My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 860 ความขัดแย้งกับกู่เซียว
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 860 ความขัดแย้งกับกู่เซียว
c
ฉิงเฟิงปลอบโยนราชาอสูรสิงโตหลังจากเห็นการมองที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของเขาเขากล่าวว่า “อย่าอิจฉามังกรเขียวเลย ไว้ฉันจะหาแกนอสูรให้คุณใหม่ภายหลัง”
ราชาอสูรสิงโตเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจหลังจากได้ยินสิ่งที่ฉิงเฟิงพูด
“ขอบคุณขอรับนายน้อย!”
“บอสๆทำแบบนี้ไม่ได้นา คุณต้องยุติธรรมสิ ไม่รู้ล่ะคุณต้องหาแกนอสูรให้พวกเราด้วย” ลู่ซวนจี๋กล่าวพร้อมกับเขย่าแขนของฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงพยักหน้าและตอบว่า“แน่นอน ฉันจะหาให้พวกนายทุกคนด้วยเช่นกันถ้าหากเจอแกนอสูรที่เข้ากันได้กับพวกนาย”
ในที่สุดเทพมรณะ,เย่เทียนที่เงียบขรึมมาโดยตลอดก็พูดขึ้นว่า “บอสครับ คุณช่วยกระตุ้นพลังสายเลือดของพวกเราที่เหลือได้หรือไม่ครับ ”
ทุกคนในทีมเขี้ยวหมาป่าต่างก็มีพลังสายเลือดซุกซ่อนอยู่ในร่างแต่มีเพียงเจ้าโล้นเพียงคนเดียวนอกจากฉิงเฟิงที่สายเลือดตื่นขึ้นแล้ว ถึงแม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆก็ตาม
ส่วนเย่เทียนกับลู่ซวนจี๋นั้นพลังสายเลือดของเขายังไม่ถูกกระตุ้นดังนั้นพวกเขาจึงมองฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ฉิงเฟิงส่ายหัวและกล่าวว่า“ไม่ได้หรอก เราต้องใช้บทสวดเฉพาะและต้องมีแฟนท่อมของบรรพบุรุษเพื่อกระตุ้นพลังสายเลือด ตอนนี้ฉันมีเพียงแค่ข้อมูลพลังสายเลือดของราชาอสูรทั้งสิบคนที่อยู่ภายในตราผู้พิชิต ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถช่วยพวกนายกระตุ้นพลังสายเลือดได้”
ทีมเขี้ยวหมาป่ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยสำหรับคำตอบนี้แต่พวกเขาทุกคนก็รู้ว่าการกระตุ้นพลังสายเลือดจำเป็นต้องมีขั้นตอนมากมาย ตราผู้พิชิตนั้นเป็นสิ่งที่คุณชายสามของตระกูลหลี่ พ่อของฉิงเฟิงทิ้งไว้ให้ และมันเกี่ยวข้องกับราชาอสูรทั้งสิบคนเท่านั้น มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนอื่น
“ไปกันเถอะพวกเราต้องหาอุปกรณ์วิญญาณในเกาะทมิฬก่อน เรื่องปลุกพลังสายเลือดเราค่อยว่ากันทีหลัง” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและนำทีมเข้าสู่ใจกลางเกาะทมิฬต่อไป
เกาะทมิฬเป็นเกาะขนาดใหญ่มันมีเขาสูงที่ตั้งอยู่ตรงกลางเหมือนเนินเขา
แน่นอนว่าภูเขาบนเกาะจะไม่สูงเท่ากับภูเขาของแผ่นดินใหญ่จึงเรียกได้ว่าเป็นแค่เนินเขา มันมีความสูงเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีกระบี่ปักอยู่ระหว่างเนินเขาสีดำเหล่านั้น
ใช่คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว มีกระบี่ยาวปักอยู่ที่จุดสูงสุดของเนินเขานั้น มันแผ่กระจายพลังอันเกรี้ยวกราดขึ้นสู่ท้องฟ้าจนสามารถมองเห็นได้แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายไมล์
