My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 865 มารผู้ฝึกตน
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 865 มารผู้ฝึกตน
ฉิงเฟิงเอ่ยปากขอร้องต่อจักรพรรดิราตรีซึ่งทำให้เขาจมลงสู่ความเงียบ
“เจ้าหนูผู้ฝึกตนมารนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง หากข้ามีพลังดั่งเช่นแต่ก่อนบางทีอาจจะยังพอฟัดกับมันได้ แต่ว่าตอนนี้กายหยาบของข้าถูกทำลายไปแล้ว พลังที่เคยมีจึงลดถอนลง ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอีกต่อไป” จักรพรรดิราตรีกล่าว
เขารู้สึกหวั่นไหวต่อคำขอร้องอย่างจริงใจของฉิงเฟิงแต่จักรพรรดิราตรีก็ไม่ได้เข้มแข็งพอที่จะสนองความต้องการของชายหนุ่มได้
“ผู้อาวุโสท่านเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ขอให้ท่านไปสู้กับมัน ผมแค่ขอให้ท่านหาทางช่วยฉินเซียนจื่อ ซึ่งน่าจะง่ายกว่า” ฉิงเฟิงบอกความคิดออกมา
ฉิงเฟิงก็ไม่ได้บ๊องตื้นจนไม่รู้ว่าปีศาจตัวนี้ร้ายกาจแค่ไหนเห็นได้ชัดว่ามันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ จักรพรรดิราตรีเป็นเพียงร่างวิญญาณและย่อมไม่ใช่คู่มือของมัน
“อ่อถ้าแค่หาทางช่วยแม่สาวงามคนนั้นออกมาก็อาจจะเป็นไปได้ แต่มันยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง”
“ไม่เป็นไรครับผมจะรับมือกับผลที่ตามมาทั้งหมดเอง”
“ในการจะทำเช่นนั้นข้าจะเปิดม่านพลังปีศาจให้เจ้า แต่พลังวิญญาณของข้ามีจำกัด เจ้าช่วยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น จำไว้ให้ดี” จักรพรรดิราตรีกล่าว
ฉิงเฟิงพยักหน้าเป็นอันเข้าใจต่อคำพูดของเขา
จากนั้นจักรพรรดิราตรีก็ท่องบทสวดออกมาเขาปล่อยแสงสีเขียวเข้าใส่ม่านพลังปีศาจจนเกิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่บนม่านพลังที่ดำที่มีรูปร่างคล้ายโดม ฉิงเฟิงพุ่งดิ่งเข้าไปราวกับสายฟ้าฟาดในช่องโหว่ที่จักรพรรดิราตรีเปิดให้ในทันที และผ่านเข้าไปภายในม่านพลัง ช่องโหว่นั้นไม่ได้ใหญ่มากนักจึงมีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าออกได้ไม่มีมากไปกว่านี้
เมื่อฉิงเฟิงผ่านเข้ามาข้างในเขาก็รีบมองหาฉินเซียนจื่อและปรากฏตัวข้างๆเธอในพริบตา
“หลี่ฉิงเฟิงท่านเข้ามาได้อย่างไร ” ฉินเซียนจื่อมองไปที่ฉิงเฟิงอย่างตะลึงงัน
“คุณหนูฉินผมมีวิธี ไปเถอะ รีบออกจากที่นี่กัน” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
สีหน้าของฉินเซียนจื่อเต็มไปด้วยความยินดีดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ยอดเขาแห่งนี้น่ากลัวเกินไป ยอดฝีมือหลายคนต่างก็ถูกฆ่าด้วยมือสีดำนั่น ทุกคนที่ถูกมันจับได้จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
“คุณหนูโปรดพาพวกเราออกไปด้วยเถอะ” ทันใดนั้นเอง อาวุโสของเธอก็ตะโกนออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาฉินเซียนจื่อก็มองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความคาดหวังในสายตาของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบผู้อาวุโสคนนี้เท่าใดนัก แต่เขาและสมาชิกคนอื่นๆของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด พวกเขาเป็นเสาหลักของนิกายเธอ หากพวกเขาต้องมาตายที่นี่จะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
