My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 901 ครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงผู้ทรงพลัง !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 901 ครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงผู้ทรงพลัง !
ฉิงเฟิงรับปากกับหลิวหรูหยานทางโทรศัพท์ว่าเขาจะกลับมาในวันพรุ่งนี้เขาปลอบโยนเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วงและถือสายคุยกับเธอเป็นเวลานานจนกระทั่งมาถึงโรงแรมซากุระพวกเขาก็วางสายไป
ทุกคนต่างรอคอยพวกเขาอยู่ภายในโรงแรมทันทีที่เห็นพวกเขากลับมา ชาวเฟิงอู่ก็เดินไปถามว่า “หลี่ฉิงเฟิง คุณได้ตราประทับเก้ามังกรกลับคืนมามั้ย ”
ชาวเฟิงอู่โกรธกริ้วและวิตกกังวลมากเมื่อตอนที่รู้ว่าตราประทับถูกขโมยไปเธอค้นหาทั่วทั้งพื้นที่พร้อมกับฮวาเซียนจือแต่ก็ยังไม่พบเบาะแส ใครจะไปคิดว่าฉิงเฟิงจะตามมันกลับคืนมาได้ภายในวันเดียว
“ใช่แล้วฉันไปตามมันกลับคืนมาได้แล้ว” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาส่งตราประทับให้กับชาวเฟิงอู่ เธอเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ดังนั้นเขาจึงส่งมอบมันให้กับเธอ
ดวงตาคู่งามของชาวเฟิงอู่สว่างไสวขึ้นในขณะที่เธอรับตราประทับมาเธอพูดว่า “หลี่ฉิงเฟิง ขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่คุณได้ทำเพื่อประเทศชาติ ชั้นรับรองว่าจะประกาศคุณงามความดีของคุณให้ผู้บริหารระดับสูงได้ทราบโดยทั่วกัน
ชาวเฟิงอู่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนักสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับเขาก็มีเพียงว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ฝึกวิทยายุทธ์โบราณที่ทรงพลัง ผู้ซึ่งสังหารยอดฝีมือที่เป็นอริไปมากมาย ในยุทธภพหัวเซี่ยต่างรู้เรื่องนี้กันดี
อย่างไรก็ตามชาวเฟิงอู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นว่าหลี่ฉิงเฟิงที่เหมือนจะเป็นปีศาจร้ายต่อศัตรูทุกคนแต่เนื้อแท้นั้นเขาเป็นชายชาตรีที่รักชาติและเต็มใจช่วยเหลือประเทศเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่คว้าแชมป์ในการแข่งขันของทวีปมังกรเพื่อหัวเซี่ย แต่เขาอุตสาห์ไปช่วยตามหาตราประทับที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวว่า“ผู้อำนวยการชาว ฉันฆ่าคนของตระกูลเคนโด้ คาราเต้และตระกูลบูชิโดเพื่อชิงตราประทับกลับคืนมา”
ชาวเฟิงอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขาผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นชาวเกาะแปซิฟิกของตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งห้า แต่ฉิงเฟิงสังหารพวกเขาเพื่อชิงตราประทับกลับมาเพื่อหัวเซี่ย แน่นอนว่าคนของตระกูลเหล่านี้ย่อมต้องมาแก้แค้นในไม่ช้า
“หลี่ฉิงเฟิงคุณไม่ต้องกังวล ถ้าหากหัวหน้าตระกูลของพวกมันกล้ามาหาเรื่องคุณ ชั้นจะช่วยคุณเอง” ชาวเฟิงอู่กล่าวกับฉิงเฟิงอย่างหนักแน่น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่บนเกาะแปซิฟิกแต่ชาวเฟิงอู่ก็ไม่เกรงกลัวการแก้แค้นของกองกำลังเหล่านี้
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไรออกมาที่จริงเขาไม่ได้กลัวยอดฝีมือที่เหลือเลย แต่คำพูดและคำมั่นสัญญาที่หนักแน่นของชาวเฟิงอู่ทำให้เขาประทับใจมาก การที่ได้ตราประทับซึ่งเป็นสมบัติของประเทศกลับคืนมาทำให้ทุกคนดีใจจากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากโรงแรมไปยังท่าเรือ
………..
