My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 863 แย่งชิงอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 863 แย่งชิงอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์
แ
อ๊ากกกกกกก
!
กู่เซียวร่ำร้องออกมาอย่างเจ็บปวดขณะกุมแขนที่ขาดเสียงร้องที่แหลมแสบแก้วหูของเขาดังกระทบโสตของผู้คนรอบๆ
“หลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งมาก! เขาทำลายแขนของกู่เซียวได้”
“นั่นสิกู่เซียวอยู่อันดับที่ 15 ในรายชื่อแกรนด์มาสเตอร์ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้อาวุโสของศาลากระบี่อีกด้วย ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้หลี่ฉิงเฟิง”
“ข้าคิดว่าฉิงเฟิงหลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งจริงๆพลังของเขาในตอนนี้น่าจะติดหนึ่งในสิบแกรนด์มาสเตอร์ได้แล้ว”
ทุกคนต่างก็พูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง พวกเขาแปลกใจมากพออยู่แล้วเมื่อตอนที่ฉิงเฟิงทำให้กู่เซียวได้รับบาดเจ็บแต่ตอนนี้การที่ฉิงเฟิงตัดแขนของกู่เซียวก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเหนือกว่าความประหลาดใจ พวกเขาช็อคมาก
ทุกๆการโจมตีของฉิงเฟิงทำให้พวกเขาตื่นตะลึงมากขึ้นและมากขึ้น
เมื่อมองเห็นแขนที่ถูกตัดของกู่เซียวใบหน้าของเฮยอาวก็ซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไปคนหาเรื่องให้กู่เซียวไปฆ่าฉิงเฟิงเมื่อครู่ ตอนนี้เมื่อได้เห็นฝีมือแท้จริงของฉิงเฟิงแล้วเขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขา
อีกทั้งเมื่อครู่ฉิงเฟิงได้หันศีรษะไปมองเขาทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังสั่นสะท้านจนแทบจะล้มลงกับพื้น
เฮยอาวรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริงถ้าฉิงเฟิงมีความสามารถตัดแขนของผู้ที่มีพลังในระดับกู่เซียวได้ แล้วตัวตนอย่างเขานับเป็นอะไร ฟุบฟุบ ฟุบ ฟุบ !!!!
เมื่อเห็นการอาการบาดเจ็บของกู่เซียวสมาชิกที่เหลืออีกสี่คนของศาลากระบี่ก็รีบปรากฏตัวและล้อมกรอบฉิงเฟิงในทันที
สี่คนนี้จากศาลากระบี่ไม่ใช่คนธรรมดาพวกเขาล้วนแต่ทรงพลังอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนอยู่ในขั้นปลายแกรนด์มาสเตอร์และมีพลังในระดับเดียวกับฉิงเฟิง
เมื่อเห็นคนทั้งสี่คนรุมล้อมฉิงเฟิงโยชิโกะและทุกคนในทีมเขี้ยวหมาป่ารวมถึงราชาอสูรทั้งสองก็ขยับตัวเตรียมจะช่วยเหลือเขา
“ไม่ต้องก็แค่พวกอ่อนแอสี่คนเท่านั้น” ฉิงเฟิงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้โยชิโกะและคนอื่นๆไม่ต้องเข้ามาช่วย
เมื่อเห็นเช่นนี้โยชิโกะและคนอื่นๆก็หยุดตามคำขอของฉิงเฟิง พวกเขามั่นใจในความสามารถของบอส
ชายทั้งสี่คนนี้อาจมีอำนาจคุกคามใหญ่หลวงต่อผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นแต่สำหรับฉิงเฟิงพวกเขาไม่ใช่อะไรที่ต้องกังวล
“เจ้าเด็กน้อยแกกล้าทำร้ายผู้อาวุโสของศาลากระบี่ของเรา พวกเราจะฆ่าแกในวันนี้ !” ชายทั้งสี่คนจ้องมองฉิงเฟิงอย่างเดือดดาล พวกเขาชักกระบี่ออกมาและชี้ไปที่ฉิงเฟิง
“หยุดพล่ามและเข้ามาได้เลยถ้าพวกแกกล้าพอ”ฉิงเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น ไร้ร่องรอยความกังวลในน้ำเสียงของเขา
หากทั้งสี่คนนี้มีพลังในระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุดฉิงเฟิงอาจจะต้องชั่งน้ำหนักดูว่าควรปะทะดีหรือไม่ แต่พวกเขาเหล่านี้อยู่ในขั้นปลายซึ่งเป็นระดับเดียวกับเขา เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย เพราะเขานั้นไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน
“ลงมือ!” ชายทั้งสี่คนจากศาลากระบี่ชูกระบี่ขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีฉิงเฟิง กระบี่ของพวกเขาเปล่งประกายอันแกร่งกร้าวที่ฉีกผ่านอากาศออกมา
ชายสี่คนนี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสของศาลากระบี่ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีอุปกรณ์วิญญาณ แต่พวกเขาทั้งหมดใช้อาวุธแกรนด์มาสเตอร์ระดับสูง ซึ่งกระบี่ระดับนี้ไม่สามารถเปล่งเจตน์กระบี่ออกมาได้ มีเพียงแค่แสงกระบี่จากพลังแท้เท่านั้น
แม้ว่าจะดูคล้ายกันแต่มันก็แตกต่างกันมากในแง่ของความแข็งแกร่งพลังของแสงกระบี่นั้นด้อยกว่าแสงของเจตน์กระบี่อย่างมาก
“
เพลิงจันทร์เงิน
!