“คุณหนูฉินผมเสียใจจริงๆ แต่ผมช่วยได้แค่คนเดียวเท่านั้น เพียงคุณคนเดียวก็สุดกำลังแล้ว” ฉิงเฟิงกล่าว เขาไม่ได้โกหกฉินเซียนจื่อ เพราะจักรพรรดิราตรีเป็นเพียงร่างวิญญาณและมีพลังทำได้แค่สร้างรูโหว่ที่ม่านพลังปีศาจนี้เท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงผู้อาวุโสและสาวกคนอื่นๆของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ก็มีสีหน้าหวาดกลัว หากเป็นดั่งที่ฉิงเฟิงพูดมา พวกเขาก็จบสิ้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงสามารถเข้ามาในม่านพลังนี้ได้ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆต่างก็ให้ความสนใจในตัวเขา พวกเขาต่างคาดหวังว่าฉิงเฟิงจะสามารถทำลายม่านพลังนี้เพื่อปลดปล่อยพวกเขาออกไปได้
แต่จากที่ได้ฟังการสนทนาพวกเขาก็รู้ว่าฉิงเฟิงเข้ามาได้และช่วยออกไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือฉินเซียนจื่อ เขาไม่สามารถช่วยคนอื่นๆได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าหลี่ฉิงเฟิง ในเมื่อแกอุตสาห์เข้ามาในนี้แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดชีวิตออกไปได้ !” กู่เซียวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว
กู่เซียวเข้าใจอย่างชัดเจนว่าฉิงเฟิงมาที่นี่เพื่อช่วยฉินเซียนจื่อเขาไม่ได้คิดจะช่วยคนอื่นที่เหลือแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาก็จะฆ่าฉิงเฟิงในม่านพลังนี้ในขณะที่ยังมีโอกาส
“ถูกต้องในเมื่อยังไงพวกเราก็ไม่รอดแล้ว งั้นทุกคนก็รุมโจมตีหลี่ฉิงเฟิงและฆ่ามันซะ !” เฮยอาวก็ตะโกนสนับสนุนเช่นกัน เขาก็เป็นอีกคนที่เกลียดชังฉิงเฟิง
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ข้างล่างภูเขาเฮยอาวได้กระตุ้นให้กู่เซียวฆ่าฉิงเฟิง เพราะเขาไม่ได้รู้ว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งเพียงใดจนกระทั่งได้เห็นเขาทำลายแขนของกู่เซียว
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนยอดเขาที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับความตายเฮยอาวต้องการแพะรับบาปและฉิงเฟิงก็เป็นเป้าหมายของเขา
“เฮยอาวพูดถูกในเมื่อพวกเราไม่สามารถออกจากสนามพลังนี้ได้ ทำไมไม่ร่วมมือกันฆ่าฉิงเฟิงด้วยกันซะเลย ทำไมเราต้องปล่อยให้มันรอดไปคนเดียวโดยไร้บาดแผล”หัวหน้ากลุ่มของนิกายแวมไพร์ตะโกนออกมาด้วยเสียงดังเช่นกัน
เซียะเย่หยางจือเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของนิกายแวมไพร์ที่มีความสามารถสูงพวกเขาใช้พลังและทรัพยากรในการฝึกอบรมคนผู้นั้นไปมากมาย อย่างไรก็ตาม เขาถูกฉิงเฟิงฆ่าตายที่สุสานราชายาทิพย์เซียวหยุน
ทันใดนั้นเองทุกคนจากศาลากระบี่ นิกายดาบทมิฬและนิกายแวมไพร์รวมไปถึงผู้ฝึกยุทธ์รายย่อยต่างก็มาล้อมกรอบฉิงเฟิง ทุกคนต้องการให้เขาตาย
เนื่องจากพวกเขากำลังจะตายในไม่ช้าด้วยมือยักษ์สีดำนั้นดังนั้นการฆ่าศัตรูก่อนจะตายก็ถือเป็นความคิดที่ดี
เมื่อมองดูฝูงชนหนาแน่นที่กำลังล้อมรอบเขาฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้วแน่นประชากรที่หนาแน่นของศัตรูที่อยู่ตรงหน
คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์และมีจำนวนมากพวกเขาทั้งหมดมาจากกองกำลังที่แตกต่างกันและทั้งหมดล้วนต้องการให้เขาตาย !