ที่ท่าเรือซากุระมีเรือรบของหัวเซี่ยจอดรอชาวเฟิงอู่และคนอื่นๆอยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อฉิงเฟิงและคนอื่นๆมาถึงท่าเรือซากุระพวกเขาก็พบว่าท่าเรือถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว มีชายวัยกลางคนสามคนยืนอยู่ที่ทางเข้า เบื้องหลังของพวกเขานั้นยังมีผู้คนอีกหลายพันคน ! แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นชาวเกาะแปซิฟิกที่ทรงพลัง
ชายคนแรกที่ยืนอยู่นั้นร่างสูงใหญ่และมีใบหน้าหล่อเหลาเขาคือหัวหน้าตระกูลเคนโด้, เจิ้นเทียน
ชายคนที่สองมีรูปร่างใหญ่โตและผิวดำคล้ำเขาเป็นหัวหน้าตระกูลบูชิโดเฮ่าหมิง
ส่วนคนที่มีรูปร่างปานกลางและใบหน้าสีเหลือง,หัวหน้าตระกูลคาราเต้ หลางเทียน หัวหน้าตระกูลทั้งสามรวมไปถึงยอดฝีมือนับพันของเกาะแปซิฟิกต่างล้อมท่าเรือซากุระเอาไว้พวกเขากำลังรอฉิงเฟิงและคนอื่นๆ
ประชาชนโดยรอบต่างแตกฮืออย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นผู้คนจำนวนมากมาชุมนุมกันแต่พวกเขาก็ยังคงจับจ้องมองดูอยู่จากที่ไกลๆเพราะพวกเขาจำหัวหน้าตระกูลทั้งสามคนนี้ได้
5ตระกูลใหญ่ปกครองเกาะแปซิฟิก แต่ตอนนี้ขาดเพียงสำนักดาบปีศาจและตระกูลนินจา ซึ่งทั้งสามตระกูลที่อยู่ที่นี่ได้รับข่าวว่าหลี่ฉิงเฟิงชาวหัวเซี่ยได้สังหารอาวุโสของพวกเขาไป ในฐานะห้าตระกูลใหญ่ พวกเขาเสียหน้าไม่ได้ เขาจึงตระเตรียมผู้คนมาล้างแค้นให้พี่น้อง มิฉะนั้นหากปล่อยพวกเขากลับประเทศไป พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“หลี่ฉิงเฟิงเตรียมตัวตายได้แล้ว วันนี้เป็นวันตายของเจ้า !” เจิ้นเทียนคำรามออกมาด้วยใบหน้าเย็นชา เขาเป็นหัวหน้าตระกูลเคนโด้ ฉิงเฟิงฆ่าอาวุโสของตระกูลเขาไปถึงสามคน รวมไปถึงอัจฉริยะอนาคตไกลของตระกูลอีกด้วย เขาเกลียดชังฉิงเฟิงเข้ากระดูกดำ
จากนั้นไม่นานหัวหน้าตระกูลอีกสองคนก็เดินตามติดมาด้วยใบหน้าโกรธแค้นบิดเบี้ยวพวกเขาก็ต้องการชีวิตของฉิงเฟิงเช่นกัน
“!”
“เจ้าหนูนี่ไม่ดีแล้ว ทั้งสามคนนี้ต่างก็แข็งแกร่งมาก พวกมันทุกคนมีพลังระดับครึ่งก้าวแห่งขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง พูดให้เข้าใจก็คือพวกมันย่างเท้าเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกตนไปครึ่งทางแล้ว” จักรพรรดิราตรีกล่าวกับฉิงเฟิงด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ฉิงเฟิงตื่นตัวในทันทีจากคำพูดที่จริงจังของจักรพรรดิราตรีทำให้เขาได้ตระหนักว่าทั้งสามคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด เป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งสามต้องมีสัมพันธ์กับผู้ฝึกตน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากฉิงเฟิงเพิ่งจะฝึกฝนเพียงระยะเวลาสั้นๆ เขายังอยู่ที่จุดสูงสุดแห่งขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ หากเขามีเวลาฝึกฝนนานกว่านี้ เขาคงก้าวเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกตนได้ไม่ยาก
“ดูนั่นสิสุดยอดฝีมือทั้งสามของเกาะแปซิฟิกทั้งสามกำลังโกรธแค้น พวกเขาบอกว่าจะฆ่าชายหนุ่มที่ชื่อหลี่ฉิงเฟิง”
