสำนัก ว่ากันว่าบุตรชายของจ้าวสำนักศาลากระบี่ใช้กำลังข่มเหงคู่หมั้นที่เนี่ยอู่ซวงรักถนอมมาก จากนั้นก็ขับไล่เขาออกไป”
ลั่วอี้ซานกล่าว
ฉิงเฟิงตกตะลึงอย่างมากในตอนแรกเมื่อลั่วอี้ซานเล่าให้ฟังว่าเนี่ยอู่ซวงเป็นหนึ่งในสาวกแห่งศาลากระบี่เนี่ยอู่ซวงนั้นเป็นสหายที่ดีของพ่อเขา เขานับถือราชันกระบี่ผู้นี้เป็นเหมือนญาติสนิทคนหนึ่ง
ตอนที่อยู่ในทวีปเสือเนี่ยอู่ซวงไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตฉิงเฟิงไว้จากเงื้อมมือของอัลบรอนแห่งสันตะสำนัก แต่เขายังสอนสั่งวิชากระบี่เพลิงคะนองอีกทั้งยังมอบกระบี่เพลิงคะนองให้เขาอีกด้วย กล่าวได้ว่าไม่มีเนี่ยอู่ซวงก็ไม่มีหลี่ฉิงเฟิงในวันนี้
ฉิงเฟิงจะไม่มีวันลืมความมีน้ำใจอันระอุอุ่นของเนี่ยอู่ซวงเขารู้สึกละอายใจมากที่เขาสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ศาลากระบี่ด้วยการสังหารกู่เจิ้นเทียน
แต่ทว่าคำพูดสุดท้ายของลั่วอี้ซานเกี่ยวกับอดีตของเนี่ยอู่ซวงก็ทำให้ฉิงเฟิงโกรธแค้นอย่างใหญ่หลวง
“ท่านลุงเนี่ยท่านได้รับความไม่เป็นธรรมจากศาลากระบี่ สักวันหนึ่งผมจะทวงความยุติธรรมให้ท่าน !” ฉิงเฟิงพึมพัมกับตัวเองด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกหนาวเฉียบ
“วูฟคิงเมื่อคู่เจ้ากล่าวอะไรนะ ” “ผมบอกว่าผมจะไปหาเรื่องไอ้ศาลากระบี่อะไรนั่นและดูว่าลูกชายของจ้าวสำนักผู้นั้นเป็นคนประเภทไหนกัน”
“วูฟคิงเจ้าเป็นบ้าอะไรไปแล้ว บุตรชายของจ้าวสำนักศาลากระบี่ครอบครองอาวุธจิตวิญญาณและเป็นหนึ่งในสามสุดยอดแกรนด์มาสเตอร์ มีข่าวอีกว่าตอนนี้ระดับพลังของเขาเหนือกว่าแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุดไปแล้ว เจ้าไม่ใช่คู่มือเขาแม้แต่น้อย”
“ท่านหัวหน้าตระกูลผมมีเหตุผลของผม ผมจะเอาชนะเขาให้ได้ไม่ว่าศาลากระบี่จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มหนาวเย็น
ทันทีที่เขาได้ยินว่าคู่หมั้นของเนี่ยอู่ซวงถูกใช้กำลังช่วงชิงฉิงเฟิงก็เดือดดาลด้วยความโกรธ หลังจากถูกขับออกจากศาลากระบี่แล้ว เนี่ยอู่ซวงก็ติดอยู่ในดินแดนต้องห้ามภูเขาคุนหลุน ฉิงเฟิงจะต้องหาตัวคนรับผิดชอบเรื่องนี้และให้มันผู้นั้นต้องชดใช้
ลั่วอี้ซานพูดอะไรไม่ออกเขาพยายามเต็มที่แล้วในการโน้มน้าวไม่ให้ฉิงเฟิงเข้าไปข้องแวะกับกองกำลังชั้นยอด แต่ดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์
“หัวหน้าตระกูลลั่วคุณไม่ต้องกังวลนัก ผมไม่คิดว่าศาลากระบี่จะเกินมือผมหรอก”
ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง
ถึงแม้ว่าศาลากระบี่จะทรงอำนาจด้วยการครอบครองอาวุธจิตวิญญาณแต่ฉิงเฟิงก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย เขามีจักรพรรดิราตรีอยู่เคียงข้างในฐานะจิตวิญาณของกระบี่เพลิงคะนอง ที่สำคัญที่สุด จักรพรรดิราตรีเคยเป็นที่สุดของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วหล้า ด้วยความช่วยเหลือของเขาฉิงเฟิงมั่นใจและไม่หวาดกลัวในการจะต้องปะทะกับศาลากระบี่
แน่นอนเขาไม่ได้บอกลั่วอี้ซานเกี่ยวกับวิญญาณจักรพรรดิราตรีที่สิงสู่ในกระบี่ของเขาเพราะมันคือความลับ