ใบหน้าของฉิงเฟิงดูน่ากลัวสุดขีดเขาแค่อยากจะช่วยฉินเซียนจื่อเท่านั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายที่ต้องการให้เขาตาย
เขายังคงมีทางเลือกสุดท้ายก็คือพลังสายเลือดบางทีเขาอาจเอาชนะคนเหล่านี้ได้ถ้าหากเปิดใช้งานมัน แต่ผลที่ตามมาจากการใช้พลังสายเลือดอาจทำให้เขาเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างรุนแรงของปีศาจใต้หุบเขา ซึ่งสุดท้ายเขาก็ตายอยู่ดี
ฉินเซียนจื่อยืนอยู่ข้างฉิงเฟิงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเช่นกัน
สถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างฉิงเฟิงและคนอื่นๆที่เหลือปะทุขึ้นการต่อสู้นองเลือดอาจเริ่มขึ้นได้ทุกเวลา
“
อืม….กลิ่นเลือดอันโอชะ”
ทันใดนั้นเองเสียงที่แปลกประหลาดก็ดังมาจากใต้เขา
เสียงนี้ฟังดูน่าประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อและคำพูดของมันก็ทำให้คนที่ได้ยินหนาวสั่นไปถึงกระดูกในสายตาของเจ้าของเสียงนี้ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณต่างก็เป็นอาหารที่น่าอร่อย
ตูม
!!
ยอดเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงด้วยก้อนหินที่กลิ้งกับพื้นพื้นดินปริแตกเหมือนกระดองเต่า จำนวนของรอยแตกและรอยแยกเริ่มลามไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้พื้นดินดูเหมือนใยแมงมุมขนาดยักษ์
ชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามคลานออกมาจากซากปรักหักพังด้านล่างของยอดเขาขาสองข้างของเขาถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เหล็กสีดำหนาเตอะที่เชื่อมต่อกับด้านล่างของยอดเขาซึ่งจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้
แต่ถึงแม้ว่าขาของเขาจะถูกพันธนาการเอาไว้แต่ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ยังทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่แสงจากการสะบัดมือเบาๆของเขาก็ส่งผลให้ผู้ฝึกยุทธ์ตกตายในทันที ร่างกายแหลกเหลวกลายเป็นแอ่งน้ำสีแดงชาดและก้อนเนื้อ คนเหล่านั้นตายจนยิ่งกว่าตายเสียอีก ร่างกายของผู้ตายเปลี่ยนเป็นหยดของแก่นแท้โลหิตซึ่งถูกชายวัยกลางคนดูดซับไปโดยตรง
ร่างกายของฉิงเฟิงมีโลหิตมังกรผสมอยู่ชายวัยกลางคนผู้นี้ไวต่อกลิ่นเลือดมากโดยเฉพาะเลือดที่แฝงไปด้วยพลังที่มหาศาล เขาหันไปหาต้นตอของกลิ่นเลือดนี้ทันที ซึ่งก็คือฉิงเฟิงนั่นเอง
“ข้าชอบเลือดของเจ้าไปตายซะ” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเฉยชาและเปลี่ยนพลังเป็นมือสีดำขนาดใหญ่ทุบเข้าใส่ร่างของฉิงเฟิงอย่างโหดเหี้ยม
เปรี้ยง
!!
อั่ก
!
ฉิงเฟิงไร้พลังต่อต้านเมื่อมือยักษ์นั้นกระทบร่างกายเขาก็ส่งผลให้เขากระเด็นออกไปในทันที เขาชนกระแทกเข้ากับม่านพลังที่ด้านหลังอย่างหนักหน่วงและล้มลงกับพื้นตามมาด้วยเลือดสดที่กระอักออกมามากมาย
ตราผู้พิชิตหลุดลอยจากร่างกายของเขาและตกลงบนพื้นด้านหน้า “ได้อย่างไร……… เป็นตราผู้พิชิตได้อย่างไร ?” เมื่อมองไปที่ตราผู้พิชิตบนพื้น มารผู้ฝึกตนก็ตกตะลึง