กระบี่ยาวแผ่ออร่าที่น่าเกรงขามซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนมันกำลังสะกดข่มโลกหล้าสัตว์ทุกตัวถูกคุกคามและต่างก็ไปหลบซ่อนไกลๆ บางตัวก็โค้งคำนับกับพื้นก่อนจะจากไป
แรงกดดันอันยิ่งใหญ่จากอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์นั้นสยบทุกสิ่งภายในระยะสิบไมล์รอบๆมัน
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทรงอำนาจกลุ่มอื่นต่างก็มาถึงแล้วและจับจองจุดที่ดีที่สุดเมื่อฉิงเฟิงและทีมของเขามาถึงตีนเขา
จุดที่อยู่ทางทิศตะวันออกถูกยึดครองโดยศาลากระบี่ทางตะวันตกคือตำหนักร้อยบุปผา ทางใต้คือตำหนักโห่วเย่อหวงตี้และสุดท้ายทางทิศเหนือก็คือนิกายแวมไพร์
กลุ่มอื่นๆที่เหลือต่างก็ได้ครอบครองจุดที่ดีที่สุดเพื่อให้พวกเขาสามารถปีนขึ้นเขาได้ง่ายขึ้นในการชิงอุปกรณ์จิตวิญญาณ
กล่าวได้ว่าพื้นที่แทบทั้งหมดถูกครอบครองไปหมดแล้วเมื่อฉิงเฟิงมาถึงหากเขาต้องการปีนขึ้นเขาไป เขาจะต้องรอให้คนอื่นขึ้นไปก่อน
“บอสครับปล่อยไว้แบบนี้ไม่เข้าท่าแน่ไม่มีทางที่พวกเราจะไปชิงอุปกรณ์วิญญาณกับชาวบ้านเขาได้แน่นอนหากเราอยู่รั้งท้ายเช่นนี้” ลู่ซวนจี๋กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ฉิงเฟิงพยักหน้าในขณะที่เขาเห็นด้วยกับลู่ซวนจี๋อุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์เป็นสมบัติล้ำค่าในระดับเดียวกับกระบี่เพลิงคะนองของเขา(หากทลายผนึกทั้งหมด) มันเป็นที่ต้องการของทุกคน
ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่มีใครมาแย่งชิงอาวุธวิญญาณของฉิงเฟิงมาก่อนก็เพราะว่ามันเพิ่งจะทลายผนึกชั้นแรกทุกคนเห็นว่ามันเป็นเพียงอุปกรณ์วิญญาณทั่วไป
ทุกคนจะเปลี่ยนความคิดของพวกเขาอย่างแน่นอนเมื่อกระบี่เพลิงคะนองทลายผนึกที่สามและกลายเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์!
ฉิงเฟิงรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับพลังมหาศาลของกระบี่เพลิงคะนองนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องการแย่งชิงอุปกรณ์วิญญาณที่เกาะทมิฬแห่งนี้ เฮยอาวมีสีหน้าไม่พอใจเมื่อเขาได้เห็นฉิงเฟิงอีกครั้งเขาโกรธแค้นมากที่ฉิงเฟิงทำให้เขาขายหน้าและแย่งชิงผลวิวัฒน์ของเขาไป
เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของฉิงเฟิงเขาจึงหันไปพึ่งพาศาลากระบี่เพราะพวกเขามีกู่เซียวที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นศัตรูกับฉิงเฟิง
“ผู้อาวุโสกู่เซียวข้าน้อยมีเรื่องบางอย่างจะกล่าว หลี่ฉิงเฟิงเพิ่งได้ผลวิวัฒน์ธาตุไฟมา”
เฮยอาวเดินไปหากู่เซียวและรายงานต่อเขาอย่างสุภาพ
เฮยอาวทำตัวนอบน้อมมากแม้แต่โค้งคำนับให้กับกู่เซียว เขาไม่กล้าหยิ่งยโสอีกต่อไป
“เจ้าแน่ใจหรือว่าหลี่ฉิงเฟิงมีผลวิวัฒน์”
“ถูกต้องขอรับอาวุโสกู่ข้าน้อยเห็นกับตา !”
