My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 915 ปะทะเฮลคิงครั้งสุดท้าย
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 915 ปะทะเฮลคิงครั้งสุดท้าย
การที่ฉิงเฟิงทำลายข่ายอาคมภูตินภาได้ไม่เพียงแค่คนรอบข้างเท่านั้นที่ประหลาดใจ แต่เฮลคิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเฮลคิงเพิ่งจะได้เป็นลูกศิษย์ของกุ้ยเทียนคงไม่นานแต่เขาก็รู้ดีว่าอาจารย์คนใหม่ผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนและทรงพลังมหาศาล
ตอนนี้ข่ายอาคมที่อาจารย์ของเขาได้วางไว้กลับถูกทำลายด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงเฟิงโดยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวดังนั้นเขาจึงตกใจและประหลาดใจมาก
“เฮลคิงวันนี้จะเป็นวันตายของแก” ฉิงเฟิงเดินไปหาเฮลคิงด้วยจิตสังหารที่เปี่ยมล้น
เฮลคิงและหลี่ฉิงเฟิงเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันคนใดคนหนึ่งจะต้องตาย
คราวนี้ฉิงเฟิงจะต้องฆ่าเฮลคิงให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพราะชายคนนี้เป็นดั่งงูพิษเขามักจะลอบกัดด้านหลังเวลาฉิงเฟิงเผลอไผลอยู่เสมอ
ทุกย่างก้าวของฉิงเฟิงทิ้งหลุมลึกไว้เบื้องหลังความแข็งแกร่งของเขาหลุดกรอบจากโลกนี้ไปแล้ว
ไม่เพียงแค่ปรากฏหลุมลึกจากรอยเท้าเท่านั้นแต่จิตสังหารของเขาก็เพิ่มขึ้นในทุกฝีก้าว เมื่อเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮลคิง จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็หมุนวนอยู่รอบๆตัวเขา
“เฮอะอย่าคิดนะว่าแกจะไร้เทียมทานกับการที่ทำลายข่ายอาคมของท่านอาจารย์ได้ ข้าในวันนี้ไม่เหมือนวันก่อนอีกแล้ว ข้าจะให้แกได้สำนึกว่าว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด !”
เฮลคิงแสยะยิ้มและชักกระบี่ดำออกมา
กระบี่เล่มนี้กว้าง4 นิ้วยาวถึง 1.6 เมตรและมีรูปหัวกะโหลกแกะสลักไว้ที่พื้นผิว กลิ่นไอของวิญญาณชั่วร้ายพวยพุ่งออกมาจากตัวกระบี่และทำให้รู้สึกหนาวเย็นจนเลือดแข็งตัว กระบี่เล่มนี้เป็นของขวัญที่กุ้ยเทียนคงมอบให้กับเขาและมันมีชื่อว่า “กระบี่ภูติอสูร”
มันเป็นอาวุธที่มีวิญญาณร้ายเช่นเดียวกับผู้ฝึกตน อาวุธวิญญาณและผู้ฝึกตนนั้นเหมือนกัน มีทั้งธรรมะและนอกรีต การที่กระบี่ภูติอสูรทรงพลังก็เนื่องมาจากในตัวกระบี่นั้นบรรจุไว้ด้วยวิญญาณชั่วร้าย
ทันใดนั้นเองดวงตาของฉิงเฟิงก็สั่นไหวเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวกระบี่เล่มนั้น มันเป็นอาวุธวิญญาณชั่วร้ายขั้นสูง ซึ่งเป็นระดับเดียวกับกระบี่เพลิงคะนองของเขา
ฉิงเฟิงต้องจริงจังอย่างมากกับการต่อสู้กับเฮลคิงในครั้งนี้เขาชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาทันที แม้ว่าปากเขาจะพูดว่าจะฆ่าเฮลคิง แต่เขาก็ยังต้องแบ่งสมาธิระวังหลังไว้ด้วยเพราะมีผู้ฝึกตนที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังเฮลคิง
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะแข็งแกร่งแต่เขาก็ต้องทุ่มเททุกอย่างในการต่อสู้ มีสุดยอดฝีมือมากมายในอดีตที่สิ้นท่าตกตายเพราะประเมินศัตรูต่ำเกินไป
“อะไรกัน แกก็ครอบครองอาวุธวิญญาณระดับสูงด้วย ?” เฮลคิงตกตะลึงไม่น้อยหลังจากที่เขาเห็นกระบี่เพลิงคะนองที่ฉิงเฟิงชักออกมา
เฮลคิงรู้ว่ากระบี่ภูติอสูรของเขาได้รับมาจากกุ้ยเทียนคงซึ่งเป็นผู้ฝึกตนเป็นไปได้ไหมว่าหลี่ฉิงเฟิงก็มีผู้ฝึกตนอยู่เบื้องหลังเช่นกัน
ในเวลานี้เฮลคิงก็ไม่อาจดูถูกฉิงเฟิงได้อีกต่อไปก่อนหน้านี้เขาคิดว่าฉิงเฟิงเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์โบราณเท่านั้น แต่ในเมื่อได้เห็นว่าชายคนนี้ก็ครอบครองอาวุธวิญญาณเดียวกับเขา เขาก็เปลี่ยนความคิดในทันที
อาวุธปกติจะไม่สามารถปล่อยเจตน์กระบี่ออกมาได้แต่อาวุธวิญญาณสามารถทำได้ มันจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้ผู้ใช้เป็นสองเท่า
“
วิชากระบี่ภูติอสูร !!”
