My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 952 ราชโองการแห่งเทพ
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 952 ราชโองการแห่งเทพ
“ราชันผู้พิชิตช่างสมแล้วที่เป็นก็อดออฟวอร์แห่งหัวเซี่ยเขาทรงพลังเหลือเกิน ลอร์ดออกัสตัสไม่ใช่คู่มือเขาแม้แต่น้อย !”
“ใช่ข้าก็เคยได้ยินเกี่ยวกับความสามารถของเขามาก่อน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้”
“ใครจะเป็นผู้ชนะ ระหว่างสมเด็จพระสันตะปาปากับราชันผู้พิชิต”
“ฉันก็ไม่แน่ใจสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นอันดับหนึ่งในทวีปเสือ ส่วนราชันผู้พิชิตเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหัวเซี่ย ทั้งคู่ต่างก็เป็นสุดยอดฝีมือชั้นยอด ดังนั้นมันก็… 50-50”
ทุกคนเริ่มถกเถียงกันอย่างเงียบๆ
ราชันผู้พิชิตกดขี่เหนือหล้าและทรงพลังเกินไปแม้แต่คนของทวีปเสือก็ยังกังขาว่าพระสันตะปาปาจะรับมือชายผู้นี้ได้หรือไม่
ออกัสตัสพ่ายแพ้ด้วยเสียงคำรามเพียงประโยคเดียวใบหน้าของเขาซีดเผือดและแดงก่ำ ความซีดของใบหน้าเป็นผลมาจากการบาดเจ็บของเขา และสีแดงก่ำมาจากความอัปยศอดสูที่ได้รับ
ท้ายที่สุดแล้วออกัสตัสก็เป็นถึงลอร์ดแห่งสมาพันธ์เทพนภาเขาปกครองเหนือทวีปเสือมาร่วมร้อยปีและล้มอริศัตรูมานับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นคือความจริงที่ว่าในช่วงหนึ่งพันปีที่ผ่านมา บรรพบุรุษของเขานำกองทัพเดินทางจากตะวันตกไปยังหัวเซี่ยเพื่อปล้นชิงวิชาการต่อสู้และทรัพย์สมบัติของประเทศมามากมาย
ในสายตาเขาชาวหัวเซี่ยล้วนเป็นคนอ่อนแอ, ขี้ขลาด แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บจาก ‘คนขี้ขลาด’ เขารู้สึกอับอายอย่างที่สุด
เมื่อเห็นว่าออกัสตัสเตรียมพร้อมที่จะโจมตีอีกครั้งสมเด็จพระสันตะปาปาจึงเอ่ยขึ้นว่า “หยุดเถอะ เจ้าไม่เหมาะกับราชันผู้พิชิต ปล่อยเขาผู้นี้ให้เราจัดการเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกัสตัสก็หยุดมืออย่างไม่เต็มใจ เขารู้ว่าพระสันตะปาปากล่าวถูกต้อง ม่านแสงวิญญาณของเขาถูกบดขยี้ด้วยการจ้องมองเพียงครั้งเดียวของราชันผู้พิชิต เขาถูกบีบให้ถอยรูดเพียงเพราะคำตวาดคำเดียว เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันผู้พิชิตแม้แต่น้อย เขาทำได้เพียงต้องปล่อยให้พระสันตะปาปาจัดการเรื่องนี้เอง
“ราชันผู้พิชิตเราได้ยินมาว่าเจ้าคือนักสู้หมายเลขหนึ่งของหัวเซี่ยเมื่อสิบปีก่อน น่าเสียดายที่เจ้าหายตัวไปในเขตต้องห้ามของภูเขาคุนหลุน วันนี้ได้พบกัน เจ้าลองแสดงให้ข้าเห็นหน่อยเถอะว่าเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด” พระสันตะปาปากล่าวอย่างสงบ
ในฐานะที่เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่เขามีสรรพวิชามากมาย แม้นว่าราชันผู้พิชิตจะทรงพลังมาก แต่เขาก็ไม่กลัว
“ไอ้เฒ่าบัดซบแกใช่มั้ยที่เป็นคนสั่งตัดสินประหารชีวิตลูกชายของเราราชัน แกคิดว่าใหญ่มาจากไหนวะ ?” ราชันผู้พิชิตกล่าวอย่างเยือกเย็น
คำพูดของเขาทำให้พระสันตะปาปาโกรธกริ้วในฐานะที่เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งศาสนจักร เขาเก็บอารมณ์ได้ดีและไม่ค่อยโกรธเกรี้ยว แต่วันนี้ชายคนนี้ทำให้เขาโกรธมาก
ราชันผู้พิชิตที่น่าชังเจ้ากล้าอย่างไรถึงเรียกเราว่าไอ้เฒ่าต่อหน้าธารกำนัล
“
คทาแห่งแสง”
พระสันตะปาปาคำรามเสียงต่ำเขาเหวี่ยงไม้เท้าในของเขาออกไป มันกลายเป็นแสงสีทองที่พุ่งตรงเข้าหาราชันผู้พิชิต
แสงสีทองนั้นทรงพลังอย่างยิ่งมันเจาะอากาศโดยตรงและก่อตัวเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่ นำมาซึ่งบรรยากาศแห่งการทำลายล้าง
“
ดรรชนีผู้พิชิต
! “
โดยไม่มีการเคลื่อนไหวที่เกินความจำเป็นราชันผู้พิชิตยกนิ้วชี้ขึ้นและยิงแสงสีแดงออกมาปะทะกับแสงสีทองจากคทาแห่งแสง
ตูมตูม
!