“หลี่ฉิงเฟิงที่พวกเขาพูดถึงทำอะไรไว้นะหัวหน้าตระกูลทั้งสามถึงต้องการชีวิตเขา”
“นายไม่รู้เหรอ งั้นฉันจะบอกให้ หลี่ฉิงเฟิงคนนั้นคืออันดับหนึ่งในการแข่งขันวิทยายุทธ์ของทั่วทั้งทวีปมังกร นอกจากนี้เขายังลงมือฆ่าอัจฉริยะของทั้งสามตระกูลอย่างโหดเหี้ยมอีกด้วย”
ประชาชนโดยรอบต่างก็พูดคุยกันส่วนคนที่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็เล่าให้คนที่ไม่รู้ได้ทราบ
ห้าตระกูลใหญ่ของเกาะแปซิฟิกต่างก็เป็นขุมกำลังยักษ์ใหญ่ดั่งท้องฟ้าที่ทรงอำนาจมากการที่วันนี้มีหัวหน้าตระกูลถึงสามคนมารวมตัวกันทำให้ประชาชนต่างตกใจ
เมื่อชาวเฟิงอู่ได้ยินที่หัวหน้าตระกูลทั้งสามพูดว่าต้องการชีวิตฉิงเฟิงเธอก็ก้าวเท้าออกมาข้างหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจิ้นเทียน คุณจะทำสงครามกับหัวเซี่ยงั้นหรือ ”
“ผู้อำนวยการชาวจงทิ้งหลี่ฉิงเฟิงไว้ที่นี่ ส่วนพวกเจ้าที่เหลือสามารถจากไปได้เลย พวกเราไม่เอาเรื่อง” เจิ้ยนเทียนกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เจิ้นเทียนรู้จักเทพีสงครามนางนี้เป็นอย่างดีเธอแข็งแกร่งมากและเป็นผู้ที่เขาไม่อยากมีเรื่องด้วย
แต่แน่นอนพลังของชาวเฟิงอู่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ตัวตนและฐานะของเธอนั้นสำคัญยิ่งกว่า เธอเป็นถึงผู้อำนวยการหน่วยความปลอดภัยพิเศษของหัวเซี่ย เธอเป็นเหมือนตัวแทนของผู้บริหารสูงสุดของประเทศ หากมีเรื่องกับเธอก็หมายถึงมีเรื่องกับประเทศทั้งประเทศซึ่งคงไม่ใช่เรื่องที่เกาะแปซิฟิกต้องการแน่
ชาวเฟิงอู่ยืนขวางอยู่เบื้องหน้าฉิงเฟิงและกล่าวอย่างเย็นชาว่า“เจิ้นเทียน หลี่ฉิงเฟิงเป็นคนของหน่วยความปลอดภัยพิเศษและเป็นพลเมืองหัวเซี่ยที่ทรงคุณค่า หากคุณต้องการชีวิตเขาก็ต้องผ่านชั้นไปก่อน”
“งั้นข้าก็ขอดูหน่อยว่าเทพีสงครามที่เขาเล่าลือกันจะแข็งแกร่งแค่ไหน!”
เจิ้นเทียนแสยะยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังที่ไม่ธรรมดาของเขาออกมา
เจิ้นเทียนคิดคำนวนไว้แต่แรกแล้วว่าชาวเฟิงอู่ต้องปกป้องหลี่ฉิงเฟิงไม่ว่าเขาจะทำตัวเลวร้ายเพียงใดดังนั้นเขาต้องล้มเทพีสงครามนางนี้ให้ได้ก่อนถึงจะมีโอกาสฆ่าฉิงเฟิง
ปึง!
เพียงการก้าวเท้าครั้งเดียวเจิ้นเทียนก็ทำให้เกิดหลุมบนพื้นและเกิดรอยปริแตกขนาดใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวลามไปทั่วพื้นราวกับใยแมงมุมขนาดยักษ์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจิ้นเทียนผู้นี้ทรงพลังมากในฐานะผู้ฝึกตนครึ่งขั้น
เพียงการก้าวเท้าไปเบื้องหน้าของเขาเพียงก้าวเดียวก็ทำให้เทพีสงครามรู้สึกกดดันอย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตามชาวเฟิงอู่ก็ไม่ได้อ่อนแอ เธอได้รับการขนานนามว่าเทพีสงครามหัวเซี่ย ถ้าเธอไม่แกร่งพอ เธอคงไม่ได้เป็นถึงผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงพิเศษ
ร่างกายของชาวเฟิงอู่ไหววูบในพริบตาเหมือนลำแสงและพุ่งเข้าหาเจิ้นเทียนพวกเขาเริ่มการต่อสู้ในทันที
“หลี่ฉิงเฟิงตายซะ !”
อาศัยจังหวะที่เจิ้นเทียนพัวพันกับชาวเฟิงอู่หัวหน้าตระกูลบูชิโด, เฮาหมิงก็คำรามออกมาอย่างดุร้ายและพุ่งเข้าใส่ฉิงเฟิงทันที