My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 893 ราชาอสูรค้างคาวม่วง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 893 ราชาอสูรค้างคาวม่วง
ฉิงเฟิงผละจากทีมหัวเซี่ยและรีบมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยซากุระอย่างรวดเร็ว
มหาวิทยาลัยซากุระเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเกาะแปซิฟิกและเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดมันเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในเกาะแปซิฟิกและเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของทวีปมังกร
มหาวิทยาลัยซากุระมีคณะมากมายรวมไปถึงคณะการเงินการ, สังคมศึกษา, การแพทย์, ภาษาจีนและอื่นๆ
เมื่อตอนที่ราชาอสูรค้างคาวม่วงหลบหนีมายังเกาะแปซิฟิกเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยซากุระเพราะเขารู้ว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ผู้ที่ไล่ล่าเขาก็คิดไม่ถึงว่าราชาอสูรค้างคาวม่วงจะมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยซากุระแผนซ่อนตัวของเขากินเวลามากว่าสิบปีและเขาก็เพิ่งถูกพบเมื่อไม่นานมานี้
ที่มหาวิทยาลัยซากุระ
ชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีวัยรุ่นคนนี้อายุน้อยมาก เขามีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย จมูกสูงโด่ง คิ้วเรียวดั่งกระบี่และดวงตาเป็นประกาย
เขาก็คือราชาอสูรค้างคาวม่วงหนึ่งในสิบราชาอสูรและเป็นราชาอสูรที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มอีกด้วย
เมื่อสิบห้าปีก่อนตอนที่ราชาอสูรค้างคาวม่วงติดตามราชันผู้พิชิต ยามนั้นเขามีอายุเพียงแค่สิบขวบเท่านั้น
พวกคุณรู้ว่าเด็กหนุ่มอายุสิบปีนั้นนับว่าเป็นเพียงแค่วัยรุ่นและกำลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมแต่ราชาอสูรค้างคาวม่วงไม่เหมือนกัน เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างสุดขั้วตั้งแต่ยังเด็กและแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฝึกฝนและพรสวรรค์ชั้นเลิศ
ครั้งหนึ่งผู้ฝึกยุทธ์โบราณผู้หนึ่งได้มอบเคล็ดวิชาตัวเบาให้กับเขามันคือ “ท่าร่างค้างคาว” ซึ่งทำให้ราชาอสูรค้างคาวม่วงนั้นมีความรวดเร็วมากหลังจากฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนเชี่ยวชาญ เมื่อเขาอายุได้เพียงสิบขวบเขาก็วิ่งได้เร็วเท่ากับรถคันหนึ่งแล้ว
ราชันผู้พิชิตได้เห็นถึงพรสวรรค์และความรวดเร็วของราชาอสูรค้างคาวม่วงจึงรับเขาเข้ามาเป็นหนึ่งในสิบราชาอสูร
ในฐานะหนึ่งในสิบราชาอสูรที่รวดเร็วที่สุดและเด็กที่สุดเขาได้รับความเอ็นดูจากเหล่าราชาอสูรคนอื่นๆเป็นอย่างมาก
จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์ที่มอบเคล็ดวิชาตัวเบาให้แก่ค้างคาวม่วงได้ถูกคนของนิกายแวมไพร์สังหารค้างคาวม่วงโกรธแค้นนิกายแวมไพร์มาก เขาจึงตามล่าคนของนิกายแวมไพร์เพื่อแก้แค้นเพราะผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอาจารย์ของค้างคาวม่วง อีกทั้งพวกเขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก
เพื่อแก้แค้นให้อาจารย์ของเขาค้างคาวม่วงได้ลอบสังหารหนึ่งในบุตรชายของจ้าวนิกายแวมไพร์ ซึ่งทำให้เขาพบกับปัญหาใหญ่
นิกายแวมไพร์เป็นหนึ่งในกองกำลังอันดับต้นๆของกองกำลังชั้นหนึ่งในหัวเซี่ยพวกเขาสามารถทำลายสำนักนิกายใดๆได้อย่างง่ายดาย เพราะพวกเขาเต็มไปด้วยยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งมากมาย