“
ฉิงเฟิงคำรามออกมาด้วยเสียงต่ำด้วยกระบวนท่าที่สี่ของเพลงกระบี่เพลิงคะนองในทันทีกระบี่นั้นกลายเป็นดวงจันทร์สีเงินที่ลุกเป็นไฟและฟาดฟันเข้าใส่ชายทั้งสี่คนอย่างไร้ความปราณี
เปลวไฟของดวงจันทร์สีเงินเป็นแหล่งรวมของพลังงานขนาดใหญ่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าที่เคยพลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหลังจากที่ฉิงเฟิงทะลวงมาถึงแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลาย
เปรี้ยงเปรี้ยง เปรี้ยง !!!!
กระบี่ทั้งสี่ของฝ่ายตรงข้ามถูกกระแทกด้วยดวงจันทร์เปลวเพลิงระเบิดเสียงดังปัง ! ออกมา
ชายทั้งสี่รู้สึกได้ถึงพลังที่น่าเหลือเชื่อซึ่งผลักพวกเขาไปข้างหลังจนต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
เพียงหนึ่งกระบวนท่าของฉิงเฟิงก็สามารถสยบยอดฝีมือทั้งสี่ของศาลากระบี่ได้!
………
ความเงียบเข้าปกคลุมจนแม้กระทั่งเข็มตกยังได้ยิน
ในขณะนี้ทุกคนต่างก็หยุดพูดคุยกันและเข้าสู่สถานะของความเงียบโดยสมบูรณ์
คนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาแต่พวกเขาเป็นแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายแต่กลับพ่ายแพ้ต่อการโจมตีเพียงกระบี่เดียวของฉิงเฟิง ทุกคนต่างตกตะลึงมาก พวกเขามองฉิงเฟิงด้วยความตกใจในสายตา
“ท่านนักบุญคะหลี่ฉิงเฟิงไม่ธรรมดาอย่างที่ท่านว่าจริงๆ เขาแข็งแกร่งมาก เขาต้องเป็นคู่ต่อสู้ในการชิงอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ของท่านอย่างแน่นอน” หญิงสาวในชุดสีเขียวกล่าวกับฮวาเซียนจือ
ในตอนแรกหญิงสาวในชุดสีเขียวคนนี้ดูถูกฉิงเฟิงเธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมีพลังขนาดนี้ จนถึงจุดที่แม้แต่อาวุโสของกองกำลังระดับเฟิสคลาสก็ไม่เป็นที่คุกคามของเขา
คราวนี้ฮวาเซียนจือจมลงสู่ความเงียบเป็นเวลานานจากนั้นเธอก็กล่าวขึ้นเบาๆว่า
“เขียวน้อยข้าเกรงว่านี่ยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเขาด้วยซ้ำ”
“ท่านนักบุญท่านหมายความว่าหลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราเห็นในตอนนี้อีกหรือ ” หญิงสาวในชุดสีเขียวตกใจอย่างแท้จริงกับคำพูดของฮวาเซียนจือในครั้งนี้
ถ้านักบุญกล่าวไม่ผิดหลี่ฉิงเฟิงนั้นทรงพลังขนาดกัน ! เขียวน้อยอดที่จะจินตนาการไม่ได้ เธอได้แต่ตัวสั่น
กู่เซียวและสมาชิกสี่คนจากศาลากระบี่ต่างก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวต่อเสียงนินทาของคนอื่นๆเวลานี้พวกเขาขายหน้าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฉิงเฟิงแม้แต่คนเดียว
ตูม
!!
