My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 905 สืบทอดเพลงหมัดมังกรเพลิง !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 905 สืบทอดเพลงหมัดมังกรเพลิง !
สุนัขทมิฬขนาดมหึมาที่พุ่งเข้าหาไม่ได้ทำให้ฉิงเฟิงตกใจเลยแม้แต่น้อย
“สายเลือดแห่งผู้กลืนกิน!”
ฉิงเฟิงคำรามออกมาในขณะที่ปลดปล่อยมันมันคือรูปแบบที่วิวัฒนาการแล้วของสายเลือดราชันหมาป่าบรรพกาล, ทรงพลังมากขึ้นและโดยปกติจะซ่อนลึกอยู่ในโลหิตของเขาด้วยโอกาสที่ปรากฏออกมาน้อยมาก
ดวงตาของฉิงเฟิงเปลี่ยนเป็นสีเขียวผิวหนังและกล้ามเนื้อ ทั้งหมดทั่วตัวเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว มันคือสัญลักษณ์ของการตื่นขึ้นของขั้นที่ 2
วังวนสีดำขนาดมหึมาปรากฏบนท้องฟ้าวังวนสีดำนี้เหมือนกับหลุมดำในกาแลคซี่ที่ไร้ซึ่งจุดจบและเต็มไปด้วยพลังงานก่อนการเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ มันสามารถดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างได้ โฮ่งๆๆ…
สุนัขทมิฬบรรพกาลเริ่มรู้สึกหวาดกลัวหลังจากได้เห็นวังวนของหลุมดำนั่นมันเห่าขึ้นในทันที แต่หลุมดำนี้กลับพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่รวดเร็วยิ่ง มันปรากฏขึ้นอย่างทันทีทันใดก่อนที่สุนัขทมิฬจะมีโอกาสได้ตกใจ มันกลืนกินทั้งหมดและกระจัดกระจายพวกมันมาเป็นพลังงานของตัวเอง
สายเลือดรูปแบบผู้กลืนกินมีความสามารถในการกลืนกินพลังงานสายเลือดของคู่ต่อสู้และเปลี่ยนมันมาเป็นของตัวเองได้
อย่างไรก็ตามแม้แต่ฉิงเฟิงผู้ครอบครองพลังนี้ก็นึกยังนึกสงสัยอยู่หลายครั้งว่าทำไมเวลาเรียกใช้พลังสายเลือดผู้กลืนกินแล้ว มันจะก่อตัวเป็นวังวนหลุมดำหรือมันเชื่อมต่อกันได้อย่างไร มันให้ความรู้สึกราวกับพลังนี้มันมาจากอีกมิติหนึ่งที่เขาไม่รู้จักที่อยู่นอกโลก
อ๊ากกกก!
หลางเทียนถ่มน้ำลายเลือดออกมาทันทีเมื่อสายเลือดสุนัขทมิฬของเขาถูกกลืนกินหายไปใบหน้าของเขาเริ่มซีดลงเนื่องจากพลังสายเลือดเป็นหัวใจสำคัญของความแข็งแกร่งภายในร่าง จึงทำให้หลางเทียนได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนักเมื่อสายเลือดถูกกลืนหายไป
“เจ้า..เจ้า เจ้า !! เจ้าทำได้อย่างไร เจ้ากลืนกินสายเลือดของข้าได้อย่างไร !!??”
หลางเทียนพูดติดอ่างด้วยความโกรธที่ท่วมท้น
สายเลือดสุนัขทมิฬเป็นไพ่ใบสุดท้ายของหลางเทียนมันเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาสามารถชักจูงและปกครองเหนือผู้อื่นได้ด้วยพลังนี้ ใครจะไปรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาในวันนี้กลับมีพลังที่สามารถกลืนมันได้ ตอนนี้เขาต้องการฆ่าฉิงเฟิงมากกว่าทุกคน
“ในเมื่อตอนนี้นายอ่อนแอลงฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้ละ”
ฉิงเฟิงไม่ตอบสนองต่อคำพูดของหลางเทียนเขาพุ่งเข้าใส่ด้วยกระบี่เพลิงคะนองในมือ เขาต้องเกาะกุมโอกาสสำคัญในขณะที่คู่ต่อสู้อ่อนแรง
ที่จริงฉิงเฟิงต้องใช้การหมัดทลายนรกานต์แต่เขาสามารถใช้มันได้เพียงแค่สองครั้งนั้น เขามีพลังแท้ไม่มีเพียงพอ จึงต้องใช้กระบี่เพลิงคะนอง
เคร้ง!