และในเวลานั้นเองราชันผู้พิชิตก็หายสาบสูญไป ราชาอสูรทั้งสิบต่างก็กระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งราชาอสูรค้างคาวม่วงเป็นผู้ที่มีคุณธรรมดาและให้ความสัมพันธ์กับพวกพ้องเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าถ้าหากเขายังรั้งอยู่ในหัวเซี่ย นิกายแวมไพร์จะต้องไปคิดบัญชีกับตระกูลหลี่และจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลของเจ้านาย เขาไม่ต้องการให้ครอบครัวของเจ้านายเดือดร้อน
เพื่อไม่ให้ตระกูลหลี่ติดร่างแหค้างคาวม่วงจึงได้หลบหนีการตามล่าไปยังเกาะแปซิฟิกที่ห่างไกลนับพันไมล์ เขาใช้เวลาปีแล้วปีเล่าปิดบังฐานะหลบซ่อนตัวอย่างมิดชิดไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยซากุระ
ราชาอสูรค้างคาวม่วงไม่เพียงแค่หล่อเหลากระชากวิญญาณแต่ยังเต็มไปด้วยความรู้รอบด้าน นักศึกษาหลายต่อหลายคนชอบฟังเล็คเชอร์ของเขา และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้หญิงมาติดพัน
มีนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่าหวังลี่อิงเป็นชาวหัวเซี่ยเธอได้มาเข้าเรียนที่มหาลัยแห่งนี้และตกหลุมรักค้างคาวม่วง เธอเป็นผู้หญิงที่ป็อบปูล่าร์ที่สุดในมหาวิทยาลัยซากุระ ใบหน้าของเธอละเอียดอ่อนบอบบาง ผิวของเธอขาวนวล จมูกได้รูป ริมฝีปากเล็กเหมือนลูกเชอร์รี่ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างยิ่ง
ทั้งสองต่างรักชอบกันในที่สุดเพราะต่างก็เป็นชาวหัวเซี่ยที่มาอาศัยอยู่ต่างประเทศเช่นเดียวกัน
หลังจากมีความรักค้างคาวม่วงก็เริ่มปล่อยตัวและลดความระแวดระวังลง บ่อยครั้งที่เขาเดินไปตามมหาลัยพร้อมกับหวังลี่อิง ซึ่งสร้างความอิจฉาให้กับผู้คนจำนวนมาก เคยมีผู้ฝึกยุทธ์โบราณที่เป็นนักศึกษาจากหัวเซี่ยตามตื๊อหวังลี่อิงแต่ก็ถูกค้างคาวม่วงสั่งสอนกลับไป ต่อมาผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้ตรวจสอบประวัติของค้างคาวม่วงจนทำให้ฐานะของเขาถูกเปิดเผย
หลังจากที่ตัวตนถูกเปิดโปงและนิกายแวมไพร์ได้ทราบข่าวนี้จึงได้ส่งคนมายังเกาะแปซิฟิกเพื่อตามล่าค้างคาวม่วงนี่เป็นที่มาของเรื่องราวราชาอสูรค้างคาวม่วงนั่นเอง
………..
“ราชาอสูรค้างคาวม่วงแกจะหนีไปไหน !” ชายเจ็ดคนในเสื้อคลุมสีเลือดตะโกนออกมา
คนเหล่านี้มาจากนิกายแวมไพร์ซึ่งในครั้งนี้นิกายแวมไพร์ได้ส่งสาวกมามากกว่าสามสิบคนเพื่อฆ่าค้างคาวม่วง พวกเขาทุกคนต่างเป็นสาวกที่เข้มแข็ง ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังมีสัมพันธ์กับตระกูลคาราเต้ของเกาะแปซิฟิกอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรู้ทางหนีทีไล่ของค้างคาวม่วงได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือราชาอสูรค้างคาวม่วงนั้นรวดเร็วดั่งสายฟ้าเขาเร็วพอๆกับรถตอนอายุสิบขวบ ในตอนนี้ความของเขาดั่งเครื่องบน เขาเหินร่างและทิ้งไว้เพียงภาพติดตาในอากาศ คุณสามารถเห็นเพียงภาพติดตาของเขาแต่ไม่มีทางเห็นร่างจริงของเขาได้ (น่าจะคล้ายๆเดอะแฟลช)
แต่ไม่ว่าราชาอสูรค้างคาวม่วงจะรวดเร็วเพียงใดครั้งนี้ไม่มีผล เพราะนิกายแวมไพร์ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลคาราเต้ ซึ่งตระกูลนี้มีอำนาจมากบนเกาะแปซิฟิก พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าค้างคาวม่วงวิ่งผ่านกล้องวงจรปิดตัวไหน จากนั้นก็แจ้งข่าวให้กับคนของนิกายแวมไพร์ให้ปิดกั้นทางหนีของเขา
