My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 963 หัวหน้าของชนเผ่าแม็กม่า
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 963 หัวหน้าของชนเผ่าแม็กม่า
“เฮ้ในหัวของนายเต็มไปด้วยแม็กม่าไม่ก็ขยะเรอะ ฉันไปแย่งเมียหรือหลอกฟันลูกสาวนายรึไง ทำไมนายต้องด่าทอฉันว่ามนุษย์บัดซบเอย มนุษย์สารเลวเอย ฉันไปทำอะไรให้นายเนี่ย ?” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
เขาไม่พอใจกับชายวัยกลางคนผมแดงที่เรียกเขาว่ามนุษย์ที่น่ารังเกียจเพราะชาวแม็กม่าเหล่านี้ก็นับได้ว่าเป็นสายพันธุ์มนุษย์เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ในที่นี้ก็มีเพียงราชาเสือสีชาดที่เป็นสัตว์อสูรเท่านั้น
ชายวัยกลางคนรู้สึกโกรธแค้นต่อคำด่าของฉิงเฟิงเขาไม่สามารถด่าชนะฉิงเฟิงได้
“น่ารังเกียจน่ารังเกียจ เจ้ามนุษย์ที่ไร้ยางอาย ข้าจะฆ่าเจ้า !” ชายผมแดงคำรามด่าทอออกมาหลายคำต่อฉิงเฟิง
เขาเหวี่ยงหมัดแม็กม่าที่หลอมละลายอากาศตลอดทางออกไปและพุ่งเข้าใส่ฉิงเฟิงอย่างรุนแรง
ตอนที่ 963 หัวหน้าของชนเผ่าแม็กม่า
“เฮ้ในหัวของนายเต็มไปด้วยแม็กม่าไม่ก็ขยะเรอะ ฉันไปแย่งเมียหรือหลอกฟันลูกสาวนายรึไง ทำไมนายต้องด่าทอฉันว่ามนุษย์บัดซบเอย มนุษย์สารเลวเอย ฉันไปทำอะไรให้นายเนี่ย ?” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
เขาไม่พอใจกับชายวัยกลางคนผมแดงที่เรียกเขาว่ามนุษย์ที่น่ารังเกียจเพราะชาวแม็กม่าเหล่านี้ก็นับได้ว่าเป็นสายพันธุ์มนุษย์เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ในที่นี้ก็มีเพียงราชาเสือสีชาดที่เป็นสัตว์อสูรเท่านั้น
ชายวัยกลางคนรู้สึกโกรธแค้นต่อคำด่าของฉิงเฟิงเขาไม่สามารถด่าชนะฉิงเฟิงได้
“น่ารังเกียจน่ารังเกียจ เจ้ามนุษย์ที่ไร้ยางอาย ข้าจะฆ่าเจ้า !” ชายผมแดงคำรามด่าทอออกมาหลายคำต่อฉิงเฟิง
เขาเหวี่ยงหมัดแม็กม่าที่หลอมละลายอากาศตลอดทางออกไปและพุ่งเข้าใส่ฉิงเฟิงอย่างรุนแรง “ห้าวจริงๆ”ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเหยียดหยันและเหวี่ยงหมัดขวาใส่หน้าอกของชายผมแดง
แกร่ก!