“ท่านหัวหน้าตระกูลลั่วถ้าผมเดาไม่ผิด ท่านยังมีอาการบาดเจ็บซุกซ่อนอยู่” ฉิงเฟิงมองลั่วอี้ซานและกล่าวขึ้น
ลั่วอี้ซานขมวดคิ้วและกล่าวว่า“วูฟคิง เจ้ารักษาให้ข้าด้วยยาที่ปรุงขึ้นแล้วนี่ แล้วข้าจะยังมีอาการบาดเจ็บซุกซ่อนอันใดอีก ”
ลั่วอี้ซานดูงุนงงเขาเคยได้รับบาดเจ็บก็จริงแต่เขาฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ด้วยยาที่ฉิงเฟิงมอบให้ก่อนหน้านี้
จากการแสดงออกของลั่วอี้ซานฉิงเฟิงรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ตระหนักถึงปัญหาของเขาแม้แต่น้อย
เขากล่าวเบาๆว่า“อาการบาดเจ็บซุกซ่อนที่ผมพูดถึงนั้นไม่ได้อยู่ในร่างกายของคุณ ถ้าจะให้พูดชัดกว่านั้นก็คือมันมีปัญหาบางอย่างในวิธีบ่มเพาะของคุณ”
“ปัญหาอะไรหรือ ข้าไม่เห็นมีอะไรเลย” ลั่วอี้ซานส่ายหัวของเขาด้วยความงุนงง
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและบอกลั่วอี้ซานถึงปัญหาในวิธีบ่มเพาะของเขาลั่วอี้ซานได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกชื่นชมและขอบคุณเขาเป็นอย่างมาก
“เอาล่ะท่านหัวหน้าตระกูลลั่ว ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ลั่วเตียวคนทรยศก็ถูกกำจัด ถึงเวลาที่ผมต้องกลับแล้ว ลาก่อนครับ” ฉิงเฟิงกล่าวลาลั่วเตียวและจากไปพร้อมกับหลินเสวี่ยและถังเจียงเฮอ
ลั่วหนี่ชิงที่ทอดสายตามองพวกเขาที่ประตูเธอมีบางอย่างที่ต้องการจะกล่าวกับฉิงเฟิง แต่เมื่อเห็นหลินเสวี่ยที่อยู่เคียงข้างเขา เธอก็ถอนหายใจและไม่พูดอะไรออกมา
ฉิงเฟิงโบกมือลาลั่วหนี่ชิงและขับรถออกไปพร้อมกับหลินเสวี่ยหลังจากส่งถังเจียงเฮอกลับตระกูลและได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับศาลากระบี่ เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับหลินเสวี่ย
“ที่รักลั่วหนี่ชิงดูเหมือนจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อคุณ” หลินเสวี่ยกล่าวกับฉิงเฟิงด้วยสีหน้าแปลกๆในขณะที่นั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสาร
เธอไวต่อความรู้สึกต่อคู่แข่งในความรักเพียงมองแวบเดียวเธอก็รู้ได้ทันทีว่าแววตาที่ลั่วหนี่ชิงมองสามีของเธอนั้นไม่ใช่ความรู้สึกสามัญธรรมดา
“ภรรยาคุณมั่นใจเถอะ ผมรักคุณคนเดียว” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับมอบรอยยิ้ม
ทันใดนั้นเองรถของพวกเขาก็ถูกหยุดโดยรถตำรวจเมื่อพวกเขาขับผ่านสี่แยก
“หยุดก่อน! ห้ามสูบบุหรี่ขณะขับรถ ออกจากรถมาก่อน ขออนุญาตตรวจสอบด้วย” คนกล่าวเป็นตำรวจสาว เธอมีดวงตากลมโต จมูกน่ารักริมฝีปากสีแดงและหลังตั้งตรง มันเป็นสัญญาณว่าเธอรู้ศิลปะการต่อสู้
ดวงตาของฉิงเฟิงสว่างไสวขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นผู้หญิงคนนี้ในครั้งแรกลักษณะท่าทางของเธอดูเหมือนกับซูเมิ่งเหยามาก พอมองอีกครั้งเขาก็พบว่าใบหน้าของเธอคล้ายคลึงกับซูเมิ่งเหยาเข้าไปใหญ่
“คนสวยผมกำลังรีบนะ กรุณาปล่อยผมไปได้ไหมครับ ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ “ไม่ได้ชั้นชื่อซูปิงปิง ชั้นขอสั่งให้คุณออกจากรถเพื่อตรวจค้น” ตำรวจสาวคนสวยผู้นี้แจ้งชื่อแก่ฉิงเฟิงและกล่าวย้ำให้ฉิงเฟิงออกจากรถเพื่อตรวจค้น