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ค้างคาวม่วงก็มาถึงทางตัน เขาหนีมาถึงซอยหนึ่งซึ่งมีกำแพงสูงใหญ่ทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลังล้วนเป็นกำแพงสูง เขาติดอยู่ในซอยนี้และไม่สามารถหนีได้อีกต่อไป “หึๆๆราชาอสูรค้างคาวม่วง แกหลบหนีพวกข้ามาหลายปี วันนี้จะเป็นวันตายของแกแล้ว” สาวกนิกายแวมไพร์ผู้หนึ่งกล่าวอย่างดุร้าย เขาปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา
ที่ยืนอยู่ด้านหลังของราชาอสูรค้างคาวม่วงก็คือสาวกนิกายแวมไพร์แปดคนและสาวกตระกูลคาราเต้ของเกาะแปซิฟิกอีกสี่คนกองกำลังนอกรีตของหัวเซี่ยสมรู้ร่วมคิดกับชาวเกาะแปซิฟิก นี่ที่ทำให้ค้างคาวม่วงโกรธมาก
ราชาอสูรค้างคาวม่วงเป็นชายชาตรีที่รักษายิ่งเขามาเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนที่เกาะแปซิฟิกเพื่อต้องการเสริมสร้างวัฒนธรรมจีน เขาไม่ได้คาดคิดว่านิกายแวมไพร์ซึ่งนับว่าเป็นชาวหัวเซี่ยจะร่วมมือกับชาวต่างชาติ
ราชาอสูรค้างคาวม่วงเหลือบมองสาวกนิกายแวมไพร์ที่ด้านหลังของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าจากนั้นเขาก็หยิบอาวุธลับสีดำที่ซ่อนอยู่มาไว้ในมืออย่างเงียบๆ อาวุธสีดำนี้มีขนาดเท่าไข่แต่มีความคมมาก มันเป็นสีดำสนิทและเปล่งแสงสีดำจางๆออกมา มันคือบูมเมอแรงที่ทรงพลัง
ราชาอสูรค้างคาวม่วงนั้นมีความเร็วมากและเมื่อรวมกับบูมเมอแรงนี้มันจะสามารถสร้างการโจมตีที่ทรงพลังมาก
“ตายซะ!”
ค้างคาวม่วงร่ำร้องออกมามือขวาของเขาสะบัดบูมเมอแรงออกไปและลอยขึ้นไปในอากาศ มันวาดวงโค้งและพุ่งเข้าใส่คอของสาวกนิกายแวมไพร์
ฉูดดดดด…
เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากคอของเหล่านิกายแวมไพร์พวกเขามองไปที่ราชาอสูรค้างคาวม่วงด้วยใบหน้าที่หวาดกลัวและล้มลงกับพื้นตกตายไปตามๆกัน
“พวกเราระวังด้วยมันมีอาวุธลับ” สาวกของนิกายแวมไพร์กล่าว พวกเขามีสีหน้าโกรธเกรี้ยวมาก เมื่อสิบห้าปีก่อนบูมเมอแรงของเขาเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงมากมันสังหารผู้ฝึกยุทธ์มานับไม่ถ้วนและจัดเป็นอาวุธที่ทรงพลัง
ในเวลานี้เองชายชราเสื้อคลุมแดงก็ก้าวออกมาจากด้านหลังและกล่าวว่า“บูมเมอแรงของมันทรงพลังและมีความคมมาก พวกเจ้าไม่ใช่คู่มือของมัน จงถอยไป”
เมื่อได้เห็นชายชราคนนี้เหล่าสาวกนิกายแวมไพร์ต่างก็ถอยออกไปพวกเขารู้ตัวว่าคงไม่อาจเอาชนะค้างคาวม่วงได้ง่ายๆ แต่ชายชราผู้นี้สามารถทำได้ เขาคือผู้พิทักษ์ปีกซ้ายของนิกายแวมไพร์และเป็นแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายที่ทรงพลัง
“
เขตแดนโลหิตอสูร
!
“
ผู้พิทักษ์ปีกซ้ายกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึกและปลดปล่อยเขตแดนของเขาออกมาครอบคลุมร่างของค้างคาวม่วงทันทีทันใด
ค้างคาวม่วงหน้าซีดเผือดและต้องการจะหลบฉากแต่เขาก็ได้ตระหนักว่าร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่ เขายังไม่ใช่แกรนด์มาสเตอร์และไม่อาจทำอะไรได้ภายในเขตแดนระดับแกรนด์มาสเตอร์ของผู้พิทักษ์ปีกซ้าย
ผู้พิทักษ์ปีกซ้ายยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า“ราชาอสูรค้างคาวม่วง วันนั้นเจ้าสังหารบุตรชายของท่านจ้าวนิกาย วันนี้ถึงตาเจ้าแล้ว”
ในเวลาเดียวกันฉิงเฟิงมาถึงพอดีและได้เห็นผู้พิทักษ์ปีกซ้ายเตรียมจะฆ่าค้างคาวม่วง ใบหน้าของเขาก็ดำทะมึนในทันที