เสียงแตกบ่งบอกถึงการที่ชายผมแดงซี่โครงหักอีกท่อนก่อนที่เขาจะถูกส่งกลับไปยังแม่น้ำแม็กม่าอีกครั้งเขากรีดร้องอย่างน่าสังเวชและบาดเจ็บสาหัส
“อ่อนแอเหลือเกิน…ฉันก็คิดไม่ถึงว่ามนุษย์แม็กม่าบ้าบออะไรนี่จะอ่อนแอขนาดนี้” ฉิงเฟิงส่ายหัวด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังของมนุษย์แม็กม่าบนเกาะเพลิงระอุมาก่อนคนเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในแม็กม่าที่ร้อนระอุได้ แต่ชายผู้นี้กลับอ่อนแอกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ
“อืมในเมื่อผลเพลิงสุกได้ที่ งั้นฉันจะเด็ดมันละนะ” เมื่อไร้ตัวปัญหา ฉิงเฟิงจึงคิดที่จะเก็บผลเพลิงทันที
เมื่อเห็นความตั้งใจของฉิงเฟิงราชินีอสูรเพลิงและราชาเสือสีชาดก็ก้าวไปข้างหน้าดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ในตอนแรกราชาเสือสีชาดไม่ได้จริงจังอะไรกับการปรากฏตัวของฉิงเฟิงจนกระทั่งเขาเปิดเผยความแข็งแกร่งออกมาด้วยการส่งมนุษย์แม็กม่าบินด้วยหมัดเดียว
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดด้วยความขัดแย้งที่คืบคลานเข้ามา
ในขณะนั้นเองเสียงที่ฟังดูคร่ำครึโบราณดังขึ้นมาจากก้นแม่น้ำแม็กม่าว่า
“ช่างข่มเหงอะไรกันขนาดนี้…พวกเจ้าทั้งสามไม่ควรบีบคั้นใช้กำลังในการแย่งชิงผลเพลิงของพวกเราไป”
กลิ่นอายอันทรงพลังปรากฏขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงชราเสียงนั้น
แม็กม่าในแม่น้ำลาวาแยกออกอย่างช้าๆและเผยให้เห็นชายชราผิวแดงที่มีผมสีแดงยืนอยู่ที่ก้นแม่น้ำเขามองไปที่ฉิงเฟิงและคนอื่นๆด้วยสายตาเย็นชา “ขอแสดงความยินดีกับท่านอาวุโสสูงสุดในการกักตัวฝึกตนสำเร็จขอรับ!”
เหล่ามนุษย์แม็กม่าทั้งหมดต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพ
ชายชราผู้นี้เป็นหัวหน้าของเหล่ามนุษย์แม็กม่าเขาเพิ่งสำเร็จการกักตนฝึกฝนและทรงพลังมาก
ทั้งฉิงเฟิงและราชาเสือสีชาดต่างก็ผงะจนก้าวถอยหลังเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุกคามอันรุนแรงจากหัวหน้ามนุษย์แม็กม่า
แต่ราชินีอสูรเพลิงกลับจ้องมองหัวหน้ามนุษย์แม็กม่าอย่างไม่หวั่นเกรงและไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“พ่อหนุ่มเจ้ากล้าทำร้ายคนของเราจนบาดเจ็บ ข้าจำต้องสั่งสอนบทเรียนให้เจ้า”
ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นหัวหน้ามนุษย์แม็กม่าฟาดดาบไปที่ฉิงเฟิง
ดาบเล่มนี้เปล่งประกายพลังความร้อนอันรุนแรงของแม็กม่าและออร่าดาบที่ยาวนับสิบเมตรก็ทำให้อากาศปริแตก
“อาวุธวิญญาณระดับโลกา!”
เมื่อเห็นรังสีดาบที่แหลมคมฉิงเฟิงก็ดูออกว่ามันคืออาวุธระดับโลกา เขารู้สึกประหลาดใจที่หัวหน้ามนุษย์แม็กม่าครอบครองอาวุธวิญญาณระดับโลกา
เช้ง!
เขาชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาและฟาดฟันเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่รีรอรังสีกระบี่ยาวนับยี่สิบเมตรเปล่งประกายออกมาจากกระบี่และเข้าปะทะกับรัศมีดาบของชายชรา
อาวุธทั้งสองต่างก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับโลกาการประทะกันของอาวุธทั้งสองทำให้เกิดเสียงและพลังอันรุนแรง
ตูม
!!
ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว,ฉิงเฟิงถูกพลังดาบอันรุนแรงกระแทกใส่จนลอยกระเด็นไปข้างหลัง “นี่มัน…ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย !” ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงนั้นสามารถต่อกรกับยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงได้แม้กระทั่งขั้นกลางแต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหัวหน้ามนุษย์แม็กม่าที่มีระดับพลังเหนือกว่าถึงสองขั้นอย่างแน่นอน
“โฮ่ ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นอย่างเจ้าสามารถรับการโจมตีของข้าได้เชียวหรือ เจ้าฝึกฝนวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งไม่เลว แถมยังครอบครองอาวุธวิญญาณระดับโลกาอีกด้วย” ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของหัวหน้ามนุษย์แม็กม่า
อุปกรณ์วิญญาณระดับโลกานั้นล้ำค่าและหายากมากแม้กระทั่งหัวหน้ามนุษย์แม็กม่าที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะแห่งนี้ก็ยังมีเพียงชิ้นเดียว
เมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของหัวหน้ามนุษย์แม็กม่าและพลังที่แข็งแกร่งของเขาการแสดงออกของราชาเสือสีชาดก็เปลี่ยนไป เขาค่อยๆขยับถอยหลังอย่างลับๆเตรียมจะเผ่นหนีทุกเมื่อ
“ราชาเสือสีชาดข้าอนุญาตให้เจ้าจากไปได้เมื่อใดกัน ” หัวหน้ามนุษย์แม็กม่ากล่าวอย่างเย็นชา
ใบหน้าของราชาเสือสีชาดซีดเผือดลงเมื่อเจตนาของเขาถูกตรวจพบเขารู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของหัวหน้ามนุษย์แม็กม่า การอยู่ที่นี่ค่อนข้างอันตรายสำหรับเขา
มีเพียงราชินีอสูรเพลิงเท่านั้นที่ยังคงแย้มยิ้มอย่างเฉิดฉันและไม่สะทกสะท้านกับพลังที่หัวหน้ามนุษย์แม็กม่าแสดงออกมา
“แหมๆขอแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าของเจ้าในการตัดผ่านไปสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย นี่มันข่าวดีจริงๆ” ราชินีอสูรเพลิงหัวเราะคิกคัก
การแสดงออกของหัวหน้ามนุษย์แม็กม่าเปลี่ยนไปเมื่อได้สังเกตเห็นราชินีอสูรเพลิงเห็นได้ชัดว่าเขาจดจำเธอได้เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เดินแรดไปทั่วอาณาเขตของเขา
“ราชินีอสูรเพลิงทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ”
“ถามมาได้ข้าอยู่ที่เกาะเน่าๆนี่มาตั้งสิบห้าปีก็เพื่อรอผลเพลิงถึงเวลาเก็บเกี่ยว แน่นอนข้าต้องมาเอามัน”
“ผลเพลิงเป็นของพวกเรา,มนุษย์แม็กม่า พวกเราไม่มีทางยอมมอบให้เจ้าแน่”
หัวหน้ามนุษย์แม็กม่าขมวดคิ้วและปฏิเสธเธอทันที
ราชินีอสูรเพลิงยิ้มอย่างเย็นชาต่อคำพูดของเขาเธอโคจรพลังแท้ในร่างทันทีและทันใดนั้นเอง ออร่าอันทรงพลังก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของเธอจนส่งผลให้แม่น้ำแม็กม่าเดือดปุดๆ
“จิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย! ราชินีอสูรเพลิง นี่เจ้าก็มาถึงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายแล้วงั้นหรือ !” หัวหน้ามนุษย์แม็กม่ากล่าวด้วยความตกตะลึง เราต้องรู้ว่าหัวหน้ามนุษย์แม็กม่าที่มีอายุร่วมร้อยปีก็เพิ่งจะมาถึงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายได้ไม่นานมานี้เองเห็นได้ชัดว่าราชินีเพลิงมีพรสวรรค์และความสามารถในการบ่มเพาะพลังมากกว่าเขา เพราะเธอมาถึงขั้นนี้ด้วยอายุเพียงสามสิบกว่าปีเท่านั้นเอง !
เมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ราชินีอสูรเพลิงปลดปล่อยออกมาฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้วแน่นและตระหนักได้ว่าเจ๊ใหญ่คนงามผู้นี้ได้เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงของเธอเอาไว้
มันก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอไม่ยอมรับฉิงเฟิงในฐานะนายน้อยด้วยพรสวรรค์และความสามารถอันยอดเยี่ยมของเธอ เธอมีพลังมากกว่าฉิงเฟิง