ฉิงเฟิงควบกระบี่เพลิงคะนองในมือขวาและพุ่งเข้าหาหลางเทียนด้วยความเร็วสูงกระบี่เพลิงคะนองพุ่งทะลุผ่านอากาศและตกลงบนไหล่ของหลางเทียน อย่างไรก็ตาม พลังกระบี่ที่รุนแรงนี้ทำได้เพียงฉีกเสื้อของคู่ต่อสู้เท่านั้น ภายใต้เสื้อของเขาคือเกราะอ่อนไหมทองที่กระบี่ไม่สามารถฟันทะลุไปได้
“ฮ่าๆๆหลี่ฉิงเฟิง นี่คือเกราะไหมทอง อุปกรณ์วิญญาณชั้นสูง แม้ข้าจะอ่อนแอลง แต่กระบี่เพลิงคะนองของเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี !” หลางเทียนหัวเราะออกมาด้วยความบ้าคลั่ง
ตระกูลคาราเต้ทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ของผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งคนหนึ่งและยังจัดหาทรัพยากรล้ำค่ามากมาย ดังนั้นผู้ฝึกตนคนนั้นจึงมอบเกราะไหมทองให้แก่หลางเทียนเป็นการตอบแทน
แววตาของฉิงเฟิงดูตื่นตัวขึ้นเมื่อได้เห็นอุปกรณ์วิญญาณสายป้องกันระดับสูงของคู่ต่อสู้กระบี่เพลิงคะนองไม่สามารถทำลายม่านป้องกันของมันได้ ดังนั้นเขาก็สร้างบาดแผลให้แก่หลางเทียนไม่ได้เช่นกัน
ที่จริงแล้วกระบี่เพลิงคะนองยังทลายผนึกกระบี่ได้แค่ชั้นแรกเท่านั้นถ้าหากทลายผนึกที่สองหรือสามได้ มันจะกลายเป็นอาวุธวิญญาณระดับโลกาทันที เมื่อนั้นมันจะสามารถทะลวงผ่านม่านป้องกันของเกราะไหมทองได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงยังไม่แข็งแกร่งพอ เขาไม่มีพลังแท้และความสามารถในการทลายผนึกชั้นที่สองของกระบี่เพลิงคะนอง เขาต้องบ่มเพาะพลังให้ถึงขั้นผู้ฝึกตนก่อนจึงจะสามารถทำได้
หืม ….นี่มัน ?
ฉิงเฟิงเปล่งเสียงออกมาด้วยความอยากรู้และสังเกตเห็นว่าวัตถุทรงกลมของลำแสงสีทองดูเหมือนจะเคลื่อนไหวในจิตของเขา
ฉิงเฟิงมีลำแสงสีทองนี้อยู่ในหัวตอนที่โคจรพลังแท้ไปที่ตราประทับเก้ามังกรมามันดูเหมือนว่ามังกรเก้าตัวกำลังเคลื่อนไหวถึงแม้ว่าภาพที่เห็นในจิตจะพร่ามัวก็ตาม
ฉิงเฟิงเพิ่งกลืนกินสายเลือดสุนัขทมิฬและมีพลังเพิ่มขึ้นพลังงานส่วนหนึ่งที่เขาดูดกลืนมาถูกดูดซับโดยผู้กลืนกิน และวัตถุทรงกลมสีทองประหลาดนี้ดูดซับส่วนที่เหลืออย่างน่าอัศจรรย์
หลังจากลูกแก้วสีทองนี้ได้ดูดซับพลังงานไปมันกลับปรากฏข้อความแถวหนึ่งในจิตของฉิงเฟิง
เขารู้สึกมันได้ด้วยพลังวิญญาณของเขาข้อความแถวนั้นเป็นอักษรสีทองและอ่านได้ความว่า “ความโกลาหลนั้นเต็มไปด้วยพลังที่ยังไม่ได้ถูกใช้งาน,มังกรทั้งเก้าตัวได้ทำลายความสมดุลของจักรวาล ข้าผู้นี้คือมังกรตัวที่เก้า ‘มังกรอัคคี’ ผู้ควบคุมเปลวเพลิงของโลกาและนภาลัย”
“ไฟนั้นเป็นพลังงานแรกกำเนิดของโลกาและผืนนภามันคือหนึ่งในห้าแหล่งพลังงานของความโกลาหลในยุคก่อนประวัติศาสตร์ สิ่งนี้นำมาซึ่งพลังที่เหนือสิ่งอื่นใด”
“เจ้าหนูน้อย เจ้ามีโลหิตมังกรอยู่ภายในร่าง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เจ้าคือถูกเลือก แต่ตอนนี้พลังของเจ้าต้อยต่ำเหลือคณา ข้าทำได้เพียงส่งผ่าน ‘เพลงหมัดมังกรเพลิง’ ให้เจ้า เพลงหมัดมังกรเพลิงมีทั้งหมดเก้าหมัด ซึ่งหมัดสุดท้ายนั้นสามารถก่อร่างของมังกรเพลิงทั้งเก้าได้และแผดเผาทุกสิ่งให้เป็นจุล !”