ราวกับว่าโลกทั้งใบแตกเป็นเสี่ยงๆเสียงที่ดังกระหึ่มดังก้องกังวานไปทั่วทั้งโบสถ์ ทุกอย่างในบริเวณใกล้เคียงนั้นได้หายไป แม้แต่รูปปั้นหลายรูปก็สลายหายไปอากาศที่เบาบาง
พลังงานที่พรั่งพรูออกมาทรงอำนาจเกินไปและไม่อาจต้านทานกันได้อย่างสมบูรณ์ในที่สุดมันก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและก่อให้เกิดรูขนาดใหญ่บนหลังคาของมหาวิหาร โชคดีที่มันไม่ได้พุ่งไปในแนวนอน ไม่เช่นนั้นจะมีคนตายอีกหลายคน
เมื่อเห็นฉากที่น่ากลัวนี้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ว็อทเดอะ ฟัค ! พวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆหรือ พลังทำลายของพวกเขาราวกับเป็นขีปนาวุธลูกเล็กๆ ด้วยประกายลำแสงสีทอง ทุกอย่างก็ถูกทำลายสิ้น !
ดรรชนีผู้พิชิตเป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังในระดับสวรรค์ของราชันผู้พิชิตมันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อและไร้ผู้ต้านทาน
ครืดครืด !!
อวตารของพระสันตะปาปาก้าวถอยหลังกลางอากาศไปหลายก้าวใบหน้าของเขาซีดจาง ทั่วร่างสั่นสะท้านจนแทบจะสลายไป
“อะไรกันนี่! พระสันตะปาปาพ่ายแพ้ต่อราชันผู้พิชิตจริงหรือ ?”
“แต่เขาเป็นถึงพระสันตะปาปาแห่งศาสนจักรเชียวนะเขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร ”
“ราชันผู้พิชิตทรงพลังมากเขายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ด้วยซ้ำ !”
ทุกคนที่อยู่รอบๆนั้นตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงสิ่งที่ปรากฏในสายตาของพวกเขาในวันนี้เกินกว่าที่สมองจะรับไหว ภายในวันเดียวพวกเขาตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า
ก่อนหน้านี้เดิมทีพวกเขาคิดว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสิบของสมาพันธ์เทพนภาคือตัวตนที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก แต่ด้วยการปรากฏตัวของหลี่ฉิงเฟิง กลุ่มคนที่ทรงพลังเหล่านี้กลับตกตายด้วยมือเขาถึงห้าคน จากนั้นพวกเขาคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่แล้วเขาก็ถูกพันธนาการด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของลอร์ดออกัสตัส หลังจากนั้นพวกเขาคิดว่าออกัสตัสมีอำนาจมากที่สุด แต่หลังจากนั้น… ด้วยการปรากฏตัวของราชันผู้พิชิต ออกัสตัสที่แข็งแกร่งกลับถูกบีบให้ถอยด้วยเสียงคำตอกคำเดียว และตอนนี้ล่ะ ราชันผู้พิชิตเอาชนะได้แม้กระทั่งพระสันตะปาปา ราชันผู้พิชิตแข็งแกร่งระดับไหนกันแน่ !?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลี่ฉิงเฟิงเป็นคนหยิ่งผยองเช่นนี้เขากล้าที่จะชิงตัวเจ้าสาวของออกัสตินไปต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งของทวีปเสือ ที่แท้เขามีบิดาที่ทรงพลังเหนือโลกหล้าขนาดนี้นี่เอง
“ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์…..นี่เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะพลังระดับจิตวิญญาณสวรรค์ ” พระสันตะปาปาตกตะลึง
โดยทั่วไปแล้วขอบเขตของผู้บ่มเพาะพลัง/ผู้ฝึกตนแบ่งเป็น : จิตวิญญาณแท้จริง, จิตวิญญาณโลกา, จิตวิญญาณสวรรค์, จิตราชัน, จิตจักรพรรดิ
(มีเยอะกว่านี้อีกมากแต่ภาคหลังโน้น หลังๆมีนาวาปราณด้วยนะ)
พระสันตะปาปาเป็นผู้บ่มเพาะพลังในขอบเขตจิตโลกาขั้นสูงสุดเป็นธรรมดาที่เขาไม่อาจเปรียบได้กับยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณสวรรค์เช่นราชันผู้พิชิต