“เข้าใจแล้วของสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการอย่างแท้จริงในการปรับแต่งพลังธาตุไฟ สวรรค์เข้าข้าง !” กู่เซียวดูตื่นเต้นยินดีมาก
พลังแท้ธาตุไฟคือพลังสายที่กู่เซียวฝึกฝนเช่นกันเคล็ดวิชากระบี่ของเขาก็เป็นวิชาสายไฟอีกด้วย เขาจึงต้องการผลวิวัฒน์ธาตุไฟมากที่สุด
กู่เซียวใช้เวลานานมากในการค้นหาผลไม้นี้บนเกาะทมิฬแน่นอนว่ามันเป็นผลไม้ที่ยากต่อการค้าหา
“หลี่ฉิงเฟิงมอบผลวิวัฒน์ธาตุไฟมาให้ข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตแกอีกสักครั้ง” กู่เซียวกล่าวอย่างหยิ่งยโสในขณะที่เชิดหัวขึ้นเล็กน้อย
ฉิงเฟิงได้ยินการสนทนาระหว่างเฮยอาวและกู่เซี่ยเจ้าตัวบัดซบเฮยอาวมันช่างกล้าหน้าด้านนักที่ไปฟ้องกู่เซียวว่าฉันมีผลธาตุไฟ !
ทุกคนโดยรอบต่างมองไปที่ฉิงเฟิงเป็นจุดเดียวแต่กระนั้น ความตื่นเต้นในสายตาของพวกเขาก็หายไปทันทีหลังจากที่พวกเขารู้ว่าคนที่ถามคือกู่เซียว พวกเขารู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของกู่เซียวเป็นอย่างดี เขาเป็นผู้อาวุโสแห่งศาลากระบี่ !
“ท่านนักบุญคะหลี่ฉิงเฟิงเด็ดผลวิวัฒน์ไปได้อย่างไรกัน ” ที่กลุ่มของตำหนักร้อยบุปผา หญิงสาวชุดเขียวกล่าวถามฮวาเซียนจือ
ฮวาเซียนจือมีสีหน้าประหลาดใจเช่นกันเธอรู้ดีว่าการจะเด็ดผลวิวัฒน์ต้องใช้เทคนิคพิเศษที่คนทั่วไปไม่รู้ แต่ฉิงเฟิงกลับรู้ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจตอบคำถามของหญิงสาวชุดเขียวได้เพราะเธอก็ยังสับสนเช่นกัน
ในขณะนี้ฉิงเฟิงกลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ทุกคนต่างก็จ้องมองมาที่เขาและสงสัยว่าเขาจะยอมมอบผลวิวัฒน์ออกมาหรือไม่
“กู่เซียวฉันสงสัยว่าคุณจะทำอะไรกับผลวิวัฒน์ ”
“แกล้อข้าเล่นรึไง แน่นอนว่าต้องใช้มันเพื่อปรับแต่งพลังธาตุไฟในร่าง”
“โอ้งั้นก็แสดงว่าคุณชอบกินขี้งั้นสิ ”ฉิงเฟิงกล่าวล้อเลียนกู่เซียว
สีหน้าของกู่เซียวแปรเปลี่ยนไปด้วยความโกรธเขาคำรามออกมาว่า “ไอ้สารเลว ! อย่ามากวนประสาท ข้าบอกว่าข้าต้องการกินผลนั้นไม่ใช่ขี้ !”
“เอ้าฉันก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่ ฉันกินผลนั่นไปแล้ว ถ้าคุณอยากกินมันงั้นคุณก็ต้องกินขี้ฉันนั่นแหละ”
กรามของฝูงชนแทบจะหล่นลงพื้นเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่ฉิงเฟิงพูดพวกเขาไร้ปฏิกิริยาจะตอบสนองต่อเรื่องนี้
สหายเจ้าช่วยบ้าให้น้อยลงหน่อยได้ไหม
เจ้าถ่ายทอดคำพูดที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร
ทุกคนเริ่มเห็นใจฉิงเฟิงอย่างมากในตอนนี้กู่เซียวจะต้องโกรธกริ้วมากแน่นอน
แล้วก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้กู่เซียวโกรธจนควันออกหูและลมหายใจเร่งร้อนราวกับว่าเขาพร้อมที่จะฆ่าฉิงเฟิงได้ทุกวินาที ในศาลากระบี่กู่เซียวเป็นถึงอาวุโสสามที่มีทั้งเกียรติยศและอำนาจ เขายังเป็นหนึ่งในแกรนด์มาสเตอร์สายดั้งเดิมอันดับที่ 15 และเป็นที่น่าเกรงขามมาก
ไม่มีใครในยุทธภพกล้าที่จะเล่นหัวกู่เซียวนอกไปจากฉิงเฟิงอีกแล้ว
“ไอ้เด็กสารเลวคนนี้เจ้าเบื่อชีวิตมากแล้วใช่ไหม !”
กู่เซียวมองไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวอย่างดุร้าย
��