เสียงลึกลับปรากฏขึ้นในใจของฉิงเฟิงมันฟังดูเก่าแก่โบราณกาลมากแต่ก็เต็มไปด้วยอำนาจและความเย่อหยิ่งอหังการ หลังจากเสียงหายไปไม่นานนัก เคล็ดวิชาเพลงหมัดมังกรเพลิงก็ถูกส่งต่อให้เขา
ฉิงเฟิงไม่ได้เรียนรู้เพลงหมัดเพลิงในโลกแห่งความจริงแต่มันอยู่ในโลกแห่งจิตของลูกแก้วทองคำในหัวของเขา จิตวิญญาณของเขาถูกชักนำเข้าสู่ชั้นแรกของลูกแก้วทองคำ จากนั้นมังกรตัวที่เก้า มังกรอัคคีก็สอนชุดเพลงหมัดนี้ให้แก่เขา
ภายในลูกแก้วสีทองเป็นมิติที่ลึกลับมันมีภูเขา, พืชพรรณ, ต้นไม้, ทะเลสาบและมีผนึกทั้งหมดเก้าชั้นในขณะที่ฉิงเฟิงกำลังฝึกฝนอยู่ในชั้นแรก
ฉิงเฟิงรู้สึกถึงโลหิตมังกรที่กำลังเดือดพล่านอยู่ภายในตัวของเขาราวกับว่าลูกแก้วสีทองในจิตนี้เป็นพันธมิตรกับเขาเขารู้สึกราวกับว่าตัวเขาได้กลายเป็นมังกรเพลิง เขาสามารถควบคุมเปลวไฟและแผดเผาทุกสรรพสิ่งให้เป็นจุลได้ !
ฉิงเฟิงทำตามคำสอนของมังกรอัคคีและใช้โลหิตมังกรเพื่อถ่ายโอนพลังงานเข้าสู่ร่างกายของเขาหนึ่งหมัดของเขาดูราวกับว่ามันสามารถปล่อยมังกรที่แท้จริงออกมาและป่นภูเขาสูงสิบเมตรเป็นชิ้นๆได้
ฉิงเฟิงฉลาดเฉลียวและมีความสามารถในการเรียนรู้ที่สุดพิเศษจากประสบการณ์ในการฝึกฝน “กายาแดนชำระ” เขาจับเคล็ดความสำคัญในการฝึก ‘เพลงหมัดมังกรเพลิง’ได้อย่างรวดเร็วและรับรู้ได้ทันทีว่าจะโคจรพลังเพื่อใช้เพลงหมัดนี้ได้อย่างไร
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงชั่วขณะเดียวในโลกแห่งความเป็นจริงมีเพียงฉิงเฟิงเท่านั้นที่สามารถได้ยินเสียงลึกลับจากลูกแก้วสีทอง ไม่มีใครอื่นแม้แต่จักรพรรดิราตรีก็ไม่ได้ยิน
“อะไรวะนั่นหลี่ฉิงเฟิงงี่เง่าหรือเปล่า เขาเพิ่งจะทำร้ายหลางเทียนบาดเจ็บ ทำไมเขาไม่รุกคืบต่อไป ?”
“ใช่หากเป็นข้า ข้าจะพุ่งเข้าขย้ำหลางเทียนอย่างโหดเหี้ยมจนกว่าเขาจะตาย”
“ซวยแล้วไง ! ดูสิหลางเทียนดื่มโอสถฟื้นฟูแล้ว เขาหายดีแล้ว หลี่ฉิงเฟิงไม่รอดแน่” ทุกคนรอบๆต่างพูดคุยกันไม่หยุดพวกเขามองดูฉิงเฟิงด้วยความสับสนและกล่าวเยาะเย้ยที่ไม่รู้จักฉวยโอกาสตอนที่กำลังได้เปรียบ
ในขณะที่ฉิงเฟิงจมอยู่กับการฝึกทางจิตหลางเทียนก็อาศัยโอกาสนี้ดื่มโอสถฟื้นฟู ยานี้มีสรรพคุณที่น่าทึ่ง ไม่นานนักบาดแผลและอาการบาดเจ็บของเขาก็หายดี
“หลี่ฉิงเฟิงข้าฟื้นฟูเต็มที่แล้ว ถึงเวลาตายของเจ้า !” หลางเทียนหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ
สายเลือดสุนัขทมิฬของเขาถูกฉิงเฟิงกลืนกินหมดสิ้นเขาได้รับผลสะท้อนจนบาดเจ็บสาหัส เดิมทีเขาคิดว่าเขาต้องตายด้วยน้ำมือฉิงเฟิงเสียแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆคู่ต่อสู้กลับหลับตายืนนิ่งอยู่เฉยๆราวกับรูปปั้น มันทำให้เขามีโอกาสฟื้นตัว
ในขณะนี้ฉิงเฟิงจดจำทุกอย่างของเพลงหมัดมังกรเพลิงได้แล้วเขาฝึกปรือซ้ำแล้วซ้ำอีกในมิติทางจิตจนเชี่ยวชาญ วิ้ง!
จิตวิญญาณของเขากลับออกจากมิติของลูกแก้วทองคำสู่โลกแห่งความเป็นจริงทันทีที่คืนสติเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเย่อหยิ่งของหลางเทียนทันที