My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 890 หนึ่งหมัด
ด้วยอาวุธวิญญาณที่ได้รับจากโอโนะซากุระเริ่มมีท่าทางหยิ่งยโสและมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความดูถูก
ในฐานะอัจฉริยะของตระกูลบูชิโดและแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุดเขารู้ซึ้งถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของอุปกรณ์วิญญาณเป็นอย่างดี มันสามารถทำลายอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์และปลิดชีพคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว !
“หลี่ฉิงเฟิงข้าจะพูดอีกครั้ง ย้ายก้นของเจ้าขึ้นมาและรับความตายซะ”
เมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงยังคงไม่สนใจซากุระก็กล่าวยั่วยุอีกครั้ง
คำสบถก้นด่าของเขาทำให้ผู้ฟังโกรธเกรี้ยวไม่ต้องพูดถึงคนถูกด่าอย่างฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มเจตนาฆ่ากระพริบผ่านดวงตาของเขาและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นายกำลังหาที่ตาย”
วูบ!
เขากระโดดขึ้นไปในอากาศและไปถึงที่เวทีในพริบตา
“เจ้าหนูอาวุธในมือของชายคนนั้นคืออาวุธวิญญาณระดับต่ำ, ดาบไซโคลน”
เสียงของจักรพรรดิราตรีดังขึ้นในหัวของฉิงเฟิง
อาวุธวิญญาณระดับต่ำ
เขาถามอย่างเฉยชาว่า“ผู้อาวุโส กายาแดนชำระของผมสามารถรับการโจมตีของมันไหวหรือเปล่า ”
“เจ้าหนูกายาของเจ้าอยู่แค่ขั้นแรก ยังไม่อาจต้านทานไหว”
“ผู้อาวุโสงั้นก็หมายความว่าร่างกายของผมจะสามารถทนทานต่อพลังทำลายของอุปกรณ์วิญญาณเมื่อผมบรรลุถึงขั้นที่สองใช่ไหม ”
“เป็นเช่นนั้นแต่ตอนนี้เจ้าสามารถทำลายอาวุธวิญญาณของมันด้วยกระบี่เพลิงคะนอง จากนั้นก็บดขยี้ร่างมัน”
หลังจากใช้เวลาร่วมกันกับฉิงเฟิงมาได้สักพักจักรพรรดิราตรีก็เริ่มซึมซับนิสัยความรุนแรงต่อศัตรูมาจากฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจในเวลานี้ร่างกายของเขาไร้เทียมทานต่อพลังของแกรนด์มาสเตอร์ แต่ก็ยังไม่อาจทานรับการโจมตีของอาวุธวิญญาณได้โดยตรง
เช้ง!
เขาชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาและชี้กลับไปที่ซากุระพร้อมทั้งกล่าวว่า
“อยากตายก็เข้ามาได้เลย”
“ฮ่าๆๆหลี่ฉิงเฟิง เจ้าอย่าอวดดีไปนัก ตอนนี้ในมือข้ามีอาวุธวิญญาณ นั่นหมายความว่าข้าสามารถปลิดชีพเจ้าได้ด้วยกระบวนท่าเดียว” ซากุระเชิดหัวขึ้นและหัวเราะด้วยความรังเกียจ
เขากับซาบุโรเป็นสหายที่ดีต่อกันเขาโกรธมากที่ต้องมาเห็นสหายตกตายต่อหน้า แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองนั้นไม่อาจสู้ฉิงเฟิงได้ เขาทำได้เพียงต้องข่มความแค้นเอาไว้
แต่ตอนนี้ด้วยอาวุธวิญญาณจากโอโนะ เขามั่นใจมากขึ้นจนไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในการฆ่าฉิงเฟิงได้อีกต่อ
“หลี่ฉิงเฟิงตายซะ !!”
ซากุระคำรามและเหวี่ยงดาบออกมาอย่างฉับพลันด้วยรอยปริแตกในอากาศ ดาบของเขาฟาดฟันเข้าใส่ศีรษะของฉิงเฟิงอย่างดุร้าย
เขาต้องการตัดหัวของฉิงเฟิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ดุร้ายฉิงเฟิงกลับยืนนิ่งและไม่ขยับตัวจนกระทั่งดาบของอีกฝ่ายอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่นิ้ว
เขายกมือขวาขึ้นและเหวี่ยงกระบี่เพลิงคะนองออกไปในแนวเฉียงออร่ากระบี่เปิดแยกอากาศออกและฟาดฟันเข้าปะทะกับดาบไซโคลน
แกร่ก!!
ดาบและกระบี่ทั้งสองปะทะกันก่อให้เกิดเสียงแตกขนาดใหญ่ดาบไซโคลนของซากุระร่วงลงกับพื้นและหักเป็นสองส่วนทันที
บ้าอะไรวะเนี่ย
!
ดาบไซโคลนหักเป็นสองส่วน
!