เฮลคิงคำรามออกมาและใช้ออกด้วยวิชาที่กุ้ยเทียนคงสอนในทันทีมันเป็นเคล็ดวิชากระบี่อสูรที่สอดประสานกับกระบี่ภูติอสูรในมือของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม มันทรงพลังเหลือเชื่อ
ด้วยการเหวี่ยงกระบี่เพียงแค่ครั้งเดียวมันก็สามารถผ่าอากาศออกเป็นสองส่วนจนเกิดรอยแยกที่เป็นสีดำสนิทและน่ากลัวอย่างยิ่ง
ไม่สำคัญว่าจุดนั้นจะเป็นพื้นที่โล่งหรือพื้นดินไม่ว่ากระบี่จะเหวี่ยงไปในทิศทางใดมันก็จะถูกกระบี่ผ่าครึ่งและเกิดรอยแตกร้าวที่ดูน่ากลัวมาก
“
เพลิงระเบิด
!”
ฉิงเฟิงพลิกข้อมือเหวี่ยงกระบี่เพลิงคะนองกระบวนท่าแรกออกไปทันที พลังงานที่ปล่อยออกมาจากกระบี่ก่อให้เกิดพลังแท้ธาตุไฟขึ้นมันเข้าปะทะกับพลังงานสีดำของกระบี่และเกิดเสียงดังสนั่น
ครืนนนนนน
~
กระบี่ปะทะกันสร้างเสียงอึกทึกมันราวกับเพิ่งเกิดแผ่นดินไหว
ใบหน้าของฝูงชนซีดเผือดจนต้องล่าถอยออกไปบางคนกระทั่งกระอักเลือดออกมาจากแรงกดดันและมีบางคนล้มลงเพราะหมดสติ
ทั้งฉิงเฟิงและเฮลคิงต่างก็ถอยกันคนละก้าวทั้งคู่ยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่เพราะต่างก็ต้องการหยั่งเชิงอีกฝ่ายก่อนในยกแรก
ฉิงเฟิงรับรู้ได้ในทันทีว่าเฮลคิงแข็งแกร่งขึ้นมากเพราะก่อนหน้านี้เขาสามารถสังหารเฮลคิงได้ด้วยกระบี่เดียว แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนของเฮลคิงทำให้เขาต้องตึงมือ ถึงกระนั้นฉิงเฟิงก็ใช้เพียงแค่กระบวนท่าแรกเท่านั้นกระบี่เพลิงคะนองยังมีอีกสามกระบวนท่าที่ยังไม่ได้ใช้ออก นอกจากนี้หากจำเป็นจริงๆเขาก็ยังมีพลังสายเลือดและเพลงหมัดมังกรเพลิงอีกด้วย
ที่จริงฉิงเฟิงสามารถฆ่าเฮลคิงได้ทันทีด้วยการใช้เพลงหมัดมังกรเพลิงแต่หลังจากนั้นพลังแท้ของเขาจะหมดไปจนไม่อาจรับมือจ้าวตำหนักโกสคิงและผู้ฝึกตนลึกลับได้
ฉิงเฟิงรู้แน่ชัดว่ามีผู้ฝึกตนอยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของเฮลคิงสถานการณ์ในตอนนี้นอกจากต้องฆ่าเฮลคิงแล้ว เขายังต้องฆ่าผู้ฝึกตนและสาวกทั้งหมดที่เหลือของตำหนักโกสคิงอีกด้วย เขาจำเป็นต้องออมพลังไว้
“
ศรเพลิงคะนอง
!!
“
ฉิงเฟิงเริ่มการโจมตีก่อนด้วยกระบวนท่าที่สองทันที
ลูกศรสีแดงเพลิงก่อตัวขึ้นในอากาศและพุ่งเข้าใส่เฮลคิง
“
กระบี่วิญญาณภูติอสูร
!!”
การแสดงออกของเฮลคิงเปลี่ยนไปเขาใช้กระบวนท่าที่สองของวิชากระบี่ภูติอสูรทันที มันก่อให้เกิดวิญญาณสีดำนับร้อยดวงในอากาศ
จิตวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ให้ความรู้สึกที่เยือกเย็นเสียดกระดูกและน่าหวาดกลัวอย่างยิ่งมันชนกับศรเพลิงและระเบิดออกในทันที
การปะทะกันระหว่างพลังงานของเปลวเพลิงและพลังงานวิญญาณสีดำนั้นก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นยิ่งกว่าการปะทะครั้งที่แล้วพื้นดินรอบๆจุดปะทะไม่ได้เกิดรอยแตกร้าวอีกต่อไป แต่มันพลิกตลบราวกับจุดจบของโลก ! เวลานี้ทั้งคู่ต่างก็ถอยร่นไปถึงสี่ก้าวการปะทะในครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งที่แล้วมากนัก
“
เจ้าหนูชายหนุ่มที่ชื่อเฮลคิงนั่นเป็นผู้ฝึกตนไปแล้ว มันแข็งแกร่งทีเดียว เจ้าไม่อาจสังหารมันได้ด้วยเพลงกระบี่โดยลำพัง”
จักรพรรดิราตรีกล่าวกับฉิงเฟิงในใจของเขา
“ผู้อาวุโสแล้วผมจะทำยังไงดี ” ฉิงเฟิงถาม
“
มันก็พอมีวิธีความชั่วร้ายใดๆมักจะอ่อนแอต่อสายฟ้า เขาจงใช้มุกอัสนีฟ้าโจมตีมันก่อนรอบหนึ่งเพื่อผนึกพลังกระบี่ของมัน จากนั้นก็โจมตีด้วยกระบี่ของเจ้าซะ”
จักรพรรดิราตรีกล่าวกับฉิงเฟิงด้วยความมั่นใจ