ในขณะที่กู่เซียวและคนอื่นๆที่เหลือเตรียมพร้อมที่จะโจมตีต่อกระบี่สีเขียวมรกตที่อยู่บนยอดเขาก็ส่งเสียงอึกทึกขึ้น ตัวกระบี่เริ่มสั่น พลังงานของกระบี่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทะลุผ่านชั้นบรรยากาศ
ลำแสงยาวนับพันเมตรของพลังกระบี่พาดผ่านท้องฟ้าราวกับทางช้างเผือกตกลงมาจากท้องนภา
“อุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์กำลังจะปรากฏขึ้นแล้วทุกคนรีบไปเร็ว !”
เฮยอาวตะโกนพร้อมกับวิ่งไปที่ยอดเขา
ไม่มีใครต้องการถูกทิ้งไว้ข้างหลังทุกคนต่างรีบมุ่งหน้าขึ้นเขากันอย่างรวดเร็ว
“หลี่ฉิงเฟิงข้าจะจำตราบาปครั้งนี้ไว้ เมื่อข้าได้อุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์เมื่อไหร่ ข้าจะมาแก้แค้นแน่ !” กู่เซียวกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังยอดเขาพร้อมกับสมาชิกของศาลากระบี่ที่เหลือ
เห็นได้ชัดว่าพลังของกู่เซียวในตอนนี้ไม่ใช่คู่มือของฉิงเฟิงดังนั้นโอกาสเดียวในการแก้แค้นของเขาก็คือช่วงชิงอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์และใช้พลังของมันฆ่าฉิงเฟิงซะ
เพียงปรากฏการณ์เดียวที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทุกคนเบนความสนใจไปที่ยอดเขาพวกเขาโห่ร้องส่งเสียงและใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการขึ้นสู่ยอดเขา หวังจะได้เป็นคนที่ครอบครองอาวุธในตำนานชิ้นนี้ เหลือเพียงสองกลุ่มเท่านั้นที่ยังไม่เคลื่อนไหวก็คือกลุ่มของฉิงเฟิงและตำหนักร้อยบุปผาความจริงมีฉินเซียนจื่ออีกคนหนึ่ง แต่เธอถูกเหล่าผู้อาวุโสบังคับให้รีบขึ้นเขา เธอจึงล่วงหน้าไปก่อน
“บอสครับนั่นมันเป็นอุปกรณ์จิตวิญญาณระดับสวรรค์เชียวนะครับ ! ทำไมพวกเราไม่ตามพวกเขาไป ” ลู่ซวนจี๋ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใจเย็นๆฉันมีความรู้สึกว่ากำลังจะมีอันตรายใหญ่หลวงเกิดขึ้น พวกเราควรรอดูสถานการณ์ก่อน” ฉิงเฟิงกล่าว
เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่กลับสัมผัสได้ถึงอันตรายอันใหญ่หลวงจากบนภูเขา
ที่ไหนสักแห่งบนยอดเขานั่นฉิงเฟิงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ใช่แล้วความกลัว ด้วยระดับพลังของฉิงเฟิงในตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวได้มีไม่มากนัก จากนั้นฉิงเฟิงก็เหลือบมองไปที่ฮวาเซียนจือที่อยู่ไม่ไกลและได้เห็นว่าเธอก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับว่าเธอกำลังลังเลและเป็นกังวล อาการของเธอทำให้ฉิงเฟิงมั่นใจยิ่งขึ้นในสัญชาติญาณเตือนภัยของเขา
แล้วก็เป็นอย่างที่ทั้งคู่คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยนทันทีที่ผู้คนไปถึงยอดเขาและพยายามจะคว้าอุปกรณ์วิญญาณชิ้นนั้น มือสีดำทมิฬขนาดมหึมาก็โผล่ขึ้นมาจากด้านล่าง !
ฝ่ามือสีดำนี้มีขนาดใหญ่มากมันเป็นฝ่ามือจำแลงจากพลังแท้ของอะไรบางอย่างและมีขนาดถึง 3 เมตร มันคว้าร่างของผู้คนใกล้ๆและฉีกเป็นชิ้นๆท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของพวกเขาเหล่านั้น