สีหน้าของซากุระเต็มไปด้วยความสยดสยองและไม่เชื่อดาบไซโคลนเป็นอาวุธระดับวิญญาณ มันจะแตกหักง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร
ผู้ชมต่างก็ตะลึงงันพวกเขาส่วนใหญ่เป็นยอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์และเคยเห็นพลังของอาวุธวิญญาณมาก่อน
การที่ได้เห็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำของซากุระถูกกระบี่ของหลี่ฉิงเฟิงทุบทำลายเป็นสองส่วนพวกเขาจึงตกตะลึงเป็นธรรมดา แต่ไม่มีผู้ใดตกตะลึงไปกว่าผู้อาวุโสสาม,อิซุ โอโนะ ในฐานะเจ้าของดาบไซโคลน เขาใช้มันในการกำจัดศัตรูมานับทศวรรษ เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงเฟิง
ในขณะที่ทุกคนต่างตกตะลึงอิซุ นากาโนะผู้ซึ่งเป็นประธานในการแข่งขันครั้งนี้ มีสีหน้าเคร่งขรึม เขามีความคิดบางอย่างเกิดขึ้น
“
สิ่งนี้ต้องเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงอย่างแน่นอน
!”
เมื่อมองกระบี่เพลิงคะนองที่มีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงในมือของฉิงเฟิงร่องรอยของความโลภก็ปรากฏในสายตาของนากาโน แม้แต่เขาเองที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้แห่งเกาะแปซิฟิกก็ยังครอบครองเพียงแค่อาวุธวิญญาณระดับกลางเท่านั้น เขามีความต้องการอย่างฉับพลันที่จะช่วงชิงกระบี่วิญญาณชั้นสูงเล่มนี้จากฉิงเฟิงแต่เมื่อได้เห็นว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าสาธารณะชน เขาจึงต้องสะกดข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่านไปด้วยความโลภของเขาเอาไว้ก่อน
เมื่อได้เห็นการแสดงออกที่อยู่ไม่สุขของผู้อาวุโสสองโอโนะก็ฉุกคิดและได้ข้อสรุปเดียวกันกับอาวุโสสองว่า กระบี่ในมือของหลี่ฉิงเฟิงต้องเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงหรือไม่ก็ระดับกลางเป็นอย่างน้อย เพราะมันสามารถทำลายอาวุธวิญญาณระดับต่ำของเขาได้อย่างง่ายดาย
ด้วยความคิดนี้โอโนะก็รู้สึกเช่นเดียวกับอาวุโสสองทันที แววตาของเขาจับจ้องไปที่กระบี่ของฉิงเฟิงไม่หยุด เขาอยากได้มันมาเป็นของตัวเอง
แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ลงมือระหว่างการแข่งขันเพราะทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่เวที
เขามีแผนการแบบเดียวกับผู้อาวุโสสองเขาจะหาโอกาสฆ่าหลี่ฉิงเฟิงและช่วงชิงอาวุธวิญญาณของเขาทันทีที่การแข่งขันสิ้นสุดลง
ฉิงเฟิงไม่ได้ตระหนักถึงสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความโลภและเจตนาฆ่าที่มีต่อเขาเพราะเขากำลังมุ่งความสนใจไปคู่ต่อสู้ตรงหน้า
“ซากุระในเมื่ออาวุธวิญญาณระดับต่ำของนายถูกทำลายแล้ว นายจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน ” ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ซากุระไม่ใช่คนโง่เง่าเขาตระหนักได้ในทันทีว่ากระบี่ในมือของฉิงเฟิงต้องเป็นอาวุธวิญญาณที่มีระดับเหนือกว่าดาบไซโคลนของเขา
“ฮึ่ม! หลี่ฉิงเฟิง ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายพอก็เก็บอาวุธซะแล้วมาวัดกับข้าด้วยหมัดลุ่นๆไหมละ ” ซากุระกล่าวอย่างเย็นชา
ฉิงเฟิงรู้ดีว่าซากุระกำลังกลัวพลังของกระบี่เพลิงคะนองของเขาจึงบอกให้เขาเก็บอาวุธไปซะแต่เขาก็ยินดีในเมื่อคู่ต่อสู้เรียกหาความตายจากการขอประหมัดกับเขา ซากุระรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นฉิงเฟิงเก็บกระบี่กลับไปเขาชกหมัดเข้าใส่ศีรษะของฉิงเฟิงอย่างดุร้ายทันที
“นายเลือกที่จะสู้กับฉันด้วยพลังกายเนี่ยนะ ประเมินพลังตัวเองสูงเกินไปแล้วมั้ง !”
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม
ตูม
!!
ฉิงเฟิงง้างหมัดและเหวี่ยงหมัดขวาออกมาอย่างโหดเหี้ยมทันทีด้วยขุมพลังที่หนักหน่วงดั่งภูผา มันตกกระทบลงที่บนร่างของซากุระด้วยเสียงดังตูม ร่างกายของเขาระเบิดทั่วทั้งร่างในพริบตา