“ไอ้แก่เน่าตาถึงนี่ เอารางวัลมั้ย” ราชันผู้พิชิตยกยิ้มอย่างเย่อหยิ่งอหังการและเรียกพระสันตะปาปาอย่างหยาบคาย ทุกคนตะลึงเพราะนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเรียกสมเด็จพระสันตะปาปาว่า‘ไอ้แก่’ แม้เขาจะเป็นพระสันตะปาปา แต่ราชันผู้พิชิตกลับกล้าเรียกเขาเช่นนี้
“ฮึ! ผู้พิชิต, เจ้าคิดว่าเราไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้เพราะเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะพลังระดับจิตวิญญาณสวรรค์เช่นนั้นหรือ ”
พระสันตะปาปาแค่นเสียงเย็นชาดวงตาเต็มไปด้วยความดูหมิ่น
ใช่ราชันผู้พิชิตนั้นยิ่งใหญ่และทรงพลังอย่างแท้จริง อีกทั้งเขายังเป็นถึงสุดยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณสวรรค์ซึ่งทรงพลังกว่าพระสันตะปาปา แต่ต้องไม่ลืมภูมิหลังของพระสันตะปาปา ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเสือด้วยการสืบทอดกันมาหลายพันปี ตัวเขาเต็มไปด้วยอุปกรณ์และสมบัติล้ำค่าที่ทรงอำนาจนับไม่ถ้วน
ในสมัยโบราณกาลศาสนจักรเป็นดั่งตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าบนโลกมนุษย์ ตัวท่านเองมีสถานะและบ่มเพาะพลังอยู่ทุกวันท่านไม่มีเวลามาดูแลเรื่องทางโลก ดังนั้นท่านจึงก่อตั้งศาสนจักรขึ้นให้มนุษย์ปกครองกันเองโดยใช้ชื่อของท่าน และยกให้พระสันตะปาปาเป็นผู้นำสูงสุด
พระสันตะปาปาหยิบตำราสีขาวเล่มหนึ่งออกมามันเป็นม้วนตำราแบบตะวันตกที่ทำจากหนังแกะ ดูเก่าแก่อย่างยิ่งและเรืองแสงไปด้วยสีทองแดง มันเป็นโองการที่หลงเหลือไว้บนโลกโดยเทพเจ้า มันคล้ายกับราชโองการแห่งจักรพรรดิแต่ทรงพลังกว่า
“
ผู้น้อยคือพระสันตะปาปาเบรุตคนที่
138…
เทพแห่งแสงได้โปรดส่งโองการสวรรค์ลงมาและสังหารผู้ที่ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรด้วยเถิด…”
พระสันตะปาปาท่องบทสวดไปที่ม้วนหนังแกะ
ตูม !!
ม้วนหนังแกะสีขาวส่องแสงสีขาวแพรวพราวออกมาปรากฏเงาดวงตาข้างหนึ่งของเทพเจ้าโบราณขึ้นเหนือมัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ดวงตาข้างเดียว แต่มันก็ใหญ่โตมโหฬารโดยมีขนาดใหญ่เท่ากับสนามบาสเก็ตบอลซึ่งครอบคลุมไปทั่วทั้งเพดานของมหาวิหาร มันดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
ดวงตาที่ใหญ่เท่ากับสนามบาสเก็ตบอลเพียงปรากฏการณ์เดียวก็ทำให้ผู้คนโดยรอบหวาดผวาไปจนลึกถึงแก่นวิญญาณ สมาชิกทุกคนของศาสนจักรต่างคุกเข่าลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียง คนอื่นๆจากทวีปเสือก็เริ่มทำตามด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างสุดซึ้ง
“
เจ้าคือผู้ที่เรียกข้ามาเช่นนั้นหรือ
“
ดวงตาขนาดใหญ่ถามอย่างชัดถ้อยชัดคำไร้ซึ่งร่องรอยแห่งอารมณ์ “ขอรับนายท่านผู้สูงส่ง ราชันผู้พิชิตผู้นี้ได้ด่าทอเหยียดหยามความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักร นี่คือการไม่เคารพต่อท่าน นายท่านผู้สูงส่ง, ขอได้โปรดลงโทษชายผู้นี้”
เบื้องหน้าราชโองการแห่งเทพแม้แต่พระสันตะปาปายังต้องก้มกราบลงบนพื้น หน้าผากของเขากดลงบนพื้นอย่างแน่นหนาโดยไม่มีร่องรอยของไม่เคารพแม้แต่น้อย มันดูราวกับว่าขอทานกำลังพบจักรพรรดิ เขาไม่แสดงอาการอื่นได้นอกจากความเคารพอย่างสุดขั้วหัวใจ